สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 31.3

ตอนที่ 31.3

บทที่ 31 หน้าไม่อาย แล้วแต่ท่านเถิด (3)
Ink Stone_Romance
หลังจากเกิดคดีเลือดที่ริมแม่น้ำจ้าวธาร ซูหลินได้ใช้เรือนหลังเล็กๆ ในตรอกหมินของเมืองเฉิงหนานเป็นสถานที่นัดพบกับหลัวอวี่ก่วน

หลัวอวี่ก่วนสุภาพอ่อนโยน ฉลาดเฉลียว ถือว่าถูกใจเขามาก ระหว่างไปมาหาสู่กันสองเดือนกว่ามานี้ ไม่ได้ทำให้รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจอันใด กลับมีความสุขเสียมากกว่า อย่างมากที่สุดคือสองสามวันพวกเขาจะพบหน้ากันครั้งหนึ่ง

หลัวอวี่ก่วนผลัดชุดไว้ทุกข์ออก นางหาอาภรณ์ของสาวใช้ที่ไม่ดึงดูดสายตานักมาสวมใส่ และออกจากจวนไป เมื่อนางไปถึงที่นั่น ซูหลินได้เดินทางมาถึงก่อนแล้ว นางเปิดประตูด้านนอกเข้าไปก็ถูกผู้ที่อยู่รอด้านในโอบเข้าสู่อ้อมกอด

“เป็นเช่นใด ไม่พบกันไม่กี่วัน เจ้ายังใจร้อนกว่าข้าอีกหรือ?” ซูหลินก้มหน้าลงไปขบกัดลำคอระหง แล้วหัวเราะอย่างมีความสุข “ไฉนจึงเรียกข้าออกมาพบอย่างรีบเร่งเช่นนี้เล่า?”

หลัวอวี่ก่วนปฏิเสธโดยการหลบเลี่ยงไปมา พูดเพียงสองประโยคแล้วก็ไม่ได้พูดอันใดอีก

ถูกเขาซุกไซร้ซอกคอจากด้านหลังนางรู้สึกจั๊กจี้ อดกลั้นไม่ไหวจนหัวเราะออกมา จึงหันกายกลับมาวาดแขนโอบคล้องลำคอของเขาอย่างแนบชิด เมื่ออยู่ด้วยกันทั้งสองคนต่างนอนพิงอิงแอบอย่างชายมีจิตหญิงมีใจ หลายวันมานี้ เพราะยุ่งอยู่กับการจัดงานพระราชพิธีเพลิงศพของฮูหยินรองหลัว และเพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาต่างๆ ทั้งสองคนจึงไม่ได้พบหน้ากันมาเป็นเวลาหลายวัน

ยามนี้เหมือนฟืนแห้งกับเปลวไฟระอุมาพบกัน ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะถึงเนื้อถึงตัว ตั้งแต่เวลายามบ่ายจนถึงพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน จนกระทั่งสีของท้องฟ้าด้านนอกเริ่มอ่อนจางลง

หลัวอวี่ก่วนในยามปกติไม่ใช่คนช่างพูดจาเป็นทุนเดิม วันนี้กลับนิ่งเงียบกว่ายามปกติ หลังจากกอดก่ายกันสมใจแล้ว นางได้แต่นอนซุกพิงอกในอ้อมกอดของซูหลินอย่างเงียบๆ ใช้ปลายนิ้วของตนวาดไปมาบนหน้าอกของเขา

ซูหลินพักเอาแรงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อมีสติกลับมาแล้วจึงกุมมือของนางเอาไว้ พูดหยอกล้อ “เป็นอันใด? อารมณ์ไม่ดี?”

“ท่านแม่ของข้าเกิดเรื่องเช่นนั้น ข้า…” หลัวอวี่ก่วนหัวเราะอย่างขมขื่นขึ้นทีหนึ่ง พลันน้ำตาก็ไหลอาบลงมา ได้แต่ ซบลงบนไหล่ของเขาปิดซ่อนใบหน้าอย่างต้องการที่พักพิง

บนไหล่ของเขาถูกน้ำตาและน้ำมูกของนางทำให้เปียกชุ่ม ใจของซูหลินก็พลันอ่อนยวบ จึงยกมือขึ้นโอบกอดนางแน่นขนัด ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้พร้อมกล่าวปลอบใจว่า “ร้องไห้เพื่ออันใด? คนตายไปแล้วไม่สามารถฟื้นคืนได้ แม้เรื่องของฮูหยินรองหลัวจะกะทันหันไปสักหน่อย…แต่เจ้ายังมีข้ามิใช่รึ?”

หลัวอวี่ก่วนไม่ขยับตัวไหวติงใดๆ ได้แต่นอนน้ำตานองหน้าซบอยู่บนกายของเขา

ซูหลินนั้นทนเห็นนางถูกผู้อื่นรังแกไม่ได้ จึงลุกขึ้นนั่งและกอดนางเอาไว้แนบอก “อย่าร้องไห้อีกเลย รีบเช็ดน้ำตาเสียเถิด ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะส่งเจ้ากลับไปเอง หืม?”

“อืม” หลัวอวี่ก่วนเช็ดน้ำตาและพยายามฝืนยิ้มให้กับเขา แต่เมื่อเงยหน้าขึ้น นาทีสายตาสบกัน นางพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

ซูหลินขมวดคิ้ว

หลัวอวี่ก่วนเมื่ออยู่ต่อหน้าเขานั้นอ่อนโยนยิ่งนัก รู้จักเอาอกเอาใจเขา ครั้งนี้ดูผิดปกติยิ่ง

หลัวอวี่ก่วนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าทุกข์ระทม ถามทั้งน้ำตานองหน้าว่า “ซื่อจื่อ ถ้าหากจากนี้ไปอีกสามปี ท่านจะยังจำอวี่ก่วนได้อีกหรือไม่?”

“ไฉนจะจำไม่ได้เล่า?” ซูหลินรีบตอบ จากนั้นก้มลงไปจุมพิตนางอีกหน

หลัวอวี่ก่วนถูกทำให้เขินอาย แขนทั้งสองจึงออกแรงผลักไปที่ลำคอของเขาทำให้ติดพันในอ้อมกอด

ซูหลินหายใจรดริน ทั้งสองคนกลิ้งลงนอนอยู่ด้วยกัน

เมื่อเป็นแบบนี้จึงเอนกายแนบชิดกันไปอีกครา จนท้องฟ้าด้านนอกกลายเป็นสีดำ

ซูหลินคร่อมอยู่บนร่างของนางครึ่งๆ ขณะที่หอบหายใจ ทว่าเสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความสุขและรอยยิ้มเต็มตื้น “วันนี้เกิดอันใดขึ้นกันแน่? เกือบทำให้ข้ารับไม่ไหว”

เขาเพียงแต่อยากจะหยอกเอินอีกฝ่าย ไม่คิดว่าหลัวอวี่ก่วนกลับไม่ได้หลบหลีกหรือสะเทิ้นอายใดๆ เพียงแต่เงียบขรึมลงอีก

ซูหลินรู้สึกว่าวันนี้ดูนางแปลกไป เมื่ออยากจะพูดบางสิ่งขึ้นพลันได้ยินเสียงของเซียงเฉ่า นางรอจนไม่ได้เสียงเคลื่อนไหวด้านในแล้วจึงเอ่ยขึ้น “คุณหนู ฟ้ามืดแล้วเจ้าค่ะ พวกเราควรกลับได้แล้ว”

ซูหลินเองกลัวว่าเรื่องนี้จะเล็ดรอดออกไป จึงผละกายออกรีบคลานขึ้นมา ทั้งสองคนต่างสวมอาภรณ์เรียบร้อยแล้วจึงพากันออกมา เพิ่งเห็นว่าท้องฟ้าข้างนอกกลายเป็นสีดำ

ท้องฟ้ายามราตรีนั้นเงียบสงบ หลัวอวี่ก่วนเอาแต่ก้มหน้าไม่เอ่ยวาจา

เซียงเฉ่าโผล่ศีรษะออกไป กวาดสายตามองดูด้านนอกอย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดจึงพูดขึ้นว่า “คุณหนูรอสักครู่ บ่าวไปเรียกรถม้ามาให้เจ้าค่ะ”

เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกผู้ใดพบเห็น ทุกครั้งที่หลัวอวี่ก่วนออกมาจึงไม่กล้าใช้รถม้าของจวน หลังจากออกมาจากจวนล้วนแต่เป็นการว่าจ้างรถม้าแล้วทั้งสิ้น

ยามกลับจวนย่อมต้องว่าจ้างรถม้าเช่นกัน และให้ส่งนางเพียงละแวกใกล้ๆ จวนหลัวกั๋วกง

ซูหลินเห็นท้องฟ้ามืดดำแล้วจึงยกมือขวางนางเอาไว้แล้วกล่าวว่า “ช่างเถิด วันนี้ข้าขอส่งเจ้ากลับไปเอง”

เซียงเฉ่าหันไปมองหลัวอวี่ก่วนอย่างช้าๆ

หลัวอวี่ก่วนพยักหน้ารับเบาๆ

ระหว่างทางที่เดินทางกลับ นางเอาแต่หลบเลี่ยงสายตาของซูหลิน และเงียบขรึมลงอีก

จนซูหลินนั้นเริ่มจะเกิดอารมณ์โมโห น้ำเสียงที่กล่าวฟังดูดุดันขึ้นถึงสามส่วน “นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”

เดิมทีคิดว่าหลัวอวี่ก่วนคงไม่ยอมตอบคำถาม คิดไม่ถึงว่านางจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา น้ำตาไหลออกมาอีกหน นางมองเขาด้วยสายตาเป็นทุกข์แล้วพูดว่า “อีกไม่กี่วัน…ข้าคงต้องออกจากเมืองหลวงเจ้าค่ะ”

ซูหลินตะลึง “อะไรกัน?”

“หึ…” หลัวอวี่ก่วนเค้นหัวเราะ มองไปอีกด้านหนึ่ง สีหน้าขื่นขมยิ่งนัก “ฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ท่านแม่ของข้าก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ เรื่องราวในจวนของพวกเราท่านย่อมรู้อยู่แล้ว บัดนี้ในจวนไฉนเลยจะมีที่ให้ข้ากับพี่ชายยืนอยู่? อีกสองวันรอให้ผ่านพิธีฝังศพท่านแม่ของข้า ต้องส่งโลงศพของท่านแม่และท่านพ่อกลับไปยังศาลบรรพชนที่บ้านเกิด เมื่อถึงเวลานั้น…”

นางพูดจนน้ำเสียงไม่เป็นคำ

ซูหลินฟังออกเพียงแค่ความนัยที่นางต้องการพูดแล้วกล่าว “เจ้าต้องการกลับไปยังบ้านเกิดด้วย”

“อืม” หลัวอวี่ก่วนพยักหน้า “อยู่ที่นั่น อาจจะดีกว่าเล็กน้อย”

สถานการณ์ของครอบครัวสกุลหลัวนั้นซูหลินย่อมรู้ดีแก่ใจ พวกเขาทั้งสองเรือนไม่ถูกกัน บัดนี้ฮองเฮาล้มครืนลงมา ชีวิตที่เหลือของหลัวอวี่ก่วนและพี่ชายจะเป็นอย่างไรต่อไปแค่คิดก็รู้…

หลัวอวี่ก่วนพบว่าเขาเงียบขรึมลง จึงเช็ดน้ำตาจนเหือดแห้ง พยายามอย่างยิ่งที่จะฝืนยิ้มและพูดกับเขา “ซื่อจื่อ ข้ามีฐานะเช่นใดข้าย่อมรู้ดี แต่…หากซื่อจื่อจะเห็นแก่ความหลัง เมื่อข้าไว้ทุกข์จนครบกำหนดสามปี ท่านจะยังมารับข้ากลับไปอยู่ข้างกายท่านหรือไม่? ให้ข้าคอยปรนนิบัติข้างกายท่านก็ได้ ข้า…”

น้ำเสียงของหลัวอวี่ก่วนอ่อนลงอีก น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม

ด้วยตำแหน่งและฐานะของจวนอ๋องฉางซุ่น การจะได้ขึ้นเป็นชายาของซื่อจื่อซูหลินหรือว่าที่ตำแหน่งชายาแห่งจวนอ๋องฉางซุ่น อย่างไรก็ไม่สามารถเป็นสตรีกำพร้าที่บิดามารดาล้วนตายไปแล้วได้

ทว่าหลัวอวี่ก่วนมิได้ขอร้องวิงวอนเขา แต่กลับถามถึงปัญหานี้ขึ้นมา

ซูหลินนั้นเดิมทีมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย ยามนี้พึงได้แต่สงสารและเวทนาชีวิตนางยิ่งนัก เขายื่นมือออกไปโอบนางเข้ามาในอ้อมกอด

เขาไม่ได้เอ่ยอันใด ทว่าคิ้วที่ขมวดมุ่นนั้นมีความกังวลใจอยู่หลายส่วน

หลัวอวี่ก่วนโอนอ่อนผ่อนตามอยู่ในอ้อมกอดของเขา คาดไว้ว่าเขาคงมิอาจสังเกตเห็น สายตาของหลัวอวี่ก่วนพลันทอประกายคมปลาบ

ซูหลินเพียงส่งนางที่ถนนด้านหน้าของจวนหลัวกั๋วกงจึงให้นางลงจากรถม้า ส่วนตนเองนั้นออกจากที่นั่นโดยมิได้รั้งอยู่แม้แต่นาทีเดียว

หลัวอวี่กว่นพาเซียงเฉ่าเข้าจวนทางด้านหลัง เดินกลับไปยังเรือนของตนด้วยความคุ้นชิน เซียงเฉ่าตระเตรียมน้ำร้อนให้นางแช่ตัว

หลัวอวี่ก่วนนั่งลงในถังไม้สำหรับอาบน้ำ กวักน้ำรดลงบนร่างกายของตน แลมองร่องรอยฝากรักบนร่างกายที่มีทั้งสีเข้มและสีจาง พลางหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมาทีหนึ่ง

—————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน