สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 14.3

ตอนที่ 14.3

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 14.3 ท่านหญิงใหญ่บ้าไปแล้วหรือ? (3)
บทที่ 14 ท่านหญิงใหญ่บ้าไปแล้วหรือ? (3)
โดย
Ink Stone_Romance
ฮูหยินเจิ้งเสี่ยงตายมาหลายครั้งแต่ก็โชคดีที่รอดมาคลอดเจิ้งตั๋วจนได้ ทว่าด้วยเหตุนี้ทำให้ร่างกายอ่อนแอจนตั้งครรภ์อีกไม่ได้ เวลานั้นนางก็เสียใจที่ไม่สามารถมีทั้งลูกชายและลูกสาวได้ แต่หลังวันตรุษจีนถึงได้รู้ว่าตอนที่คนแซ่เฉินถูกทิ้งไว้ที่ชนบทกำลังตั้งครรภ์อยู่แล้วยังได้ลูกสาว เด็กเฉลียวฉลาดและน่ารักมาก ต้องตาฮูหยินเจิ้งจนให้คนอุ้มกลับมาเลี้ยงไว้ใกล้ตัว

เพราะว่าคลอดลูกจนร่างกายอ่อนแอ ช่วงเวลานั้นนางปิดประตูและพักผ่อนอย่างสงบตลอดและยิ่งนางกุมอำนาจใหญ่ในจวน นางบอกว่าเจิ้งหมิ่นเป็นลูกสาวของนางก็ไม่มีใครสงสัย เดิมทีฮูหยินเจิ้งก็ถือว่าเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว นางไม่ได้พาลโกรธเจิ้งหมิ่นเพราะเรื่องคนแซ่เฉินไปด้วย ยังรักเจิ้งหมิ่นมากเช่นกัน แต่พูดตามความจริงแล้วความสัมพันธ์ทางสายเลือดนี้ซับซ้อนและประหลาดมาก ไม่ว่านางจะรักเจิ้งหมิ่นอย่างไร สองแม่ลูกก็ไม่ได้มีความคิดเห็นเหมือนกัน เรื่องนี้ยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อเจิ้งหมิ่นอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังความสัมพันธ์แม่ลูกก็ค่อยๆ ห่างเหินไป

ตอนแรกคนแซ่เจิ้งเป็นคนเสนอความคิดให้เจิ้งเหวินคังแต่งงานกับฉู่เยว่เหยา นางอยากจะใช้เหตุนี้ช่วยอำพรางความทะเยอทะยานของฉู่อี้หมิน พอฉู่เยว่เหยาแต่งงานเข้าตระกูลเจิ้งแล้ว อย่างไรทั้งสองฝ่ายก็ถือว่าเป็นญาติที่เกี่ยวดองกันแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้ฮ่องเต้สบายใจได้อย่างเห็นได้ชัด

แต่ฉู่อี้อันกลับไม่เห็นด้วยกับเรื่องแต่งงานนี้ หลังจากนั้นคนแซ่เจิ้งก็ยุยงส่งเสริมและร่วมมือกับคนแซ่หลินให้สร้างสถานการณ์ให้ฉู่เยว่เหยากับเจิ้งเหวินคังสองคน ‘พบกันโดยบังเอิญ’ อย่างคาดไม่ถึง ที่จริงแล้วเจิ้งเหวินคังก็หน้าตาไม่เลว ประกอบกับบุคลิกลูกหลานตระกูลขุนนางที่ดูหรูหราฟุ่มเฟือย ก็ทำให้ฉู่เยว่เหยาแอบชอบได้ง่ายๆ ต่อไปก็รอให้จดหมายที่ทั้งสองคนตกลงปลงใจแต่งงานกันเองไปถึงมือฉู่อี้อันทุกอย่างก็สายไปแล้ว ต่อให้ฉู่อี้อันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็ต้องปล่อยมือไม่ยุ่งเรื่องนี้ และยอมให้ฉู่เยว่เหยาแต่งงานเข้าตระกูลเจิ้งได้

แน่นอนว่า ความจริงแล้วมีคนรู้เบื้องหลังเรื่องราวไม่กี่คนเพื่อปิดบังความผิด

เวลานี้ฉู่เยว่เหยาก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ อย่าว่าแต่ฮูหยินเจิ้งโมโหเดือดดาล แม้แต่เจิ้งตั๋วก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน

“แต่ตอนนี้เงินในจวนรั่วไหลออกไปหมดแล้ว การใช้ชีวิตคนทั้งบ้านก็เป็นปัญหาเหมือนกัน” ฉู่ฉีฮุยตายแล้ว พวกเขาคงไปก่อกวนขอเงินจากฉู่อี้อันที่วังบูรพาไม่ได้แน่ ยอมรับว่าครั้งนี้พลาดท่าเสียทีจนพูดไม่ออกทีเดียว ปัญหาปากท้องของคนทั้งจวนกั๋วกงเกือบสองร้อยคนที่ใหญ่มากเช่นนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ และยังให้ใครรู้ว่าจวนของพวกเขาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่ได้ แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะปิดได้อย่างไรกัน?

ฮูหยินเจิ้งก็โกรธจัดเช่นกัน ทว่าในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้วจะทำอย่างไรได้?

“เดี๋ยวรอคังเอ๋อร์กลับมาแล้ว เจ้าก็พูดกับเขาดีๆ ให้เขากลับเนื้อกลับตัวและบริหารจัดการร้านค้าพวกนั้นให้ดีๆ เงินจากผลผลิตทางการเกษตรนอกเมืองของปีก่อนพึ่งส่งมา ปีนี้ก็ใช้จ่ายแก้ขัดไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ชั่งใจอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แล้วฮูหยินเจิ้งเอ่ย “รอถึงเดือนหนึ่งข้าค่อยให้แม่นมหูตรวจนับสักหน่อย แล้วโอนเงินส่วนตัวของข้ามาเพิ่มในเงินกองกลาง”

“ท่านแม่ทำแบบนี้ไม่ได้!” เจิ้งตั๋วขอบตาร้อนผ่าวร้อนใจขึ้นมาในทันใด “นั่นเป็นเงินที่ท่านเก็บสะสมมาทั้งชีวิตเพื่อใช้ในยามแก่ชรา ไม่ว่าอย่างไรลูกก็ไม่แตะต้องเงินของท่านเด็ดขาด”

“แม่ลูกกันจะมาพูดเรื่องนี้ทำไม?” ฮูหยินเจิ้งถอนหายใจเฮือก “เงินทองเป็นของที่ตอนเกิดก็ไม่ได้ติดตัวมาแล้วก็ติดตัวไป ข้าเก็บสะสมไว้ก็เพื่อพวกเจ้าเช่นกัน คนแซ่หลินก็ให้นางอยู่ชนบทเถอะ ต่อไปก็ไม่ต้องรับกลับมาแล้ว…”

พอคิดว่าในบ้านไม่มีภรรยาที่คอยดูแลจัดการบ้าน ฮูหยินเจิ้งก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้นางอายุปูนนี้แล้ว ก็ไม่อยากเป็นห่วงเรื่องจุกจิกพวกนี้อีกแล้วจริงๆ

แน่นอนว่าเจิ้งตั๋วก็คิดถึงบางเรื่องเหมือนกัน หน้าผากเจือความกังวลโดยไม่รู้ตัว

“ลงโทษฉู่เยว่เหยาเช่นนี้ ทางวังบูรพาจะไม่…”

“เจ้าคิดว่าข้าปิดประตูแล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือ? อย่างวันนี้นางไปก่อความวุ่นวายถึงวังบูรพาต่อหน้าผู้คน ดีที่องค์ชายรัชทายาทไม่ทำอะไรนางก็ถือว่าเห็นแก่ความเป็นพ่อลูกแล้ว” ฮูหยินเจิ้งหัวเราะเย้ยหยัน และยิ่งฉู่เยว่เหยาก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตให้ตระกูลเจิ้งแบบนี้ ถึงฉู่อี้อันจะเข้าข้าง นางก็ไม่ยอมเช่นกัน

เจิ้งตั๋วเห็นท่าทีนางเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขาปลอบใจนางอีกนิดถึงจะลุกขึ้นจากไป

ฉู่ฉีเฟิงยื่นสาส์นขอร้องให้ฉู่ฉีฮุยได้จัดพิธีฝังศพแบบเชื้อพระวงศ์แทนฉู่อี้อัน ถึงแม้ฮ่องเต้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ถึงกับปฏิเสธโดยสิ้นเชิง แต่อนุญาตให้ตั้งศพเขาที่วังบูรพาเท่านั้น ทว่าพิธีต้องจัดอย่างเรียบง่ายและย้ายศพไปฝังในอีกสามวันให้หลัง

แน่นอนว่าเพราะถูกถอดยศเป็นสามัญชนก่อนหน้านี้ ฉู่ฉีฮุยทำพิธีฝังศพในสุสานหลวงไม่ได้ จึงเลือกสุสานอีกแห่งนอกเมืองตงเจียวให้เขาแทน

พิธีศพผ่านไปอย่างราบรื่น แต่ทว่าช่วงเวลาสามวันที่ไม่ได้นานนักนั้นกลับเกิดเรื่องใหญ่ที่ทำให้ผู้คนทอดถอนใจขึ้นมากมาย

เรื่องแรกจางติ่งติ้งเป่ยโหวรับเงินสินบนซ่อมคูน้ำให้ปลดเป็นสามัญชนที่ไม่มีความผิดและจะเป็นหรือตายไม่ต้องสนใจ สุดท้ายพอเรื่องถูกเปิดโปงออกมาก็ยิ่งเสียสติ โยนความผิดว่าท่านหญิงอันเล่อเจตนาฆ่าลูกชายตนเอง แล้วทำลายชื่อเสียงของราชวงศ์และบีบบังคับให้ฮ่องเต้ยอมศิโรราบด้วยเรื่องนี้ ฮ่องเต้เห็นแก่บุญคุณเก่า ถึงจะประหารชีวิตติ้งเป่ยโหวต่อหน้าประชาชน แต่กลับไม่ได้โยงใยไปถึงครอบครัว เพียงแค่เรียกคืนบรรดาศักดิ์และถอดยศเป็นสามัญชนเท่านั้น

ส่วนท่านหญิงอันเล่อที่เป็นสะใภ้ตระกูลจางก็ขอรับโทษเช่นเดียวกับครอบครัวสามีด้วยตนเอง นางถูกฮ่องเต้ถอดฐานันดรและส่งไปปฏิบัติธรรมที่วัด

แน่นอนว่าถึงจะพูดแบบนั้นก็ตาม แต่เรื่องที่ฉู่หลิงอวิ้นวางแผนฆ่าสามีตนเองเพื่อความสัมพันธ์ส่วนตัวก่อนหน้านี้อีกเรื่องหนึ่งก็ยังเป็นที่เล่าลือกันลับหลัง และเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่ผู้คนคุยกันอย่างออกรสยิ่งกว่าพระราชโองการฉบับที่ประกาศออกมา

แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็ไม่ได้มีแค่คนเดียว ทว่ามีถึงสองคนด้วยกัน เรื่องที่เป็นที่สนใจอย่างท่านหญิงแห่งจวนอ๋องหนานเหอตกจากฟ้าสู่บ่อโคลนยังไม่ทันซา ก็มีคนเห็นว่าวันที่มีพิธีฝังศพของฉู่ฉีฮุย น้องสาวร่วมสายเลือดของเขาเองอย่างฉู่เยว่เหยากลับไม่ปรากฏตัว พอสืบไปก็มีคนได้ข่าวลือว่าท่านหญิงใหญ่แห่งวังบูรพาเศร้าเสียใจมากถึงขั้นวิกลจริตจนเป็นบ้า เพราะแม่และพี่ชายตายไล่เลี่ยกันและเริ่มเก็บตัวรักษาอาการป่วยแล้ว

ข่าวสองข่าวนี้เป็นที่พูดถึงกันอย่างหนาหูจนเกินจริง ทำให้การตายของฉู่ฉีฮุยที่เป็นหลานฮ่องเต้และถูกถอดยศเป็นคนธรรมดาไปแล้วกลับถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย และเพราะฮ่องเต้ไม่เคยตรัสถึงและปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปเหมือนไม่รู้สึกรู้สา มีแค่ทางศาลต้าหลี่ที่ยังคงเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรงจับมือสังหารเท่านั้น

วันที่สองที่ฝังศพฉู่ฉีฮุย ฉู่สวินหยางแต่งตัวเรียบร้อยและออกจากบ้านแต่เช้า นางนำของขวัญไปเยี่ยมพี่หญิงใหญ่ที่ ‘กำลังรักษาอาการป่วย’ ของตนเองที่จวนผิงกั๋วกง

ฮูหยินกั๋วกงแซ่หลินก็ถูกส่งตัวออกไปแล้ว ดังนั้นข่าวที่ฉู่สวินหยางมาเยือนจึงต้องไปรายงานฮูหยินเจิ้งโดยตรง

ฮูหยินเจิ้งหยุดนิ้วมือที่กำลังนับลูกประคำไปชั่วครู่

แม่นมหูเอ่ยอย่างเป็นกังวลว่า “ฮูหยิน ข้าเกรงว่าท่านหญิงสวินหยางจะไม่หวังดี สองปีนี้นางไม่เคยไปมาหาสู่กับท่านหญิงใหญ่ เวลานี้อยู่ดีๆ ก็มาหาถึงที่…หรือจะมาเพราะข่าวที่พวกเราปล่อยออกไปงั้นหรือเจ้าคะ?”

“ในเมื่อนางบอกว่ามาเยี่ยมคนป่วย เช่นนั้นเจ้าก็พานางไปเถอะ บอกไปว่าข้าเดินเหินไม่สะดวกคงไม่เจอนางแล้ว” ฮูหยินเจิ้งสีหน้าไร้อารมณ์ราวกับชั่งใจอยู่ชั่วครู่ นางหลับตาลงอีกครั้งและสวดมนต์ต่อ

“เจ้าค่ะ!” แม่นมหูขานรับแล้วออกไปคล้ายกับยังว้าวุ่นใจอยู่เล็กน้อย นางไปรับฉู่สวินหยางที่ประตูทางเข้าเข้ามาด้วยตนเอง

ตอนที่เดินนำฉู่สวินหยางไปเรือนด้านหลัง แม่นมหูก็ถ่ายทอดคำพูดของฮูหยินเจิ้งอย่างตายตัวไปด้วย “ท่านหญิงสวินหยาง ขออภัยจริงๆ เจ้าค่ะ ฮูหยินของเราเป็นหวัดไม่สบาย ร่างกายก็เดินเหินไม่ค่อยคล่อง บอกว่ากลัวจะแพร่โรคให้ท่านจึงไม่สะดวกออกมา ขอท่านโปรดเข้าใจด้วย”

“เดิมทีเป็นเพราะข้าล่วงเกินแล้ว ไม่กล้ารบกวนฮูหยินให้มาต้อนรับหรอก ข้าเพียงแต่รับคำสั่งท่านพ่อให้มาเยี่ยมพี่หญิงใหญ่เท่านั้น อีกครู่รบกวนแม่นมทักทายฮูหยินแทนข้าด้วย” ฉู่สวินหยางเอ่ย มุมปากอมยิ้มเดินตามนางเข้าไปข้างใน

แม่นมหูแอบสังเกตสีหน้านาง นอกจากหน้าตางดงามของนางแล้วก็ดูอย่างอื่นไม่ออกเท่าไร แต่พอคิดว่าสองวันนี้ฉู่เยว่เหยาเสียใจมากจนท่าทางเหมือนคนบ้า นางก็รู้สึกกระวนกระวายใจอยู่บ้าง…

ให้ฉู่สวินหยางเจอนางเวลานี้อาจจะเผยพิรุธ

ฉู่สวินหยางเห็นสีหน้านางก็ทำเป็นมองไม่เห็น และตามไปเรือนที่ฉู่เยว่เหยาอาศัยด้านหลัง

เห็นได้ว่าฮูหยินเจิ้งเป็นจอมวางแผนที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง ถึงจะกักบริเวณฉู่เยว่เหยาก็ยังให้นางอยู่เรือนใหญ่ที่นางเคยอยู่ก่อนหน้านี้ อย่างน้อยดูภายนอกก็ไม่มีใครว่าพวกเขาตระกูลเจิ้งทารุณกรรมฉู่เยว่เหยาได้

“สองสามวันมานี้ท่านหญิงใหญ่สติไม่ค่อยดี พูดจาก็ไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร อีกเดี๋ยวหากพูดอะไรที่ไม่ควรพูด คงต้องขออภัยท่านหญิงอย่างมากด้วยเช่นกัน” แม่นมหูเอ่ยพร้อมกับสั่งให้คนเปิดประตู

“แน่นอนอยู่แล้ว นางเป็นพี่สาวคนโตของข้า ถึงแม้นางจะทำอะไรไม่เหมาะสม ข้าก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับนางหรอก” ฉู่สวินหยางแย้มยิ้มเล็กน้อยและแอบชำเลืองมองรอบๆ ไปด้วย

ยามเฝ้าเรือนนี้มีแค่หญิงรับใช้สองคนตรงประตู ดูท่าทางฮูหยินเจิ้งจะมีความมั่นใจมากว่าคุมฉู่เยว่เหยาได้อยู่หมัดแล้วจริงๆ

หญิงรับใช้ที่เฝ้าประตูเปิดประตู แม่นมหูก็ยังเดินนำฉู่สวินหยางเข้าไปด้านในด้วยตนเอง เพิ่งมาถึงเรือนก็ได้ยินเสียงเครื่องลายครามตกพื้นกับเสียงด่าเปิดเปิงจนเสียงแหบแห้งของฉู่เยว่เหยาดังออกมาจากในห้องตรงกลาง

“นางปีศาจเฒ่า นางสารเลว! ข้าเป็นถึงท่านหญิง เป็นลูกสาวคนโตของวังบูรพา จะยอมให้พวกเจ้าข่มเหงแบบนี้ได้งั้นรึ? ปล่อยข้าออกไป พวกเจ้าปล่อยข้าออกไป!”

แม่นมหูได้ยินแล้วนัยน์ตาฉายแววกลุ้มใจเพียงครู่เดียว แล้วยิ้มให้ฉู่สวินหยางอย่างกระอักกระอ่วนในทันใดว่า

“ที่ผ่านมานี้ท่านหญิงใหญ่ก็เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ สติเลอะเลือน หมอกำชับว่าต้องให้นางพักผ่อนอย่างสงบ แต่นางไม่ยอม อันที่จริงก็ก่อความวุ่นวายเหมือนเด็ก เมื่อวานตอนที่อาการกำเริบขึ้นมายังตบตีสาวใช้ของตนเองจนบาดเจ็บอีกด้วย ดังนั้นตอนนี้คนนอกต่างก็ไม่กล้าเข้ามา จำเป็นต้องรอตอนกลางคืนให้นางหลับไปแล้วค่อยเข้ามาเก็บกวาด”

“เช่นนั้นหรือ?” ฉู่สวินหยางยิ้มและปิดปากเงียบไม่พูดสักคำ เพียงแค่เดินไปข้างหน้าต่อ

แม่นมหูตามไปอย่างไม่สบายใจตลอดทาง

ถึงแม้จะเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่ตอนที่เข้าไปเห็นฉู่เยว่เหยานัยน์ตาแดงฉานผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตามอมแมมนั่งอยู่บนพื้น ฉู่สวินหยางก็ยังรู้สึกคาดไม่ถึงมากทีเดียว

เสื้อผ้าที่นางใส่ยังคงเป็นกระโปรงสีขาวที่ใส่ไปวังบูรพาวันนั้น เต็มไปด้วยรอยเปรอะเปื้อนและรอยยับไม่น่าดูไปทั้งตัว บนหน้ามีคราบน้ำตาที่เคยไหล ผมเผ้ากระเซิงสยายลงมา ผ่านไปสองวันรอยฝ่ามือสองรอยที่ถูกตบหน้าก็ไม่ค่อยเห็นร่องรอยแล้ว แต่รวมเข้ากับสายตาคลุ้มคลั่งเจือความบ้าเลือดและโหดเหี้ยมอำมหิตของนางในเวลานี้…

เหมือนที่พูดกันข้างนอกจริงๆ จะว่านางเป็นคนบ้าก็ไม่ผิดนัก

“เฮ้อ…” แม่นมหูยิ่งรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเข้าไปอีก นางเอ่ยด้วยหน้ายิ้มว่า “สองวันนี้ท่านหญิงอารมณ์ฉุนเฉียว ดูแลปรนนิบัติยาก คนรับใช้คนไหนเข้าใกล้ตัวนางก็ต้องโดนนางตบตีหมด ดังนั้น…”

ฉู่สวินหยางไม่จำเป็นต้องแฉคำโกหกแบบนี้สักนิด เพราะว่าแม่นมหูเองก็พูดต่อไปไม่ไหวแล้ว ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจกันโดยไม่ต้องพูดออกมา

————————————–

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท