สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 36.1

ตอนที่ 36.1

บทที่ 36 ฮูหยิน รอข้าด้วย! (1)
Ink Stone_Romance
ย้อนเวลากลับไปเมื่อคืน ตอนที่เพิ่งเกิดเรื่องขึ้น

ซูหลินนำขบวนยิ่งใหญ่ภายใต้นามจวนอ๋องฉางซุ่นเดินทางออกจากเมืองหลวง เขาใช้ความไวสูงสุดรีบออกจากเขตเมืองหลวงไปทันที

ขณะนั้นในยามกลางคืน พวกเขาหยุดพักกันที่โรงเตี๊ยมริมทางห่างจากตัวเมืองประมาณห้าสิบลี้ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินพวกเขาก็เริ่มหยุดเดินทางกันต่อทันที

ทหารมากฝีมือจำนวนสองร้อยนายกับข้ารับใช้ของสกุลซู นับรวมกันแล้วมีสามร้อยกว่าคนได้ โรงเตี๊ยมเล็กๆ ที่มีห้องพักเพียงสิบกว่าห้องย่อมไม่พออยู่แล้ว ขนาดห้องโถงยังแน่นขนัดไปด้วยผู้คน

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ยังมีคนบางส่วนยืนเฝ้ายามอยู่ด้านนอกเช่นกัน

ถึงแม้จะเป็นช่วงเดือนสาม แต่อุณหภูมิในเวลากลางคืนก็ยังต่ำอยู่ พวกองครักษ์ต่างก็สุมหัวยืนกินเหล้าเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นกันอยู่ใต้ต้นไม้

เมื่อชายแกร่งร่างกำยำกระดกเหล้าเข้าปากไป ก็บ่นขึ้นมาอย่างเหลืออดว่า “ถ้าเร่งมือเดินหน้าต่ออีกสักนิด ตอนนี้เราก็คงถึงกันแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าซื่อจื่อคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงต้องหยุดพักเวลานี้ด้วย ปล่อยให้ข้ามายืนหนาวตายแบบนี้ ขนาดข้าวร้อนๆ สักจานยังไม่มีโอกาสได้กินเลย”

คนตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ เขากัดแผ่นแป้งแข็งๆ ลงไปพลางมองเขาอย่างเย็นชา “เจ้าหุบปากไปเถอะน่า คนอย่างพวกเราน่ะมีข้าวให้กินก็บุญโขแล้ว ถ้าเจ้านายสั่งให้ไปทิศตะวันออก เจ้าลองไปทิศตะวันตกดูสิ?”

ชายร่างกำยำคนนั้นกระดกเหล้าเข้าไปอีกคำ เงียบเสียงไม่พูดอะไรออกมาต่อ

เจ้าคนตัวเล็กคนนั้นหัวเราะใส่ ยิ้มแล้วโอบไหล่เขา จากนั้นพูดขึ้นว่า “พี่อู๋ ใครๆ เขาก็ว่าทางทิศใต้ผืนดินอุดมสมบูรณ์แถมยังมีประชากรอยู่เยอะ รากฐานของสกุลซูที่นั่นก็มั่นคง ครั้งนี้พวกเราติดตามซูซื่อจื่อออกจากเมืองหลวง แล้วถ้าสร้างครอบครัวตั้งรกรากที่นั่นได้ ก็ถือว่าเรามาไม่เสียเที่ยวนะ ผู้หญิงที่นั่นสวยมากเลยจะบอกให้ อย่างคุณหนูซูคนนั้นสวยสุดๆ ไปเลยล่ะ…ฮิฮิ…”

“สภาพแบบเจ้าเนี่ยนะ ไม่หัดดูสารรูปตัวเองเลย เป็นแค่หมาวัดคิดจะคว้าดอกฟ้า ในหัวคิดแต่เรื่องที่มันดีๆ หน่อยเถอะ!” ชายร่างกำยำกระทุ้งข้อศอกใส่เขา

ทั้งสองคนคุยเล่นหยอกล้อกันสนุกสนาน พวกองครักษ์ที่เหลือก็มาร่วมวงด้วยเช่นกัน จนกลายเป็นล้อมวงกันเล่นมุกตลกกันไป ทำให้ไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่ามีองครักษ์ที่อยู่รอบนอกสองนายนั้น หยิบมีดอันคมกริบออกมาจากแขนเสื้อ เมื่อรู้สึกตัวเข้าก็รู้เพียงแต่ว่าท้องมันเย็นๆ ยังไม่ทันได้อ้าปากส่งเสียงขอความช่วยเหลือ ก็โดนอีกฝ่ายอุดปากเข้าให้จากนั้นถึงล้มลงพื้นไป

เสียงพูดคุยหยอกล้อของชายหนุ่มค่อยๆ เงียบหายไป

หัวหน้าองครักษ์ด้านในโรงเตี๊ยมรู้สึกประหลาดใจ จึงชะโงกหน้าออกไปมอง เห็นไม่ค่อยชัดนัก แต่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันหลายคน มีกองไฟจุดสว่างไสวอยู่เต็มไปหมด สะท้อนเข้ากับใบหน้าที่กำลังหลับใหลของคนพวกนั้น เขาจึงไม่ได้สังเกตอย่างละเอียด เขาเพียงหันหลับเข้ามาจากนั้นปิดประตูลง

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดมิดลงเรื่อยๆ ด้านนอกเองก็มีเสียงลมพัดดังขึ้นเล็กน้อย

ภายในโรงเตี๊ยมแน่นขนัดไปด้วยผู้คน พวกเขาเร่งฝีเท้าเดินทางมาตลอดทั้งวัน ทุกคนจึงหลับสนิทส่งเสียงร้องกรนอย่างพร้อมเพรียง ไม่มีใครสนใจอะไรเลยทั้งสิ้น

ในขณะที่ลมกำลังพัดโชยอยู่นั้น บนหลังคาโรงเตี๊ยมที่จะพังแหล่มิพังแหล่ จู่ๆ ก็มีเงาบางอย่างที่คล้ายกับผีสางปีนอยู่บนนั้นอย่างเงียบเชียบ พวกนั้นใช้หลอดเสียบเข้ามาตามช่องหน้าต่างแล้วพ่นยาสลบเข้ามา

คนในโรงเตี๊ยมส่งเสียงร้องขึ้นเล็กน้อย จากนั้นไม่นาน นอกจากเสียงกรนแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นเสียงใดอีก

หน้าต่างค่อยๆ ถูกเปิดออกขึ้นจากด้านนอก เงาคนเสื้อดำโหนโรยตัวลงมา ในมือถือดาบ เชือดคอทุกคนที่หลับเป็นตายในโรงเตี๊ยมนี้จนหมดสิ้น

ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมิด มีแมลงส่งเสียงร้องขึ้นเป็นระยะคลออยู่เบาๆ มีคนคนหนึ่งหยิบยาสลบจำนวนมากกว่าเดิมออกมา แล้วเริ่มดูทิศทางวางแผนว่าจะต้องใช้วิธีไหนดี ถึงจะไม่ทิ้งพิรุธแล้วทำให้คนในห้องโถงทั้งหมดตกหลุมพรางพวกเขาได้

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ด้านหลังโรงเตี๊ยมนี้มีเรือนหนึ่งที่กำลังเปิดไฟสว่างไสวอยู่ แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นฝีเท้าที่กำลังย่างกรายเข้าไปหาพวกเขาอย่าเงียบเชียบอันนั้นเลย

ซูหลินนั่งหน้าเข้มขรึมอยู่บนเก้าอี้ในห้อง ดื่มเหล้าเข้าไปไม่หยุด บนโต๊ะเต็มไปด้วยกับแกล้ม แต่เขากลับไม่แตะต้องกินมันเลยสักคำ

ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกจากคนด้านนอก มีองครักษ์คนหนึ่ง หิ้วตัวผู้หญิงผมเผ้ารกรุงรังร่างกายอ่อนเปลี้ยเข้ามาเหมือนกับกำลังถือถุงกระสอบยังไงอย่างนั้น จากนั้นโยนตัวนางคนนั้นทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี

ซึ่งมิใช่ใครอื่น นางผู้นั้นคือชายาซื่อจื่อจวนอ๋องฉางซุ่น หรือท่านหญิงรองแห่งจวนอ๋องหนานเหอ ‘ฉู่หลิงซิ่ว’ นั่นเอง

นี่เพิ่งผ่านไปแค่สี่วันเท่านั้น สภาพนางก็เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้เห็นแม้แต่น้อยเลย ร่างกายผอมซูบอ่อนแอ เบ้าตาเว้าลึก แล้วยิ่งสีหน้าท่าทางอารมณ์ที่เผยออกมานั้น เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังหวาดกลัว สายตาสอดส่องไปรอบทิศ แต่มองยังไงก็ไม่เจอใคร ก็ยิ่งทำให้นางกลัวจนขนหัวลุก

ซูหลินปรายตามองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นทำหน้าเคร่งขรึมมากกว่าเดิม

“ซื่อ…ซื่อจื่อ!” ฉู่หลิงซิ่วเงยหน้ามองเขา ดวงตาส่องประตา หยดน้ำตาไหลรินออกมาทันที นางคลานเข้าไปกอดขาอีกฝ่ายเอาไว้ พูดอ้อนวอนขอร้องว่า “ซื่อจื่อ ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้ารู้ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นข้าผิดเอง เห็นแก่ความสัมพันธ์สามีภรรยาของเรา ท่านช่วยให้อภัยข้าด้วยเถอะนะเจ้าคะ!”

ตอนนั้นที่นางหาเรื่องซูหลินอย่างไม่คิดชีวิตแบบนั้น ก็ทำไปเพราะความโมโหเท่านั้น ตอนนี้เรื่องกลายสภาพมาเป็นเช่นนี้ นางเองก็รู้และเข้าใจดีที่สุด…

ฮ่องเต้ไม่คิดจะสืบสาวเรื่องนี้ต่อ เขาเพียงแต่ให้นางกับซูหลินกลับไปจวนอ๋องฉางซุ่นด้วยกัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขามอบตัวนางให้ซูหลินจัดการกับนางยังไงก็ได้

พูดแล้วก็พูดเถอะ คนเหมือนกันแต่มีชะตากรรมแตกต่างกัน ทำเรื่องน่าอับอายเหมือนกัน แต่ฉู่หลิงอวิ้นกลับมีหลัวฮองเฮาคอยปกป้อง มีคนแซ่เจิ้งคอยดูแล ทั้งยังมีฉู่ฉีเหยียนที่คอยช่วยพูดคุยคอยช่วยเหลืออีก จึงทำได้เพียงส่งนางไปหลบซ่อนที่ลับสายตาคน แต่เมื่อเป็นนาง เขากลับไม่แยแสเลยว่านางจะอยู่หรือจะตาย

ฉู่หลิงซิ่วโกรธแค้นโมโหเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้นางจะคิดเล็กคิดน้อยไม่ได้ นางต้องรักษาชีวิตเอาไว้ให้ได้ก่อน

แต่ตอนนี้ ขอเพียงแค่ซูหลินนึกถึงภาพเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นมา เขาก็โกรธเคียดแค้นไปหมด แค่นางแตะต้องโดนตัวเขา เขาก็รู้สึกขยะแขยง ยกเท้าเตะนางจนล้มลงพื้นไป

ฉู่หลิงซิ่วร้องเจ็บออกมา คลานแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น

ซูหลินกระดกเหล้าเข้าปากอีกแก้ว เผยยิ้มเย็นเยียบแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปหานาง ก้มมองนางอย่างเหยียดหยาม พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “นี่มันเมื่อไรแล้ว ถึงแม้เจ้าจะสำนึกผิดมันก็สายไปแล้วล่ะ ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ทำไมถึงได้ทำไปตั้งแต่แรกเล่า?”

ฉู่หลิงซิ่วตัวสั่น เงยศีรษะขึ้น มองหน้าเขาด้วยใบหน้าขอร้องอ้อนวอน

แต่ซูหลินกลับเบนสายตาหนี เชิดหน้าใส่องครักษ์สองนายที่เฝ้าอารักขาอยู่ตรงประตู “จัดการนางเสีย!”

เพื่อปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้กลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ไปทั่ว ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้เขาพาตัวฉู่หลิงซิ่วลงมาทิศใต้ แต่ผู้หญิงคนนี้ เขาแทบไม่อยากจะมองหน้านางเลยเสียด้วยซ้ำ เขาจึงรีบจัดการให้ไวขึ้น จะได้ไม่มีอะไรมาขวางหูขวางตา

องครักษ์สองคนขานรับแล้วเดินเข้ามา พวกเขาหนึ่งคนล้วงขวดออกมาจากสาบเสื้อ ส่วนอีกคนก็จับตัวฉู่หลิงซิ่วเอาไว้แน่น

ฉู่หลิงซิ่วเบิกตามองโพลง นางรู้สิ่งที่นางทำไป ซูหลินคงไม่มีทางไว้ชีวิตนางแน่ แต่ตอนนี้นางรู้ดีว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ นางจึงหันหน้าไปทางหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังแล้วรีบพุ่งไปคิดจะหนี

องครักษ์หนึ่งนายเดินขึ้นหน้า ดึงผมของนางไว้แล้วลากกลับมา

ฉู่หลิงซิ่วกำลังหาทางหนีตาย นางหันหน้าไปกัดเขาอย่างแรง

คนคนนั้นร้องออกมาเสียงดัง จนปล่อยมือออกในทันที

ฉู่หลิงซิ่วจึงถือโอกาสนี้รีบหนีออกไปอีกครั้ง เปิดหน้าต่างกำลังจะออกไป

แววตาร้อนแรงของซูหลินกวาดตามองไปรอบทิศ จากนั้นเดินไปหานาง จับข้อมือของนางเอาไว้ แล้วออกแรงดึงร่างอีกฝ่ายกลับเข้ามาให้อยู่ในเรือน จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บข้อมือขึ้น

เขาเบนสายตาออก เมื่อรู้สึกตัวถึงได้คลายมือลง เดินถอยหลังอย่างระมัดระวังไปสองก้าว

ฉู่หลิงซิ่วปีนหน้าต่างไปได้เกือบครึ่งทางแล้ว กลับล้มลงมาอีกหน จนตอนนี้นั่งตัวหดเป็นก้อนอยู่ใต้บานหน้าต่าง

“ใคร!?” ซูหลินตะโกนขึ้นเสียงดัง หันมองออกไปท้องฟ้าอันมืดมิดด้านนอกบานหน้าต่างนั้นตามสัญชาตญาณ

องครักษ์สองนายที่เฝ้าอารักขาอยู่ด้านนอกได้ยินดังนั้นก็รีบพุ่งเข้ามา คนทั้งสี่ล้อมวงป้องกันเขาเอาไว้ แต่ยืนอย่างนั้นอยู่นานก็ไม่เห็นใครน่าสงสัยปรากฏตัวขึ้น

ซูหลินจับข้อมือของตัวเองเอาไว้ เขามั่นใจว่าเมื่อกี้เขาถูกคนพวกนั้นโจมตี ในขณะที่เขาเฝ้าระวังอยู่ตอนนั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นเหนือศีรษะ

——————————————–

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท