สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 37.3

ตอนที่ 37.3

บทที่ 37 แสร้งทำเป็นโดนเชือดคอ! (3)
Ink Stone_Romance
เห็นคนผู้นั้นทำท่าทางราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน ประโยคด้านหลังเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาแล้ว

‘ความเห็นใจ’ สามคำนี้ ใช้กับคนอย่างเหยียนหลิงจวิน? เขาสามารถตอกกลับมาเป็นชนิดที่ว่า หลังจากเจ้าฟังเสร็จก็ตายอย่างไม่ทันที่จะได้รักษาดีเสียก่อน

จนถึงเวลานี้ซูอี้รู้สึกได้แค่เพียงว่าตนเองนั้นไร้เรี่ยวแรงอย่างถึงที่สุด แม้แต่จะขยับก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้ เอาแต่นั่งเฉยๆ อยู่ที่นั่น

ในตอนที่ฉู่สวินหยางผลักประตูเข้ามาก็เจอกับภาพ…

ทิวทัศน์พระอาทิตย์อัสดงคล้ายภาพวาด ดูงดงามและเงียบสงบอย่างแปลกประหลาด เหยียนหลิงจวินที่อยู่ในชุดคลุมยาวสีขาวหิมะนั่งอย่างภูมิฐานอยู่ตรงข้างโต๊ะหมากรุกในห้อง ลงหมากด้วยใบหน้าที่งามสง่าและสูงศักดิ์ บนคอของซูอี้ถูกพันด้วยผ้าพันแผล สวมเพียงชุดนอนหลวมโพรกนั่งหงอยเหงาอย่างไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ทั้งยังกำลังจ้องไปที่เหยียนหลินจวินอย่างตัดเพ้อ

สถานการณ์นี้ดูคล้ายว่าเข้ากันอย่างลงตัว แต่จะมองอย่างไรก็ยังทำให้คนมองรู้สึกแปลกๆ อยู่ดี

ฉู่สวินหยางอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ มองไปยังซูอี้พลางกล่าวขึ้น “คุณชายรองฟื้นแล้วรึ? รู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”

เหยียนหลิงจวินกวาดตามองไปที ขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะหยัดกายขึ้นอย่างคล่องตัว ดึงชุดคลุมตัวนอกของตนที่อยู่บนชั้นวางด้านหลังโยนให้ซูอี้ กล่าวอย่างเรียบเย็น “ไม่ตายหรอก แค่เลือดออกนิดเดียวเท่านั้น เป็นเพราะร่างกายเขาอ่อนปวกเปียก แผลเล็กแค่นี้ยังหลับไปตั้งวันสองวัน”

ขณะที่พูดก็ก้าวเท้าเดิน ราวกับเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าฉู่สวินหยางอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดึงสายตาของนางให้ละมาจากซูอี้ กล่าวอย่างอ่อนโยน “เหตุใดจู่ๆ ก็มาเช่นนี้เล่า?”

“ข้ามาเยี่ยมคุณชายรองซู” ฉู่สวินหยางกล่าว ซูอี้ไม่เป็นอะไรนางก็วางใจ เวลานี้จึงยิ้มขึ้นมาเปลี่ยนเรื่องพูด “ท่านแม่ของข้าอีกไม่กี่วันก็จะเดินทางกลับไปอารามเมตตาแล้ว ข้าอยากให้ท่านไปตรวจร่างกายนางสักหน่อย”

เหยียนหลิงจวินแย้มยิ้ม เตรียมจะจับมือนาง “ยากที่จะมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ นั่งสักพักแล้วค่อยไปเถิด!”

ฉู่สวินหยางหลบมือจากเขาอย่างรู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง

ซูอี้ที่อยู่ด้านหลังผูกสายรัดเสื้อผ้าไปพลางกล่าวขึ้นอย่างเชื่องช้าไปพลาง “เจ้าฟังไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? ครั้งนี้ท่านหญิงมาเพราะเยี่ยมไข้ข้า คล้อยหลังเจ้าค่อยตามไปก็ได้”

ขณะที่เขาพูด ก็ไม่สนใจสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเหยียนหลิงจวินสักนิด หัวเราะยิ้มๆ พลางคารวะฉู่สวินหยาง “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านหญิงยังนึกถึง”

ฉู่สวินหยางแย้มยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร คล้อยหลังจึงค่อยประกายตามองไปยังเหยียนหลิงจวิน

เหยียนหลิงจวินเหลือบมองซูอี้ทีหนึ่ง ยังคงมีท่าทีเป็นสุขที่เห็นผู้อื่นได้รับความทุกข์อยู่ กล่าวขึ้นมา “อีกฝ่ายไม่ได้หมายจะเอาชีวิตเขา เพียงแค่เป็นแผลภายนอกเท่านั้น!”

ฉู่สวินหยางส่งแววตาถามเป็นนัยให้กับซูอี้

นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ใบหน้าของซูอี้ก็มีท่าทีกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง กระแอมไอกล่าว “เป็นข้าที่ประมาทเกินไป จึงเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น”

เหยียนหลิงจวินก็ไม่ได้จ้องจะเค้นถามเอาคำตอบจากเขาแต่อย่างใด เพียงแค่เดินไปที่โต๊ะรินชาแก้วหนึ่งให้กับเขา พลางกล่าว “สกุลซูส่งกองกำลังไปช่วยหนุนซูหลิน คล้อยหลังก็ถูกคนฆ่าปิดปากจนหมดสิ้น ทางการในพื้นที่เข้าเมืองหลวงไปรายงานการตาย เอาแต่กล่าวว่าคนพวกนั้นร่วมกันปล้นเงินสังหารคน ต้องการเอาชีวิตซูหลิน จากนั้นก็ถูกมือธนูของทางการตามมายิงจนตาย”

ซื่อจื่อจวนอ๋องฉางซุ่นถูกฆ่าขณะกลับไปบ้านเกิด ทั้งยังเป็นคดีที่เกี่ยวพันกับชีวิตคนอีกสามร้อยกว่าคน ทางการในพื้นที่เพื่อที่จะปัดความรับผิดชอบ กล่าวข้ออ้างเช่นนี้ออกมา ช่างสมเหตุสมผลทีเดียวเชียว

ซูอี้ยกถ้วยชาในมือขึ้นมา ขยับจ่อไปใกล้ริมฝีปากจิบหนึ่งคำ มีท่าทีจมลึกครุ่นคิดอยู่สักพัก กลับกล่าวแล้วมองไปยังฉู่สวินหยาง “เป็นฝีมือของซื่อจื่อหนานเหอ?”

“สกุลซูส่งคนไปอย่างไรก็คงไม่ใช่คนไม่มีความสามารถ นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครมีความสามารถเช่นนี้อีกแล้ว”

ฉู่สวินหยางกล่าว มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างเย้ยหยัน

ฮ่องเต้ฆ่าซูหลิน เผาทำลายศพกลบเกลื่อนหลักฐาน ฉู่ฉีเหยียนคล้อยหลังกลับเคลื่อนย้ายมือสังหารกลุ่มนี้ออกมา ไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้ง มองผิวเผินดูเหมือนจะปกติไม่มีอะไร แท้ที่จริงแล้ว…

ซูอี้เม้มริมฝีปากขบคิด กล่าวอย่างลังเล “ซูหัง…จะเข้าเมืองมารับศพซูหลินด้วยตัวเองหรือไม่?”

“เดิมทียังสามารถมาได้ แต่ตอนนี้…เขาไม่อาจมาได้อย่างแน่นอน” ฉู่สวินหยางกล่าว ถอนหายใจอย่างไปที “แต่ว่าราชโองการของฝ่าบาทส่งไปอย่างเร่งด่วนแล้ว สถานการณ์ที่แท้จริงจะออกมา…อย่างไรก็ยังต้องรออีกสักวันสองวันจึงจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้”

ทางการไม่รู้ถึงตัวตนชายชุดฟ้ากลุ่มนั้น แต่ฉู่ฉีเหยียนย่อมรู้อย่างแน่นอน

กล่าวว่าองครักษ์ลับของจวนอ๋องฉางซุ่นปล้นเงิน สังหารคน? ซูหังจะเชื่อลงได้อย่างไร? เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งเหมือนเป็นการยืนยันถึงการปกปิดฉากสังหารนี้ แบ่งแยกความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้และจวนอ๋องฉางซุ่นอย่างสิ้นเชิง

ซูหังอายุจะเข้าใกล้ห้าสิบแล้ว เวลานี้ให้เขาได้รับความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?

ผลของการร่วมผสมโรงของฉู่ฉีเหยียนครั้งนี้นับว่าคุ้มค่าที่จะรอคอย

ทั้งสามคนจมกับความคิดตัวเองชั่วครู่ และยังคงเป็นฉู่สวินหยางที่ทำลายความเงียบนี้ขึ้นมา หันไปทางซูอี้อีกครั้งก่อนกล่าว “เจ้าไปเจอกับเรื่องอะไรมากันแน่? ตอนที่ข้าไปนั้น ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าทั้งหมดจัดการเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ?”

“แค่ก…” ซูอี้แสร้งไอกลบเกลื่อนอย่างขวยเขิน กล่าวอย่างเหนียมอาย “เกิดเรื่องไม่คาดคิดนิดหน่อย”

เขายกมือขึ้นลูบคอ การกระทำทุกอย่างของผู้หญิงคนนั้นควรค่าแก่การครุ่นคิด ตรึกตรองครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ยังคงมองเหยียนหลินจวินด้วยท่าทีจริงจัง “ข้าเจอกับมือสังหารที่สร้างความสับสนบนถนนไฉ่ถังในงานเทศกาลสารทจีนวันนั้น”

เหยียนหลิงจวินและฉู่สวินหยางสบตามองซึ่งกันและกัน ต่างก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ซูอี้ก้มศีรษะลงกลืนน้ำลายหนึ่งเอื๊อก จึงค่อยกล่าว “เป็นพวกเดียวกันกับมือลอบสังหารทั่วป๋าไหวอันในคืนขึ้นปีใหม่ แต่ว่า…ข้าสงสัยว่าเรื่องที่งานเทศกาลสารทจีนวันนั้นอาจจะไม่ใช่คำสั่งของฮ่องเต้”

ฉู่สวินหยางขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าหมายความว่า…”

สามารถแทรกแซงอำนาจภายในขององครักษ์ลับของฮ่องเต้ได้ คนผู้นั้นจะเป็นใครกัน? หากจะมองทั้งราชสำนัก ผู้ที่มีความสามารถทำเรื่องเช่นนี้ก็เหมือนจะมีแต่ฉู่อี้อัน

และที่จริง…

เพราะว่าตั้งแต่เรื่องรูปปั้นครั้งนั้น ฉู่สวินหยางก็สงสัยฉู่อี้อันมาโดยตลอด!

เมื่อเห็นนางนิ่งเงียบ เหยียนหลิงจวินก็เดินอมยิ้มเข้ามา ตบไหล่นางพลางกล่าว “เพียงแค่อีกฝ่ายไม่ขวางทางพวกเรา ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสียแรงไปคิดให้มากมาย ปล่อยให้มันไปตามเรื่องตามราวเถิด!”

“อืม!” ฉู่สวินหยางเงยหน้าเผยรอยยิ้มให้เขา ในตอนที่เบนสายตาออกมาท่าทีกลับซ่อนเร้นความขมขื่นเอาไว้

ผ่านมาวันที่สี่ รุ่งเช้าคนแซ่ฟางก็จัดเตรียมสัมภาระนิดหน่อย เพื่อเดินทางกลับไปยังอารามเมตตา

เพราะว่าเรื่องของซูหลิน ไม่กี่วันมานี้ในราชสำนักต่างก็เต็มไปด้วยข่าวลือ ฉู่อี้อันและฉู่ฉีเฟิงล้วนแต่เข้าวังตั้งแต่เช้าตรู่ หลังจากนั้นก็ถูกรั้งตัวปรึกษาเรื่องงานที่ห้องทรงอักษร ด้านคนแซ่ฟางนั้นจึงมีเพียงแค่ฉู่สวินหยางที่นำคนคุ้มกันคอยส่งนางกลับไป

สองคนแม่ลูกนั่งเผชิญหน้ากันในรถม้า ตลอดทางมีแต่ความเงียบเชียบ

บนข้อมือของคนแซ่ฟางนั้นสวมลูกประคำไม้จื่อถานไว้อยู่ เอาแต่นั่งหลับตาสวดมนต์ตลอดทาง

ด้านฉู่สวินหยางก็ก้มศีรษะเล่นนิ้วหัวแม่มือของตนเอง ทั้งสองคนต่างหาสิ่งอื่นทำกันฆ่าเวลาไปพลาง

แม่นมฉางที่นั่งมองอยู่ด้านข้างก็ร้อนรนในใจ ลังเลครั้งแล้วครั้งแล้วก็ยังคงอดกลั้นเอาไว้ ไม่ได้เอ่ยปากออกมา

คนแซ่ฟางเพิ่งฟื้นคืนจากอาการป่วย เพื่อที่จะปกป้องนาง ขบวนรถจึงจงใจเคลื่อนไปอย่างช้าๆ จนประมาณสองชั่วยาม[1] จึงค่อยถึงที่หมาย

แม่นมฉางพยุงมือคนแซ่ฟางลงจากรถ ฉู่สวินหยางออกคำสั่งให้จูหย่วนซานนำคนขนของต่างๆ ลงมา ส่งเข้าไปยังเรือนที่นางพำนักด้วยตนเอง

“ยาที่ใต้เท้าเหยียนหลิงจัดให้ ท่านแม่อย่าลืมต้มก่อนใช้ทุกวัน เขาบอกว่าร่างกายท่านแม่ได้รับความเสียหาย ฉะนั้นจะต้องใช้ยานี้ปรับสมดุลไปอีกครึ่งเดือน จึงจะสามารถรับประกันได้ว่าชะล้างพิษที่ตกค้างทั้งหมดได้” คิดอยู่สักครู่ ฉู่สวินหยางก็เป็นฝ่ายทำลายบรรยากาศเงียบสะงัดขึ้นมาก่อน

“อืม!” คนแซ่ฟางผงกศีรษะ “วันนี้เจ้าตามมาก็ลำบากมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเสีย ตอนลงเขาก็ระวังตัวด้วย!”

“เจ้าค่ะ!” ฉู่สวินหยางตอบรับ เผยรอยยิ้มให้นางก่อนจะหมุนกายเดินออกไป

ความสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูกของพวกเขา สามารถพูดคุยกันสองประโยคเช่นนี้ก็นับว่าพบได้ยากแล้ว

มองเห็นแผ่นหลังของนางค่อยๆ ไกลออกไป ในที่สุดแม่นมฉางก็ทนไม่ไหวลอบถอนหายใจออกมา กล่าวกับคนแซ่ฟางอย่างใจจริง “พระชายา บ่าวพูดมากไปท่านก็ไม่ยอมฟัง แต่ว่าท่านและท่านหญิงทั้งยังมีท่านชายอีก…เห็นทั้งสองคนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย จะพูดอย่างไรท่านก็ยังเป็นแม่แท้ๆ ของพวกเขา ค่อยๆ พัฒนาไปทีละนิด ความสัมพันธ์นี้ก็จะดีขึ้นได้ ตอนนี้ฮองเฮาก็ไม่อยู่แล้ว ท่านก็อย่าได้ทรมานตัวเอง หมางเมินความสัมพันธ์แม่ลูกเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ”

——————————————————–

[1] สองชั่วยาม ประมาณสี่ชั่วโมง

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท