สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 28.3

ตอนที่ 28.3

บทที่ 28 แผนการของหลัวฮองเฮา! (3)
โดย
Ink Stone_Romance
เปรียบเทียบกันแล้วพวกเขาจวนรองนับวันก็ยิ่งผ่านไปอย่างยากลำบาก

หลัวฮองเฮาก็หงุดหงิดใจกับเรื่องนี้เช่นกัน เมื่อได้ฟังเช่นนี้สีหน้าจึงค่อยผ่อนหลายลงบ้าง “เรื่องของเสียงเอ๋อร์ ข้าคอยจับตาดูแลเขาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่ต้องให้พวกเจ้ามายกมือยกเท้ากระโดดโลดเต้นมาจนถึงที่นี่ ใต้หล้านี้มีหญิงสาวที่เพียบพร้อมตั้งเท่าใด นังเด็กคนนั้น…”

“แท้จริงแล้วเดิมทีท่านแม่ก็พึงพอใจกับท่านหญิงสามของจวนอ๋องหนานเหอเช่นกัน” หลัวอวี่ก่วนกล่าวอย่างรีบร้อน

เมื่อหลัวฮองเฮาฟังจบ ประโยคด้านหลังก็ติดอยู่ในลำคอ ใบหน้ามืดมนลงทันที ปรากฏสัญญาณของความโกรธอยู่รางๆ

ในใจของหลัวอวี่ก่วนสั่นสะท้าน รีบก้มศีรษะลงไป กล่าวอย่างรู้ผิด “เป็นอวี่ก่วนที่ปากมากเพคะ!”

เรื่องของฉู่อี้หมินก็เป็นความทุกข์ในใจอีกเรื่องของหลัวฮองเฮาเช่นกัน เมื่อคิดขึ้นมาความโกรธก็พลุ่งพล่านขึ้นทันที กล่าวออกมาอย่างเย็นเยียบ “กลับไปเถิด!”

“เพคะ!” หลัวอวี่ก่วนผงกศีรษะอย่างอ่อนน้อม

ฮูหยินรองหลัวเงยหน้ามองทีหนึ่ง อยากจะพูดอะไรสักอย่างกลับไม่กล้าเอ่ยปากออกมา จึงถอยออกไปอย่างลังเลพร้อมกับหลัวอวี่ก่วน

ก่อนที่จะลุกขึ้น หลัวอวี่ก่วนก็ส่งสายตาเป็นนัยอย่างรู้กันให้กับไฉ่เยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็มองตรงไปยังด้านหน้าแล้วเดินออกไป

ในตำหนักใหญ่ หลัวฮองเฮานั้นเผยใบหน้ามืดครึ้มไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียว

แม่นมเหลียงจึงกล่าวปลอบอย่างมีกังวลอยู่บ้างว่า “ฮูหยินรองหลัวนั้นเคยได้รับความช่วยเหลือเล็กน้อยจากท่านหญิงสวินหยางมาก่อนหน้านี้ เดิมทีนางก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่มีความคิดอันใด ฮองเฮาอย่าได้เอาความรู้ไปเปรียบกับนางเลย!”

“คำสองคำนี้ เหตุใดพูดออกมาแล้วจึงไม่เป็นโล้เป็นพายเอาเสียเลย!” หลัวฮองเฮาตบโต๊ะทั้งกล่าวอย่างหงุดหงิด

แม่นมเหลียงอ้าปากค้าง อยากจะเอ่ยปลอบแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี

เวลานี้ไฉ่เยว่จึงค่อยๆก้าวเท้าเดินมาด้านหน้า ยกถ้วยน้ำชาที่เย็นชืดหมดแล้วขึ้นจากโต๊ะ กล่าวอย่างสองจิตสองใจ “ฮองเฮาเพคะ บ่าวไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่…แท้จริงแล้ว ในเมื่อฮูหยินรองหลัวถูกใจในตัวท่านหญิงสวินหยาง เหตุใด

ท่านจึงไม่เห็นดีงามด้วยหรือเพคะ?”

หลัวฮองเฮาประกายสายตาทิ่มแทงมองไปอย่างเยือกเย็น

ไฉ่เยว่ใบหน้าซีดเผือด แต่ก็ยังคงฝืนยิ้มกล่าวต่อ “ช่วงนี้ท่านอ๋องหนานเหอพักฟื้นตัวอยู่ที่จวน แม้ว่าฝ่าบาทจะเลื่อนตำแหน่งให้องค์ชายสี่ แต่ได้ยินว่า ไม่กี่วันมานี้เพราะว่าเรื่องของราชกิจ องค์ชายสี่กลับได้รับการตำหนิมาไม่น้อย ฝ่าบาทยังตรัสว่าให้องค์รัชทายาทช่วยสั่งสอนเขาให้มากกว่านี้หน่อย”

ความหมายก็คือ ฮ่องเต้นั้นยังคงพอใจในตัวองค์รัชทายาทคนนี้เป็นอย่างมาก

ในใจของหลัวฮองเฮาราวกับจะตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ แต่ก็ยังมีส่วนที่ไม่เข้าใจอยู่ดี

ไฉ่เยว่มองนาง กล่าวอย่างระมัดมะวัง “ฮองเฮาและองค์รัชทายาทอย่างไรก็เป็นแม่ลูกกัน ความสัมพันธ์แม่ลูกไหนเลยจะแยกได้เป็นศัตรู? ฮองเฮาไม่ชอบชายารองสอง ฝ่าบาทก็ทำตามประสงค์ของฮองเฮาเนรเทศนางไปอารามเมตตา ยิ่งผ่านมาเกือบสิปปี แม้จะไปดูก็ยังไม่ไปดูนางสักครั้ง ที่พอจะมองออก ในใจของฝ่าบาทก็ยังคงเป็นฮองเฮา แม่ผู้ให้กำเนิดที่สำคัญที่สุด นี่ก็ผ่านไปตั้งนานนมแล้ว หรือว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ฮองเฮาจึงขุ่นเคืองใจองค์รัชทายาทมาโดยตลอดเพคะ?”

หลัวฮองเฮาชะงักไป ใบหน้ากลับยังแฝงความอ่อนโยนอยู่บ้าง

ไฉ่เยว่วางถ้วยชาไว้บนจานรองด้านข้าง เดินไปยังด้านหลัง ก่อนจะยกมือนวดไหล่คลายความอ่อนล้าให้นาง พลางกล่าวต่อไป “ฮองเฮา หากบ่าวพูดมิควรก็ขอให้อภัย ฝ่าบาททุกวันนี้ก็อายุมากแล้ว ส่วนองค์รัชทายาทนั้นเจริญรุ่งเรืองดุจดั่งพระอาทิตย์กลางท้องฟ้า แม้ว่าท่านอ๋องหนานเหอจะกตัญญูรู้คุณ ทว่าวาสนาของพระองค์กลับมีลูกหลานมากมาย ที่สามารถพึ่งพาได้ก็มีมิใช่น้อย ในเมื่อโอกาสเช่นนี้อยู่ตรงหน้าแล้ว เหตุใดพระองค์จึงไม่มอบน้ำใจสักเล็กน้อย สานต่อเรื่องดีระหว่างท่านหญิงฉู่สวินหยางและท่านชายหลัวล่ะเพคะ?”

เป็นเพราะฉู่อี้อันที่ไม่ยอมเชื่อฟังตั้งแต่ต้น ทำให้หลายปีมานี้ในใจของหลัวฮองเฮาจึงมีช่องว่างบางอย่างกับเขามาโดยตลอด ทั้งนางยังตั้งใจที่จะเข้าข้างฉู่อี้หมิน ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่าเคยมีใจที่อยากจะให้ฮ่องเต้เปลี่ยนตำแหน่งรัชทายาทอยู่เช่นกัน

แต่เมื่อหันกลับไปมองจุดเริ่มต้น นางก็แค่ไม่ไว้ใจฉู่อี้อันเท่านั้น ไม่ได้คิดจะอาฆาตกับลูกคนนี้อย่างจริงจัง

หลายปีที่ผ่านมา การกระทำที่เอาแต่ใจของนางก็ล้วนเพื่อบีบเค้นให้อีกฝ่ายยอมศิโรราบ ให้เขาเป็นฝ่ายที่ยอมรับผิดต่อนาง ทว่าไปๆ มาๆ ฉู่อี้อันกลับเป็นคนที่มีท่าทีดื้อรั้นเช่นนาง ดังนั้นจึงถกเถียงกันอยู่เช่นนี้

หากเป็นก่อนหน้านี้ก็คงจะดีอยู่บ้าง แต่ว่าเวลานี้เห็นได้ชัดว่าฉู่อี้หมินถูกฮ่องเต้หน่ายหนีเสียแล้ว นางแม้จะโง่อย่างไรก็คงไม่มีความคิดที่จะผลักดันลูกคนนี้รับตำแหน่งอีกแล้ว

อาจพูดได้ว่า คำพูดพวกนี้ของไฉ่เยว่ถูกตรงจุดเลยทีเดียว ราวกับคำพูดแม่พระมาโปรดช่วยเตือนสตินางก็มิปาน

แต่ทว่า…หรือจะต้องให้นางเป็นฝ่ายอ่อนข้อยอมขอคืนดีกับลูกคนนี้จริงๆ?

“เรื่องดี?” หลัวฮองเฮาหัวเราะอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงกลับดูอ่อนโยนลงอยู่บ้าง “กลัวเสียแต่ว่าจะกลายเป็นยิ่งทำยิ่งแย่น่ะสิ!”

ฉู่อี้อันให้ความสำคัญต่อฉู่สวินหยางมากเพียงใด หากเขาไม่ชื่นชอบหลัวเสียง เรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะไม่สำเร็จ แต่กลับจะยิ่งได้ผลตรงกันข้าม

“ฮองเฮาไม่ทราบเสียแล้ว” ไฉ่เยว่กะพริบตาปริบๆ เผยยิ้มมีเลศนัย “หากไม่ใช่ว่าเรื่องนี้มีอะไรสักอย่าง ฮูหยินรองหลัวจะยกเรื่องนี้เข้ามาพูดกับฮองเฮาได้อย่างไร? บ่าวได้ยินมาว่า เวลานี้ฮูหยินรองหลัวและท่านหญิงฉู่สวินหยางไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง ความสัมพันธ์ที่แตกต่างเช่นนี้ ฮูหยินรองหลัวกลับเข้าออกวังบูรพาอย่างสม่ำเสมอ ฮองเฮาจะรู้ได้อย่างไรว่ามิใช่สองคนสนิทสนมกันขึ้นมาแล้ว?”

พูดถึงฉู่สวินหยาง หลัวฮองเฮายังคงขมวดคิ้วมุ่น

แม่นมเหลียงเมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของไฉ่เยว่รู้สึกว่ามีส่วนที่ไม่ถูกอยู่บ้าง จึงลองเปิดปากกล่าว “หากฮองเฮาไม่วางพระทัย เช่นนั้นมิสู้เรียกตัวรัชทายาทมาหา ลองพูดกับเขาดูก่อน ถ้าหาก…”

“แม่นมเหลียงกังวลมากไปหรือไม่?” ไฉ่เยว่กล่าว กลับไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก “ท่านหญิงเป็นสกุลฝ่ายเจ้าสาว หากมีใจเช่นนั้นอยู่จริงๆ กลัวว่าจะเกรงใจจนไม่กล้าพูดกับรัชทายาทอย่างชัดเจน ถามไปก็เสียเปล่าเพคะ อีกทั้งฮองเฮาเป็นเสด็จย่าของท่านหญิง งานสมรสแต่ไหนแต่ไรก็ล้วนแต่เป็นคำสั่งของพ่อแม่ที่เป็นผู้เลือกคู่ครองให้ ฮองเฮาเอ็นดูท่านหญิงนัก หากจะตัดสินใจแทนก็มิใช่ว่าจะทำไม่ได้ ท่านชายหลัวก็จะกล่าวถึงว่าได้รับการดูแลจากฮองเฮา ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือความรู้ก็ล้วนแต่โดดเด่น สนับสนุนงานแต่งงานที่น่ายินดีเช่นนี้ เมื่อถึงเวลานั้นท่านหญิงก็ต้องซาบซึ้งในตัวของฮองเฮาแน่นอนเพคะ”

แม่นมเหลียงขมวดคิ้วแน่นยิ่งไปกว่าเดิม ทั้งยิ่งรู้สึกว่าสาวใช้คนนี้มีปัญหา จึงรีบอ้าปากอย่างเร่งร้อนหมายที่จะพูดอะไรสักอย่าง กลับถูกหลัวฮองเฮายกมือขึ้นตัดบทเสียก่อน “ไม่ต้องพูดกันอีกแล้ว ให้ข้าอยู่เงียบๆ คนเดียว”

“เพคะ!” คนทั้งสองแม้ว่าจะไม่เต็มใจ กลับยังคงรับคำสั่งอย่างอ่อนน้อมก่อนจะเดินออกไป

เมื่ออกมาจากตำหนัก แม่นมเหลียงจึงกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเย็นกับไฉ่เยว่ “ข้ามองผิดไปรึไม่? เหตุใดเมื่อก่อนจึงมองไม่เห็นว่า คนอย่างเจ้ามีฝีปากเช่นนี้ด้วย!”

“แม่นมเหลียงพูดเรื่องอันใดกัน!” ไฉ่เยว่หลุบตาต่ำ ไม่ให้ตนเองเผยพิรุธทางสีหน้าออกมา “บ่าวยังมีงานต้องทำ คงต้องขอตัวก่อน”

ขณะที่พูดก็ยกถ้วยชาที่เย็นเชียบเดินจากไปด้วย

แม่นมเหลียงประกายสายตาเย็นเยียบ ในขณะที่กำลังลังเลว่าจะกลับหรือไม่กลับเข้าไปดี ก็ได้ยินเสียงหลัวฮองเฮาร้องเรียก “แม่นมเหลียง เข้ามา!”

แม่นมเหลียงรีบเก็บท่าทีก่อนจะเดินกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว คิดอยู่สักครู่ ไม่รั้งรอให้หลัวฮองเฮาได้เอ่ยปากก็ชิงกล่าวขึ้นก่อน “ฮองเฮาเพคะ คำพูดของไฉ่เยว่นั้น พระองค์ฟังแล้วก็ปล่อยไปเถิดเพคะ ท่านหญิงสวินหยางก็นับว่าบ่าวเห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย นิสัยนั้นก็ดื้อรั้นเหมือนพระองค์และรัชทายาท ไม่ใช่ว่าท่านชายหลัวไม่ดี แต่หากเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าจะได้ไม่คุ้มเสียแทนเพคะ”

————————————-

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท