สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 38.5

ตอนที่ 38.5

บทที่ 38 เหยียนหลิงจวิน พี่ชายภรรยาของเจ้าลักพาตัวสะใภ้หนีไปแล้ว! (5)
Ink Stone_Romance
แม้ในใจจะแย้มยิ้ม ทว่าฝีเท้าของฉู่ฉีเฟิงกลับไม่รั้งรอแม้แต่น้อย

แหวกผ้าคลุมกระโจมแทนทหารยามพวกนั้น สองพี่น้องก้าวเท้าเดินตามกันเข้าไปอย่างทันที

เวลานี้ด้านในของกระโจมนั้นก็นับว่าคึกคัก เจิ้งตั๋วที่อ่อนแรงอยู่ในชุดคลุมหยาบๆ เอนกายพิงตั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง ทั้งบนตัวยังคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนึ่ง

หมอติดตามกองทัพที่มากประสบการณ์ทั้งสามคนก็ล้วนอยู่ที่นี่ทั้งหมด วุ่นอยู่กับตรวจร่างกายและเขียนยาให้เขา

ฉู่ฉีเหยียนและผู้ช่วยคุมทัพอีกสองสามคนมีสีหน้าเคร่งขรึมนั่งอยู่ทางด้านข้าง มองดูหมอที่กำลังยุ่งอยู่กับงาน

ส่วนอีกด้านก็มีคนที่แต่งกายคล้ายชาวประมงสองคนยืนก้มหน้าอย่างกังวลใจ คนหนึ่งเฒ่าคนหนึ่งหนุ่ม จากลักษณะแล้วสามารถมองออกได้ว่าเป็นพ่อลูกคู่หนึ่ง

ในตอนที่ฉู่ฉีเฟิงและฉู่สวินหยางเข้าไป เด็กหนุ่มคนนั้นก็กำลังอธิบายอะไรบางอย่างด้วยท่าทีที่ประหม่า ทั้งยังมีความเคร่งเครียดอยู่บ้าง “วันที่สิบหกกลางเดือนเวลาเช้าตรู่ ข้าและท่านพ่อลงไปหาปลาในแม่น้ำกลับจับคนผู้นี้ขึ้นมาได้ บนร่างกายเขามีแต่บาดแผล เอาแต่สลบไสลจนเมื่อคืนวานก่อนค่อยฟื้นคืนสติขึ้นมา จึงให้พวกข้าพาเขามาส่งที่นี่ ในตอนที่พวกเราช่วยเขาขึ้นมาจากน้ำ ชุดที่สวมอยู่บนร่างของเขาก็ถูกน้ำกัดเซาะจนเสียหายไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเป็นแม่ทัพท่านหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บมา จึง…จึงไม่ได้ส่งตัวเขากลับมาให้เร็วกว่านี้ขอรับ”

เจิ้งตั๋วหลับตาพิงกับตั่งราวกับอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นฉู่ฉีเฟิงมา ทุกคนก็รีบเร่งหยัดกายขึ้นทำความเคารพ “คารวะท่านชาย ท่านหญิงขอรับ!”

“ตามสบายเถิด!” ฉู่ฉีเฟิงกล่าว ขณะที่พูดก็ก้าวเท้ายาวเข้าไปหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าตั่งของเจิ้งตั๋ว

“ท่านชาย…” เจิ้งตั๋วพยุงร่างเตรียมที่จะลงไปที่พื้น กลับถูกฉู่ฉีเฟิงยกมือหยุดเอาไว้ก่อน “ท่านกั๋วกงบาดเจ็บอยู่ รักษาตัวไว้ก่อนเถิด ไม่จำเป็นต้องมากพิธี!”

“ข้าละอายใจยิ่งนัก ทำเรื่องพลาดพลั้ง ยังทำให้ซื่อจื่อและท่านชายต้องเป็นกังวลใจ” เจิ้งตั๋วก็ไม่ได้ฝืนร่างกายอันใด กลับไปพิงที่ตั่งอย่างเดิม เผยท่าทีราวกับอดอาลัยตายอยากก็มิปาน

“ท่านลุงอย่าพูดเช่นนี้เลย ดาบกระบี่ล้วนไม่มีตา นี่เดิมทีก็เป็นเพียงอุบัติเหตุที่ใครก็คาดไม่ถึง” ฉู่ฉีเหยียนกล่าว

สีหน้าของเขายังคงราบเรียบอย่างเช่นเคย นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับไปไหน เพียงแค่ดื่มชาด้วยท่าทางเรียบนิ่งเท่านั้น

เจิ้งตั๋วยิ้มอย่างขมขื่น ก้มหน้าลงไปด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

ชาวประมงสองคนที่เป็นผู้ส่งตัวเขากลับมานั้น เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นกองทัพมหึมาเช่นนี้ จึงตกใจจนขาอ่อน คุกเข่าลงไปนั่งตั้งนานแล้ว ทั่วทั้งร่างแทบจะคลุกคลานลงไปอยู่กับพื้น

ฉู่สวินหยางกวาดสายตาอ้อมด้านหลังของคนสองนั้นไป ยิ้มขึ้นมุมปากอย่างสนใจ เดินเข้าไปกล่าวกับหมอที่กำลังจัดการกับแผลที่เป็นหนองของเจิ้งตั๋วอยู่ “อาการบาดเจ็บของท่านกั๋วกงเป็นอย่างไรบ้าง? จะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือไม่?”

“โชคดีเป็นอย่างยิ่งที่พื้นฐานร่างกายของท่านกั๋วกงนั้นดีอยู่แล้ว บาดแผลไม่กี่แห่งบนร่างกายก็ล้วนไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต เพียงแค่ก่อนหน้านี้จัดการได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงมีหนองอยู่บ้าง กว่าจะฟื้นคืนเป็นปกติได้ก็อาจจะต้องยังใช้เวลาขอรับ” หมอคนนั้นตอบกลับ

“เช่นนั้นก็ลำบากพวกท่านหน่อยแล้ว” ฉู่สวินหยางกล่าว

“ท่านหญิงกล่าวเกรงใจเกินไปแล้ว ล้วนแต่เป็นเรื่องเล็กที่พวกข้าพึงกระทำ ไม่กล้ารับไว้หรอกขอรับ!”

ฉู่สวินหยางแย้มยิ้ม เบนกายไปด้านข้างกล่าวกับคนทั้งสองที่คุกเข่าอยู่ “พวกเจ้าพาตัวท่านกั๋วกงกลับมา ก็นับว่าทำคุณงามความดีให้แก่ราชสำนัก ต้องมอบรางวัลให้จึงจะถูก เช่นนั้นก็ตามข้ามาเถิด!”

ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างเกรงกลัวลับๆ จากนั้นก็ยิ่งกล่าวซาบซึ้งในบุญคุณครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับคาดไม่ถึงว่าจะได้รับความดีความชอบ

ฉู่สวินหยางเผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย หมุนกายพาสองคนนั้นออกไป ราวกับเรื่องราวของที่นี่ไม่มีความสนใจหลงเหลืออยู่แล้ว

เมื่อหมอจัดการบาดแผลของเจิ้งตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปเช่นกัน

บรรยากาศในกระโจมจึงเงียบเชียบขึ้นมาอย่างชั่วครู่…

เจิ้งตั๋วเป็นแม่ทัพที่ฮ่องเต้ส่งตัวมาเพื่อปราบปรามที่นี่ ส่วนฉู่ฉีเฟิงเป็นคนที่มารับช่วงต่อหลังจากที่เขาเกิดเรื่อง อีกทั้งก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ก็ไม่ได้บอกความประสงค์อย่างชัดเจนว่าจะปลดเขาออกจากตำแหน่ง

ตอนนี้เมื่อเขากลับมาแล้ว เรื่องของอำนาจทางการทหารจึงเกิดเป็นปัญหาขึ้นมา

ฉู่ฉีเหยียนยังคงดื่มชาอย่างเงียบสงบราวกับเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับตน

ผู้ช่วยคุมทัพคนอื่นๆ นั้นเป็นเพราะฐานะยังไม่สูงพอจึงไม่มีอำนาจในการเปิดปากพูด

สายตาของฉู่ฉีเฟิงกวาดมองไปบนร่างของทุกคนครั้งหนึ่ง กลับเผยรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นมากล่าวกับเจิ้งตั๋ว

“ท่านกั๋วกงสามารถรอดพ้นจากอันตรายมาได้ นับเป็นความโชคดีของราชสำนัก หากฝ่าบาทรู้ข่าวนี้ก็คงจะคลายกังวลใจลงได้ เวลานี้ในเมื่อท่านกั๋วกงปลอดภัย ก็สามารถรับผิดชอบกิจการทหารต่อได้ ข้าที่มาตอนนี้ก็รับช่วงต่อไม่ทันแล้ว ท่านและซื่อจื่อสองคนมีความสามารถมากก็คงต้องลำบากพวกท่านแล้ว”

อำนาจทางทหารมาถึงมือแล้วยังจะผลักไปทางอื่นอีก?

ท่ามกลางผู้คนนั้น นอกจากฉู่ฉีเหยียนแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่เงยหน้ามองไปทางเขาพร้อมเพรียงกันอย่างคาดไม่ถึง

ฉู่ฉีเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่กล่าวกับฉู่ฉีเหยียนด้วยท่าทีเรียบเย็น “มีซื่อจื่อและท่านกั๋วกงออกนั่งบัญชาการรักษาการณ์ด้วยตนเอง ชัยชนะของสงครามครั้งนี้คงไม่มีอันใดที่น่าเป็นห่วงแล้ว ขอบใจพวกท่านทั้งสองคนเป็นอย่างมาก ข้าก็กำลังหาโอกาสปลีกตัวจากงานที่ยุ่งอยู่พอดี ตั้งใจว่าจะพาสวินหยางไปเที่ยวเล่นใกล้ๆ นี้ ข้าไปกับนางเพียงไม่กี่วัน กลับมารอท่านทั้งสองได้ชัยชนะค่อยกลับเมืองหลวงไปพร้อมกัน!”

ผลประโยชน์ใหญ่หลวงเช่นนี้ เขากลับผลักออกไปง่ายๆ อย่างไม่คิดอะไร

ทุกคนมองหน้ากัน ล้วนตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทั้งสิ้น

มีเพียงฉู่ฉีเหยียนเท่านั้นที่ยังคงรักษาท่าทีไว้อย่างเช่นเคย เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ช่วงนี้พื้นที่ใกล้ๆ ยังคงถูกไฟสงครามขยายเป็นวงกว้าง ไม่ค่อยสงบอยู่บ้าง หากองค์รักษ์ที่ติดตามพวกท่านไม่เพียงพอ ก็เบิกตัวทหารในกองทัพไปใช้ด้วยเถิด!”

“เข้าใจแล้ว!” ฉู่ฉีเฟิงรับคำอย่างไม่อ้อมค้อมก่อนจะออกจากกระโจมไป

ฉู่ฉีเหยียนก็ไม่ได้มองตามเขาไป เพียงฟังเสียงฝีเท้าเขาก้าวเดินออกไปไกลแล้วจึงค่อยวางถ้วยชาในมือลง ก่อนจะเดินไปดูเจิ้งตั๋วที่หน้าตั่ง กล่าวอย่างกำชับ “ท่านลุง ท่านพักผ่อนก่อนเถิด สักพักข้าจะให้คนนำรายงานการรบช่วงนี้มาส่งให้ท่าน”

ฟังดูแล้วยังคงคล้ายกับว่าบังคับให้ทำตามคำสั่งของเขาอย่างกลายๆ แต่ทว่า…

เจิ้งตั๋วก็ยิ้มอย่างขมขื่นในใจ ทำได้แต่หลับตาผงกศีรษะรับไป

ฉู่ฉีเหยียนเห็นเช่นนั้นก็ไม่มากความอีก ก้าวเท้ายาวเดินออกไปทันที

ผู้ช่วยคุมทัพที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ผลัดเปลี่ยนเข้ามาเอ่ยปลอบขวัญกับเจิ้งตั๋ว ก่อนจะพากันออกไป ท้ายที่สุดจึงเหลือแค่คนสนิทของเขาเพียงคนเดียว

“ท่านโหว หลังจากที่เกิดเรื่องกับท่านในวันนั้น ข้าก็ได้ตรวจสอบเป็นพิเศษ เป็นคนคุมหางเสือเรือที่เบนเบี่ยงเส้นทางเรือไปจึงได้เกิดเรื่องขึ้น ข้าสงสัยว่า…” คนผู้นั้นเผยสีหน้ามืดคล้ำ มีท่าทีไม่พอใจ

เจิ้งตั๋วลืมตาขึ้นมา เผยใบหน้าราบเรียบมองไปยังเขา “ยังไงล่ะ?”

“ข้าสงสัยว่ามีคนจงใจกระทำขอรับ!” คนผู้นั้นกล่าว ขณะที่พูดก็ใช้สายตามองไปยังทิศทางประตูกระโจมอย่างเป็นนัย “คนผู้นั้นข้าได้กักตัวซ่อนไว้ในสถานที่ลับ ท่านว่าจะเป็น…”

“เหอะ…” เจิ้งตั๋วฟังจบก็หัวเราะอย่างขื่นขมออกมา หลังจากหัวเราะแล้ว ใบหน้าก็ยังเต็มไปด้วยท่าทางดูแคลนตนเอง “เจ้าคิดว่าเหตุใดเจ้าถึงจับคนผู้นั้นได้อย่างง่ายดาย? แล้วเจ้าคิดว่าเหตุใดคนผู้นั้น…ทั้งที่ถูกเจ้าจับตัวมันไปตั้งนานขนาดนี้แล้ว กลับไม่มีใครสืบหาตัวของเขา? เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจส่งคนเข้าไปอยู่ในกำมือของเจ้า ก็เพราะเขาต้องการบอกข้าให้รู้ว่า เรื่องนี้เขาเป็นคนทำยังไงล่ะ!”

“นี่…” ทหารผู้นั้นตกใจเป็นอย่างยิ่ง อดไม่ได้ที่หน้าจะเปลี่ยนสีอย่างฉับพลัน พูดอย่างสะเปะสะปะอยู่บ้าง “จะเป็นไปได้อย่างไร? ปองร้ายแม่ทัพที่เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก เรื่องนี้หากล่วงรู้ไปถึงฝ่าบาทด้านนั้น…”

—————————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน