สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 47.2

ตอนที่ 47.2

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ชิ่งเฟยก็ยิ่งมีความมั่นใจขึ้นมา ทว่าใบหน้ากลับแสร้งเผยท่าทีเคร่งขรึมออกไป “เกิดเรื่องอันใดขึ้น? เป็นผู้ใดที่ทำให้เจ้าสลบไป? แล้วคุณหนูหลัวอวี่ก่วนของเจ้าไปอยู่ไหนเสียล่ะ?”

“บ่าว…บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ!” เซียงเฉ่ากล่าวอย่างตกใจ สายตาเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบด้าน เมื่อเห็นซูอี้ที่อยู่ท่ามกลาง ผู้คนกลับร้อนตัวขึ้นมาซะอย่างนั้น รีบเร่งเบนสายตาออกไปทางอื่น ก่อนจะกล่าวขึ้นแผ่วเบา

“คุณหนูหลัวอวี่ก่วนของบ่าวหายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ!”

“อะไรนะ?” กลับเป็นฮูหยินใหญ่ที่ตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะใช้สายตามองผ่านผู้คนเข้าไปสำรวจผู้ที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงนั้นในห้อง

ด้านนี้เซียงเฉ่าก็กล่าวด้วยร้องห่มร้องไห้ไปด้วย “เดิมทีบ่าวและคุณหนูมาเดินเล่นในสวนดอกไม้ จากนั้นจู่ๆ ก็ถูกคนตีจนสลบไป เมื่อครู่เพิ่งฟื้นสติขึ้นมา คุณหนูของบ่าวก็หายไปแล้วเจ้าค่ะ!”

ชิ่งเฟยพึงพอใจเป็นอย่างมาก ยิ้มดึงมุมปากขึ้น มองไปทางซูอี้ “คุณชายรองซู ท่านมีอะไรอยากจะพูดอีกหรือไม่?”

“พระชายาช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง คุณหนูหลัวหายไป แล้วเกี่ยวอันใดกับข้าเล่า? ทั้งยังเค้นให้ข้าพูดออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเช่นนี้?”

“ให้ตายอย่างไร ท่านก็ไม่ยอมรับสินะ? คุณหนูหลัวอวี่ก่วนหลับนอนห้องเดียวกับท่านในสภาพที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ทุกคนก็ล้วนเห็นอยู่ตำตา ท่านยังจะปฏิเสธอีกรึ?” ชิ่งเฟยขมวดคิ้วกล่าว ขณะที่พูดก็ทำเป็นถอนหายใจกล่าวด้วยใจจริง “ว่าไปแล้ว พวกท่านชายหญิงที่ไม่ได้แต่งงานทั้งคู่ หากจะมีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด เหตุใดจะต้องเดินไปยังสุดโต่ง ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาด้วยเล่า?”

ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็มองไปที่ซูอี้ด้วยท่าทีแปลกๆ อย่างเปิดเผย

แม้ว่าใครจะรู้สึกว่าเขาดูไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อุบายเช่นนี้กับหลัวอวี่ก่วน แต่เมื่อเรื่องเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าก็ยากที่จะไม่ทำให้คนคิดไปไกลได้

“ข้าก็แค่ได้รับคำชี้แนะจากพระชายาให้มาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนนี้เท่านั้น คุณหนูหลัวอวี่ก่วนอันใดกัน คำพูดเช่นนี้ของพระชายา ข้ามิอาจเข้าใจได้แล้ว” แววตาของซูอี้ก็เยือกเย็นลงมาแล้วเช่นกัน ขมวดคิ้วขึ้น ตอนที่มองไปยังชิ่งเฟยอีกครั้ง ก็เผยประกายเย็นเยียบอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านพูดเรื่องอันใดกัน? ข้าเห็นว่าเสื้อผ้าของเจ้าเปื้อนจึงหวังดี…” ชิ่งเฟยกล่าวอ้าง รีบร้อนโต้แย้งกลับไป พูดได้ครึ่งหนึ่ง ก็รู้สึกว่าตนเองกล่าวมากไป เกรงว่ายิ่งพูดกลบเกลื่อนก็ยิ่งจะถูกสงสัย จึงเปลี่ยนเรื่องพูดเสีย กล่าวเสียงเย็นไปทาง ด้านในห้อง “คุณหนูหลัวอวี่ก่วนสลบไม่รู้เรื่องรู้ราวในห้องนี้ ทั้งก่อนหน้านี้ก็มีท่านเข้ามาอยู่ก่อนแล้ว ท่านก็ควรจะหาคำอธิบายอะไรสักอย่างออกมาพูดหน่อยเถิด!”

ซูอี้เผยท่าทีเรียบเย็นมองนาง ไม่ปริปากพูดสักคำ

“คุณหนู!” เซียงเฉ่าดึงสติกลับมา รีบร้อนถลาเข้าไป

เวลานี้ฮูหยินใหญ่ก็มองดูคนผู้นั้นอยู่ นางกลับไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร เพียงแต่ยืนอยู่ด้านหน้าของเตียง

เซียงเฉ่าถลาเข้าไป สักพักก็วาดคนผู้นั้นเข้าสู่อ้อมกอด…

การวางแผนเรื่องซูอี้ของหลัวอวี่ก่วนและหลัวเสียง นางก็รู้เช่นกัน ตัวนางเองก็ล้มพับไปด้วยไม่รู้ว่าเรื่องภายหลังจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น เวลานี้ได้ฟังชิ่งเฟยและซูอี้สนทนากันก็เท่ากับว่าหลัวอวี่ก่วนนั้นบรรลุผลแล้ว

นางพุ่งตัวเข้าไปทั้งพูดคุยทั้งร้องไห้ไปพลาง กอดคุณหนูของตนเอาไว้ จู่ๆ แขนของเซียงเฉ่าก็ชะงักกึก ครู่ต่อมากลับหวีดร้องออกมา ผลักคนผู้นั้นออกอย่างแรง ด้านตัวเองนั้นก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างตกใจ เท้าขัดกันสะดุดล้มลงบนพื้น ชี้ไปที่คนผู้นั้นที่อยู่บนเตียงอย่างสั่นสะท้าน

คนผู้นั้นถูกนางดึงขึ้นมา ทั้งยังถูกผลักออกไปอย่างแรงอีกครั้ง หน้าผากชนเข้ากับเสาเตียง เวลานี้จึงครางออกมาหนึ่งเสียง คลำหน้าผากหยัดกายขึ้นมา

ฮูหยินใหญ่นั้นเผยสีหน้าราบเรียบมองไปทางพวกของชิ่งเฟยที่อยู่หน้าประตู กล่าวเรียบเย็น “นี่คือคุณหนูหลัวอวี่ก่วนที่พระชายากล่าวถึงหรือ?”

พูดได้ครึ่งเดียวก็เปลี่ยนโทนเสียง กล่าวอย่างแย้มยิ้ม “ก็ใช่ คุณชายหลัวและคุณหนูหลัวนั้นเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน หากรูปลักษณ์ภายนอกจะทำให้พระชายาแยกไม่ออกไปชั่วครู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด!”

หลัวเสียงเป็นผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกับหลัวอวี่ก่วนที่เป็นผู้หญิงบอบบางขนาดนั้น หากไม่ใช่เพราะถูกผ้าห่มคลุมเอาไว้อยู่บนเตียง ก็คงไม่อาจทำให้คนเข้าใจผิดได้แน่

ชิ่งเฟยเบิกตาค้างอย่างตกตะลึง สีหน้านั้นประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดง ผ่านไปค่อนวันก็ยังไม่ได้พูดออกมาสักคำ

ตอนที่หลัวเสียงรู้สึกตัวขึ้นมา เพียงรู้สึกว่าศีรษะนั้นปวดจนแทบจะแยกออกจากกัน มีเสียงดังอยู่ในหัว ขณะที่ยังคงสะลึมสะลือ ก็ยังได้ยินเสียงผู้หญิงร้องดังบาดหู ก็ยิ่งทำให้รู้สึกยุ่งเหยิงไปอีก ราวกับหัวใกล้จะระเบิดออกก็มิปาน

เขาเอามือคลำศีรษะก่อนจะลุกนั่งขึ้น แทบจะไม่เข้าใจเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ เพียงแค่เห็นว่าในห้องนี้เบียดเสียดไปด้วยผู้คนมากมายก็เท่านั้น สิบกว่าสายตามองมาที่ร่างของเขาอย่างประหลาด

เมื่อก้มหัวดูกลับพบว่าตัวเองนั้นสวมเพียงเสื้อตัวในเท่านั้น เวลานี้จึงตาสว่างขึ้นมาอย่างทันที

“พระชายา!” เขารีบร้อนกระโดดลงจากเตียง คุกเข่าลงบนพื้นเพื่อคารวะชิ่งเฟย ในหัวนั้นย้อนคิดกลับไปอย่างรวดเร็ว…

เดิมทีเขาเดินอยู่ในสวนดอกไม้ กำลังคิดวิธีที่จะเข้าไปตีสนิทกับซูอี้ เพื่อที่จะหลอกออกมา หลังจากนั้น…

จากนั้นก็ดื่มชาที่มีสาวใช้คนหนึ่งรินให้ในศาลา ครู่ต่อมา…

สถานการณ์เช่นนี้ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว

หรือจะเป็นน้ำชานั่นที่มีปัญหา?

เมื่อเป็นเช่นนี้ เวลานี้เขาก็แทบจะไม่ต้องไปสนใจครุ่นคิดว่าแท้จริงแล้วเป็นแผนของผู้ใดกันแน่ ยามนี้เขาอยู่ในสภาพเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยต่อหน้าชิ่งเฟย หากราชวงศ์ต้องการไล่เอาความ เช่นนั้นก็คงจะต้องโดนโทษหมิ่นเกียรติเป็นแน่

ก่อนหน้านี้ซูอี้เข้ามาก็ไม่ได้คาดถึงว่าในห้องนี้จะมีคนอยู่ แต่ทว่าการสังเกตของเขากลับเฉียบคมกว่าพวกของชิ่งเฟย เป็นอย่างมาก เพียงแค่มองไปที่บนเตียงนั้นครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่าย่อมเป็นผู้ชายที่นอนอยู่

เวลานี้เขายิ่งยิ้มอย่างใจเย็น กล่าวกับชิ่งเฟย “เวลานี้ชิ่งเฟยคงไม่ได้คิดว่าข้ากับคุณหนูหลัวจะมีความสัมพันธ์อะไรกันบางอย่างอีกแล้วสินะ?”

แท้จริงแล้ว…หากคิดไตร่ตรองอย่างจริงจัง ทั้งสองฝ่ายนั้นพบกันในสวนดอกไม้ ทั้งยังพบกันที่นี่อีกตั้งสองครั้งสองครา ระหว่างเวลานี้เป็นเวลานานเท่าไรกัน? แม้ว่าคนที่อยู่ในห้องนี้จะไม่ใช่หลัวเสียงแต่เป็นหลัวอวี่ก่วน คนอื่นๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะตาบอด อย่างไรก็ควรต้องรู้ว่าเขาไม่อาจมีเวลาทำเรื่องอะไรเช่นนี้ออกมาหรอก

เพียงแค่หากมีชายหนุ่มและหญิงสาวอยู่ร่วมห้องกันในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ก็คงอาจจะถูกใช้ช่องว่างจากเรื่องนี้มาเล่นงานสนุกปาก

แต่ตอนนี้เมื่อเปลี่ยนเป็นหลัวเสียง…

สีหน้าของชิ่งเฟยนั้นแทบจะดูไม่ได้ บีบผ้าเช็ดหน้าในมือทั้งยังกัดฟันแน่น

หลัวเสียงเมื่อฟังก็ยิ่งไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงลอบเหลือบสายตากวาดมองไปเล็กน้อย เวลานี้จึงพบกับเซียงเฉ่าที่ล้มอยู่ที่พื้น

เขาใบหน้าดำคล้ำ กดเสียงต่ำกล่าวถาม “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”

“คุณ…คุณชายเจ้าขา!” เซียงเฉ่าพยายามตั้งสติ แต่ก็ยังคงกล่าวด้วยลิ้นพันกันอย่างรีบร้อน “คุณหนูหลัวอวี่ก่วนหายตัวไปเจ้าค่ะ!”

“อะไรนะ?” หลัวเสียงตกตะลึงไป อดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงสูง

แววตาของชิ่งเฟยประกายวาบ รีบคว้าโอกาสไว้ กล่าวเปลี่ยนเรื่องอย่างทันที “ในเมื่อที่นี่เกิดเพียงเรื่องเข้าใจผิดกัน เช่นนั้นก็แล้วไป แต่ว่าการหายตัวไปของคุณหนูหลัวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก คนแซ่เหยา เจ้า…”

“เจ้าค่ะ!” ฮูหยินใหญ่ไม่รั้งรอให้นางได้พูดจบก็รับคำทันที “กล่าวว่าคุณหนูหลัวหายตัวไป? อาจจะเป็นความเข้าใจผิดอีกก็ได้! วันนี้แขกที่เข้ามาในจวนก็มีมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ล้วนแต่มีผู้คน แล้วจะมีผู้ใดสามารถลักพาตัวคนไปได้ต่อหน้าต่อตาได้เล่า? คุณหนูหลัวอวี่ก่วนอาจจะเป็นอย่างคุณชายหลัวเสียงก็เป็นได้ ที่เมื่อรู้สึกเหน็ดเหนื่อยก็ปลีกตัวไปพักผ่อนในเรือนไหนสักเรือน!”

ชิ่งเฟยเพิ่งจะทำเรื่องน่าขันลงไป เวลานี้เพื่อที่จะสลัดตัวออกมา ก็ไม่อาจห้าวหาญได้อีก

ขณะที่ฮูหยินใหญ่พูดก็กล่าวกำชับกับหรูโม่ “กระจายคำสั่งลงไป ค้นหาให้ทุกเรือนอย่างละเอียด อย่าได้พูดกระโตกกระตากออกไปให้กระทบกับชื่อเสียงของคุณหนูหลัวอวี่ก่วน!”

————————————————

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท