Rebirth of the Film Emperor’s Beloved Wife – ตอนที่ 64.3

ตอนที่ 64.3

หวัง จื่อหลินเลือกที่จะเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าเธอได้สร้างปัญหาให้ชิน จี๋หนาน ด้วยเช่นกัน ในความคิดของเธอ จุดประสงค์ของเธอคือการได้มาซึ่งเขาและไม่ทำลายเขา ดังนั้นแม้ว่าการกระทำของเธอจะทำร้ายเขาบ้าง แล้วจะอย่างไร เธอเพียงแค่ต้องชดเชยเขาเมื่อเธอได้รับเขา

หวัง จื่อหลินเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวมาก จริงๆ เธอชอบชิน จี๋หนานมากแค่ไหน? อาจจะไม่มากเท่ากับที่ซู่ เหยียนอี้ในปัจจุบันที่ชอบเขาด้วยซ้ำ

เมื่อเธออยู่ในวิทยาลัยหวัง จื่อหลินก็ชอบชิน จี๋หนาน เพราะเขาหล่อ อย่างไรก็ตาม ในเวลาที่เธอยุ่งกับการเล่นอยู่กับคนอื่นและเขาก็ไม่ได้เป็นประกายอย่างที่เขาเป็นในตอนนี้ นั่นเป็นสาเหตุที่หวัง จื่อหลินไม่ทำอะไรเลยในตอนนั้น หลังจากชิน จี๋หนานกลายเป็นคนดังในวงการบันเทิง หวัง จื่อหลินก็เริ่มอยากได้เขาอย่างแท้จริง

และแน่นอน เพียงแค่ความจริงที่ว่าเขาเป็นคนของซู่ เหยียนอี้ก็เพียงพอที่จะทำให้หวัง จื่อหลินต้องการตัวเขามากยิ่งขึ้นแล้ว แต่ในความคิดของ หวัง จื่อหลิน เธอรู้จักชิน จี๋หนานมานานกว่า ดังนั้นเธอจึงเกลียดซู่ เหยียนอี้ เพราะเธอขโมยคนของเธอไป

ความโกรธของเธอทำให้เธอเต็มไปด้วยความสับสน เราต้องเข้าใจว่าผู้หญิงที่มีความหึงหวงน่ากลัวอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่พวกเขาต้องการ

หวัง จื่อหลินยิ้มในขณะที่กัดฟันของเธอ แล้วเดินเข้าไปหาซู่ เหยียนอี้และชิน จี๋หนานเพื่อขวางทางของพวกเขา “ ซู่ เหยียนอี้ ฉันไม่คิดว่างานเลี้ยงรุ่นในครั้งนี้จะมีเธอเข้าร่วมด้วย ฉันจำไม่ได้ว่ามีใครบางคนเหมือนเธอในฐานะเพื่อนร่วมชั้น” เธอพูดขึ้น

เมื่อเห็นหวัง จื่อหลินพูดเช่นนี้ ซู่ เหยียนอี้ก็มีความคิดเพียงอย่างเดียวในใจของเธอนั่นคือสมองที่เสียหาย!

จากนั้นเธอก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย เธอโง่มากแค่ไหนในชีวิตที่ผ่านมาของเธอ? จริง ๆ แล้วเธอถึงกับตกหลุมพลางจากแผนการของผู้หญิงที่ได้รับความเสียหายทางสมองเช่นนี้ได้อย่างไร? น่าขายหน้าจริงๆ!

“ฉันเป็นสมาชิกในครอบครัว ไม่ใช่ว่าพวกเขาเรียกฉันว่าคุณนายชินหรอกหรือ และนี่ก็คือสามีของฉัน เธอไม่รู้จักเขาหรือ? “แทนที่จะไปสนใจหวัง จื่อหลิน ซู่ เหยียนอี้เลือกที่จะตอบโต้เธอแทน

สมาชิกในครอบครัวได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นได้ ผู้หญิงคนนี้ต้องปัญญาอ่อนแน่ ยิ่งกว่านั้นซู่ เหยียนอี้ก็สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้นำประเด็นนั้นออกมาเพราะเธอรู้ว่าการบอกว่าเป็น“ สมาชิกในครอบครัว” จะทำให้หวัง จื่อหลิน โกรธเคืองที่สุด

“คุณนายชินหรือ? อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับการแต่งงานของเธอ! ฉันควรจะประกาศให้ทุกคนฟังตอนนี้เลยหรือไม่?”หวัง จื่อหลินเปล่งเสียงของเธอขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้าง จากนั้นเธอก็มองไปที่ซู่ เหยียนอี้ ราวกับว่าเธอชนะแล้ว

ซู่ เหยียนอี้พบว่ามันตลก แต่ดวงตาของเธอก็ส่องประกายแวววาวขึ้น ผู้หญิงที่น่ารำคาญคนนี้พยายามข่มขู่เธอกับสัญญาแต่งงานหรือ

“โอ้? เธอรู้อะไรมา? เรารักกันมากแค่ไหนหรือเธออิจฉามากแค่ไหนนะหรือ หวัง จื่อหลิน มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะใช้การยั่วยุของเธอที่นี่ อย่างดีที่สุดมันก็ทำจะทำให้ฉันและชิน จี๋หนานรู้สึกเบื่อหน่ายเท่านั้น” เธอหยุดและมองเธออย่างดูถูก ก่อนที่จะพูดต่อและตัดสิ่งที่หวัง จื่อหลินอยากจะโต้กลับออกไป“ เธอก็ไม่มีอะไรนอกจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการเป็นชู้กับสามีคนอื่น แต่ถึงแม้ว่าเธอจะโยนตัวเองมาที่หน้าประตูบ้านของเรา ผู้ชายของฉันก็ไม่ต้องการเธอ ช่างน่าสงสารจริงๆ!”

หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ แห่งความเงียบ ผู้ชมก็ระเบิดความโกลาหลขึ้น พวกเขาทุกคนได้ยินเสียงการดูถูกเหยียดหยามและการเยาะเย้ยจากน้ำเสียงของซู่ เหยียนอี้ และคำพูดทื่อ ๆ ของเธอก็น่าสรรเสริญอย่างแท้จริง

ในยุคนี้ ใครจะไม่เกลียดคนอยากเป็นชู้กันคนอื่น? และหวัง จื่อหลิน ก็พยายามเสียดแทงแต่งงานระหว่างการซู่ เหยียนอี้และชิน จี๋หนาน

แน่นอนว่าชิน จี๋หนานเป็นคนหล่อมากและซู่ เหยียนอี้ก็สวยมากและพวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็อิจฉาคู่นี้ บางคนอยากให้พวกเขาเป็นชิน จี๋หนานหรือซู่ เหยียนอี้ อย่างไรก็ตาม การมีความอิจฉานั้นก็ไม่เป็นไร แต่ในขณะที่ต้องการแยกคู่รักออกจากกันมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง!

“โอ้ ฉันเคยคิดว่าหวัง จื่อหลินเป็นเจ้าหญิงซินโดรมและโง่เล็กน้อย แต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะโง่ขนาดนั้น เธอต้องการที่จะเป็นชู้กับสามีคนอื่นหรือ? ว้าว เราไม่สามารถบอกได้เพียงแค่ดูเธอจากภายนอกเท่านั้น? “การสนทนาที่เบาอาจได้ยินได้ในระยะใกล้ ๆ

“สิ่งที่ไร้สาระยิ่งกว่านั้นคือการที่เธอพยายามเป็นชู้กับสามีคนอื่น ในขณะที่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่ต้องการเธอ ดูเหมือนว่าราชาชินและภรรยาของเขาจะรักกันมาก ผู้ชายมีความสามารถและผู้หญิงก็มีความสวย ถ้าฉันได้แต่งงานกับใครสักคนที่เหมือนราชาชินในอนาคต…ฉันคงจะตายจากความสุขแค่คิดถึงมัน” เสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังสูงขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นครึ่งหนึ่งของผู้คนในห้องจึงได้ยินเธอรวมถึงหวัง จื่อหลิน

หวัง จื่อหลินจ้องมองอย่างรุนแรงไปที่หญิงสาว แต่หญิงสาวก็จ้องกลับมาอย่างไม่กลัว มีคนไม่กี่คนที่หัวเราะกับภาพนี้และสีหน้าของหวัง จื่อหลิน ก็ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะมาถึงจุดนี้ เธอก็ยังคงปฏิเสธที่จะเงียบไป

“หัวเราะอะไร? พวกเธอรู้อะไร? พวกเธอคิดว่า พวกเขากำลังมีความรักจริง ๆ หรือ? ไร้สาระ ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาจะมีใบหน้าออกมาและแสดงออกถึงความรักของพวกเขาเมื่อมันเป็นของปลอมทั้งหมด พวกเขาไม่กลัวที่จะโดนตบหน้า เมื่อพวกเขาหย่าร้างกันหรือไง” หวัง จื่อหลินกัดฟันในขณะที่เธอพูด

ไม่ว่าซู่ เหยียนอี้และชิน จี๋หนานจะแสดงความรักออกทางใบหน้าของพวกเขามากแค่ไหนก็ตามหวัง จื่อหลิน ก็เชื่อมั่นว่าพวกเขาเพิ่งจะแสดงเท่านั้น การแต่งงานของพวกเขาจะไม่คงอยู่ตลอดไปและสักวันหนึ่งพวกเขาจะหย่าร้างกัน

“ความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่ธุระของเธอและเราก็ไม่ต้องการให้เธอมายุ่งเกี่ยวกับมัน!” ชิน จี๋หนานพูดขึ้นเมื่อคำว่า “หย่าร้าง” ดังขึ้น และมันยังทำให้การแสดงออกของเขาเย็นชาขึ้นและสายตาของเขาเต็มไปด้วยความขยะแขยงมากยิ่งขึ้น

ผู้หญิงคนนี้ลืมกินยาหรืออย่างไร? หากไม่ใช่เพราะทัศนคติของการเป็นสุภาพบุรุษและไม่ต้องการที่จะทะเลาะกับผู้หญิง เขาคงจะโยนเธอออกไปแล้ว เพราะเธอกำลังก่อมลพิษในอากาศ

“เธอจะบอกได้อย่างไรว่าเรารักกันหรือไม่? ฟังเธอแล้วเธอนี่มันตลกจริงๆ” ในขณะที่ซู่ เหยียนอี้พูดขึ้น เธอก็ดึงชิน จี๋หนานออกไปราวกับหลีกเลี่ยงผู้ป่วยโรคติดต่อ

“ผู้หญิงคนนี้ป่วย อยู่ห่างจากเธอเพื่อที่คุณจะได้ไม่ติดเชื้อ” เธอกระซิบ แต่เสียงของเธอดังพอที่คนรอบข้างจะได้ยิน พวกเขาก็เริ่มที่จะเดินออกไปจากหวัง จื่อหลิน รวมถึงคนที่ต้องการไล่จีบเธอก่อนหน้าด้วย

พวกเขาไม่ใช่คนโง่ที่ไม่มีมาตรฐาน ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องมีความสวยงาม ความสามารถหรือความอ่อนโยนสำหรับพวกเขาที่จะไล่จีบเธอ แต่เธอก็ไม่ควรงี่เง่าและไร้ความรู้สึก หากพวกเขาไล่จีบหวัง จื่อหลินผู้ซึ่งต้องการเป็นชู้กับสามีคนอื่น มันจะเหมือนกับต้องการใส่หมวกสีเขียว ให้กับพวกเขาเอง

ทันใดนั้น พื้นที่ก็ถูกกวาดล้างให้ว่างอยู่รอบ ๆ ตัวหวัง จื่อหลิน ทุกคนต่างก็มองเธอแตกต่างไป แต่เธอก็รู้สึกไม่สนใจจากปฏิกิริยาของพวกเขา

หวัง จื่อหลินชี้นิ้วที่สั่นไปที่ซู่ เหยียนอี้ และพูดด้วยความโกรธขึ้น “ซู่ เหยียนอี้ มันจะมากไปแล้วนะ!”

“ไม่ต้องขอบคุณฉัน ฉันก็แค่พูดความจริง”

หวัง จื่อหลินจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท ก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินออกไปด้วยความโกรธแค้น

ซู่ เหยียนอี้เผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะขึ้น ตัวตลกที่มีความเสียหายทางสมองคนนี้ต้องการขโมยคนของเธอหรือ? ไม่มีวัน

เธอดึงชิน จี๋หนานมาที่มุมเงียบ ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา หลังจากกดปุ่มไม่กี่ครั้ง เธอก็นั่งลง

“คุณต้องการดื่มอะไร โซดาดีไหม” แม้ว่าเขาจะอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำบนโทรศัพท์มือถือของเธอ เขาก็ไม่ได้ถาม

“ไวน์สักแก้วก็ดี” ในเมื่อเธออารมณ์ดี เธอคิดว่าก็น่าจะดื่มฉลองหน่อย

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับหวัง จื่อหลินหลังจากที่กลับมาเกิดใหม่ หวัง จื่อหลิน อ่อนแอกว่าที่คาดไว้มาก แต่ความรู้สึกแห่งชัยชนะก็ยังคงมีกลิ่นหอมและน่าหลงใหลอยู่เล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม การแก้แค้นของเธอยังไม่จบ เธอได้เตรียมของขวัญพิเศษสำหรับหวัง จื่อหลินเอาไว้แล้ว

หวัง จื่อหลินกำลังขับรถ พื้นที่ในการจัดงานเลี้ยงอยู่ในเขตชานเมือง ดังนั้นจึงไม่มียานพาหนะและคนเดินถนนจำนวนบนท้องถนนมาก และเพราะเธอโกรธและใจของเธอก็เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เธอจึงขับรถเร็วและไม่สนใจถนนเลย เธอเหยียบลงไปบนคันเร่งเพื่อระบายความโกรธของเธอ

ซู่ เหยียนอี้ ผู้หญิงคนนั้น … เธอกล้ามาก ฉันจะต้องเอาคืน ฉันต้องทำ!

และเมื่อหวัง จื่อหลินถูกครอบงำด้วยความคิดในการเอาคืน เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเธอเองจะถูกเอาคืนในเร็ว ๆ นี้

Rebirth of the Film Emperor’s Beloved Wife

Rebirth of the Film Emperor’s Beloved Wife

Status: Ongoing
ซู่  แหยนอี้ ; ประธานบริษัท Resplendent Entertainment (รีสเพลนเด็นท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์) ราชินีแห่งวงการบันเทิงและผู้หญิงที่น่าสะพรึงกลัว เธอเย็นชาอย่างน่าเชื่อไม่ ไม่ยอมอ่อนข้อ มีอำนาจและศิลปินที่เธอเลือกรับประกันได้ว่าจะกลายเป็นศูนย์กลางของโลกแห่งความบันเทิง        แผนการทำให้เธอสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็ทำให้เธอตระหนักได้ว่าผู้ชายที่เธอได้ทำสัญญาแต่งงานด้วยมาหลายปี จริงๆแล้วเป็นคนที่มีความรักที่แท้จริงให้กับเธอ หลังจากการเกิดใหม่ เธอได้เพิ่มเติมบางอย่างลงไปในรายการของเธอ        1) แก้แค้น        2) ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น        3) ตอบแทนความรู้สึกลึก ๆ ของสามีตามสัญญาของเธอ ถ้าเป็นไปได้ หรือไม่เช่นนั้นอย่างน้อยก็ทำให้เขาก็มีความสุขและมีชีวิตที่ดีขึ้น        ด้วยความช่วยเหลือของพลังแห่งการเกิดใหม่ของเธอพร้อมกับ “ระบบภรรยาที่ดี” ซู่  แหยนอี้ ที่เคร่งขรึมและเย็นชาจึงตัดสินใจที่จะออกไปปรนเปรอสามีที่ถูกหลงลืมของเธอ แต่ก็ต้องสะดุดกับการขาดการประสบการณ์ของเธอในการพยายามโน้มน้าวเขาว่า ไม่ เขาไม่ได้มีอาการประสาทหลอน และไม่ เธอไม่ได้รู้สึกไม่สบาย!        เพียงแต่ว่า ทำไมงานแรกคือการทำให้เขายิ้มได้อย่างแท้จริงสิบครั้ง ถึงได้ยากเย็นขนาดนี้?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท