สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 49.5

ตอนที่ 49.5

เมื่อฉู่อี้อันส่งฮ่องเต้กับชิ่งเฟยเสร็จแล้ว เขาก็กลับไปที่งานเลี้ยงดื่มเหล้ากับแขกต่อในงานเลี้ยง

เพราะว่าตอนที่ฮ่องเต้เดินออกมาตอนนั้นเขาบอกว่าจะกลับวัง คนอื่นเลยไม่ได้คิดอะไรมาก

ภายในงานเลี้ยงทั้งเจ้าภาพและแขกเหรื่อที่มาเยือนเองก็สนุกสนานครื้นเครง เก็บซ่อนข่าวที่เกิดขึ้นเอาไว้มิดชิด ถึงขนาดข่าวการตายของหลัวอวี่ก่วนก็ยังถูกลือแพร่สะพัดในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น

ภายในวังบูรพา ฉู่เยว่ซินถูกขังอยู่ในห้องพระ ด้วยความที่ตัวนางเองก็ไม่ค่อยมีตัวตนเท่าไร คนภายนอกเองก็ไม่มีใครพูดถึงนางสักคน

ส่วนทางจวนหลัวกั๋วกงได้แจ้งข่าวไว้ว่า หลัวเสียงพาวิญญาณของหลัวอวี่ก่วนกลับไปยังภูมิลำเนาแล้ว ซ้ำยังบอกอีกว่าจะอยู่ต่อที่บ้านชนบทเพื่อเฝ้าอารักขาดวงวิญญาณของท่านพ่อท่านแม่ที่เพิ่งเสียไป จากนั้นก็เริ่มไม่มีใครพูดถึงเขาอีก

แต่วันที่สองหลังจากพิธีกลับมาเยี่ยมญาติของฉู่เยว่หนิง กลับมีข่าวลือที่ไม่คาดคิดขึ้นว่า ชิ่งเฟยเดินเล่นกลางดึกจนพลาดพลั้งตกสระน้ำจนเสียชีวิต ช่างน่าสลดใจเสียจริง

พิธีศพของชิ่งเฟยไม่หวือหวามากนัก แต่เรื่องนี้ก็ผ่านไปไวมาก เมื่อถึงเวลาตอนที่จะฝังศพนาง เรื่องที่คนอื่นมักจะพูดคุยนินทากันยามว่างก็เปลี่ยนประเด็นเป็นเรื่องอื่นหมดแล้ว

วันที่นำร่างของชิ่งเฟยลงฝังอากาศดียิ่ง ท้องฟ้าสดใส ฟ้าโปร่งไร้เมฆ

ฉู่สวินหยางกับหลัวซืออวี่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างในห้องอุ่นเรือนมีสุข มองขบวนส่งศพของชิ่งเฟยเดินออกจากประตูเมือง นิ่งเงียบอยู่นานสุดท้ายหลัวซืออวี่ก็พูดขึ้นว่า “เรื่องครั้งนี้ข้าควรต้องขอบคุณท่านหญิงมากเลยเจ้าค่ะ หากไม่ได้ท่านหญิงคอยปกป้อง ดูท่าตอนนี้จวนหลัวกั๋วกงคงต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายที่น่ากลัวมากเป็นแน่”

ใครต่างก็ไม่คิดว่าหลัวอวี่ก่วนตั้งท้อง พอตอนนี้กลับมาคิดดูก็ยังรู้สึกหวาดกลัวเหลือเกิน

“ถึงรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของสกุลหลัวไว้ได้ แต่ชื่อเสียงของเจ้ากลับยิ่งตกต่ำ” ฉู่สวินหยางเม้มปาก ก้มศีรษะลงจิบชาหนึ่งคำ รอยยิ้มนั้นจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง “เจ้าพูดขอบคุณกับข้าแบบนี้ มันกลับทำให้ข้ารู้สึกละอายใจเหลือเกิน”

นางสองคนเป็นหญิงแห่งสกุลหลัวเหมือนกัน หลัวอวี่ก่วนมีจุดจบเยี่ยงนั้น ถึงแม้จะหลีกเลี่ยงกับภยันตรายอันน่ากลัวมากนั่นมาได้ แต่ชื่อเสียงของบุตรสาวแห่งสกุลหลัวกลับถูกดึงให้ตกต่ำตามไปด้วย

หลัวซืออวี่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขมขื่นออกมาอย่างอดไม่ได้ ทว่ารอยยิ้มนั้นไม่มีความเสียใจหรือแค้นเคืองเลย

นางเหลือบตามองฉู่สวินหยางที่ยืนอยู่ข้างกาย จ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจแล้วพูดขึ้นว่า “สุดท้ายแล้วไม่ว่าอย่างไร ครั้งนี้มันก็เป็นเพราะข้าใช้อารมณ์ตัดสินใจมากเกินไป เลยทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาเยอะแยะขนาดนี้ โทษใครไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”

เดิมทีเป็นเพราะนางกังวลชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของสกุลหลัวมากเกินไป เลยปล่อยละเลยทิ้งเรื่องนี้ไว้นาน ไม่ยอมเปิดเผยความลับอันโสมมของหลัวอวี่ก่วนเสียที สุดท้ายอ้อมไปอ้อมมา ก็เลือกเดินหมากที่น่ารังเกียจที่สุดไปอยู่ดี

หากรู้แต่แรกว่า…

แต่มาเสียดายตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว!

สิ่งเดียวที่น่าดีใจตอนนี้มีเพียงแค่ชิ่งเฟยทำเรื่องนั้นลงไปที่วังบูรพา เลยเป็นการบีบบังคับให้พวกฉู่สวินหยางช่วยพวกนางจัดการเรื่องนี้ให้จบไป

เมื่อเทียบกันแล้ว หลัวซืออวี่นั้นนับได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ใจกว้างและยังไม่หยิ่งยโสไม่ใจร้อน

ฉู่สวินหยางเลยรู้สึกประทับใจในตัวนางพอสมควร เมื่อเห็นขบวนตรงหน้าเดินจากออกไปจนลับสายตาแล้ว นางก็ยกมือปิดหน้าต่างลง ยิ้มแล้วพูดว่า “ในเมื่อเรื่องมันจบลงแล้ว งั้นเราก็จบเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้เถอะ ส่วนเรื่องของหลัวกั๋วกงกับฮูหยินกั๋วกงเรื่องนั้น…”

“ท่านวางใจเถิด ความจริงของเรื่องนี้มีเพียงข้ากับพี่รองรู้ คนในสกุลหลัวไม่มีทางมีใครรู้อีกแน่นอน” หลัวซืออวี่พูดแทรกโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ

เป็นแผนการที่ฮ่องเต้วางไว้ ความจริงแบบนี้หากยิ่งมีคนรู้น้อยมากเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัยขึ้น ไม่มีใครโง่หรอก

“งั้นก็ดี!” ฉู่สวินหยางยิ้มแล้วพูดเปลี่ยนประเด็น จากนั้นก็ดื่มชากินติ่มซำกับหลัวซืออวี่ พอตกบ่ายถึงแยกย้ายกัน

หลัวซืออวี่รีบกลับจวนเลยออกมาก่อน

ฉู่สวินหยางดื่มชาต่อ รอให้ห้องครัวทำติ่มซำที่นางสั่งเอาไว้เสร็จถึงค่อยลงมาแล้วกลับวังบูรพา

ในขณะเดียวกันนั้นเองฉู่อี้อันก็กลับมาแล้ว นางจึงรีบถือกล่องอาหารมุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือในเรือนซืออี้ทันที เมื่อเดินเข้าประตูมาก็เห็นว่าเจิงจีอยู่ด้วย เขากำลังดูแผนที่อะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะกับฉู่อี้อันอยู่

“กลับมาแล้วรึ?” ฉู่อี้อันเงยหน้าแล้วมองนางหนึ่งที

“เจ้าค่ะ!” ฉู่สวินหยางยิ้มสดใส “ท่านพ่อยุ่งอยู่หรือเจ้าคะ? หากท่านไม่มีเวลาไว้ข้าค่อยมาใหม่อีกครั้งแล้วกัน”

“ไม่ต้องหรอก เจ้ารอเพียงครู่ งานทางนี้ใกล้เสร็จแล้ว!” ฉู่อี้อันพูดโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า จากนั้นก็ใช้พู่กันวาดลงไปบนแผนที่แล้วชี้ให้เจิงจีดู “ตรงนี้…ตรงนี้…แล้วก็ตรงนี้…”

“ขอรับ ข้าน้อยจะระวังให้มากขึ้น!” เจิงจีรับฟังด้วยใบหน้าจริงจัง พยักหน้าตอบทุกครั้งบ่งบอกว่าตนจำได้แล้ว

“งั้นก็ตามนี้ก่อนแล้วกัน!” ฉู่อี้อันพูดแล้ววางพู่กันลง

“งั้นข้าน้อยขอตัวไปปรึกษากับท่านเก่อก่อนแล้วกันขอรับ หากได้ตำแหน่งที่ถูกต้องแม่นยำแล้วค่อยมาแจ้งให้องค์รัชทายาททราบอีกที” เจิงจีม้วนเก็บแผนที่แล้วหันไปยิ้มให้ฉู่สวินหยาง จากนั้นเดินออกไปโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูลง

“ข้าห่อติ่มซำจากโรงน้ำชามาให้เจ้าค่ะ เวลานี้ท่านพ่อยังอยู่ที่ห้องหนังสือ แสดงว่าลืมทานข้าวกลางวันอีกแล้วสินะเจ้าคะ!” ฉู่สวินหยางยิ้มแล้วพูดขึ้น จากนั้นเดินถือกล่องอาหารเข้าไปให้ แล้วหยิบจานติ่มซำด้านในออกมาวางบนโต๊ะตรงหน้าฉู่อี้อัน

ฉู่อี้อันมองรอยยิ้มเริงร่าของนาง เขายกมือลูบผมนางเบาๆ แล้วพูดพลางยิ้มว่า “ออกไปเถลไถลอีกแล้วล่ะสิ?”

“เปล่านะเจ้าคะ ข้าแค่ไปดื่มน้ำชากับแม่นางหลัวซืออวี่เฉยๆ” ฉู่สวินหยางตอบ เงียบไปสักพักแล้วก็พูดขึ้นว่า “ตอนนี้จุดยืนของหลัวกั๋งกงแน่วแน่มั่นคงมาก ดูท่าน่าจะแตะต้องไม่ได้ง่ายๆ”

“เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้” ฉู่อี้อันขานตอบพูดคุยกับฉุ่สวินหยางพลางกินติ่มซำเข้าไปสองคำ

ฉู่สวินหยางเดินอ้อมไปด้านหลัง แล้วช่วยนวดขมับให้เขาเพื่อคลายความเหยื่อยล้า สองพ่อลูกพูดคุยกันไปเรื่อยๆ

“พริบตาเดียวท่านพี่เขาก็ไปที่นั่นตั้งสองเดือนแล้วนะเจ้าคะ สงครามนั่นยังต้องสู้รบกันอีกครั้งงั้นหรือ?” เมื่อพวกเราคุยถึงฉู่ฉีเฟิง ฉู่สวินหยางเลยถือโอกาสถามขึ้น

ใบหน้าของฉู่อี้อันมืดมนลงไปอย่างไม่รู้ตัว เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดปลายนิ้วมือที่เลอะติ่มซำ จากนั้นถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “สงครามนั่นหากต้องการจะต่อสู้ให้มันจบสิ้น มันก็จบสิ้นได้ตั้งนานแล้ว”

มือของฉู่สวินหยางที่นวดอยู่หยุดลง นิ่งชะงักไปเหมือนกับว่าจู่ๆ ก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้น

“ความหมายของท่านพ่อคือ…”

“วันนี้ตอนที่ฮ่องเต้ว่าราชการ ซูอี้เอ่ยปากขอลงไปทางใต้ด้วยตนเอง” ฉู่อี้อันพูด “ฮ่องเต้อนุญาตแล้ว เวลาก็กำหนดแล้ว อย่างช้าที่สุดวันมะรืนก็จะเริ่มออกเดินทางกันแล้ว!”

ซูอี้ลงไปทางใต้งั้นรึ? จะให้เข้าไปเผชิญหน้ากับสกุลซูที่ทรยศนั่นรึ?

ดูท่าฮ่องเต้ยังไม่ยอมวางใจ เขาอยากจัดการซูอี้ให้สิ้นซากถึงจะยอมหยุดสินะ!

แววตาของฉู่สวินหยางเย็นชาขึ้น จู่ๆ ในใจก็รู้สึกโกรธขึ้นมา ในขณะที่นางกำลังจะพูด…

ทว่ากลับได้ยินฉู่อี้อันพูดต่อขึ้นมาว่า “ทางด้านสงครามที่แคว้นฉู่ทางนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เพราะฉะนั้นสองวันนี้พี่ของเจ้ากับฉู่ฉีเหยียนจะเดินทางจากค่ายทหารหมินเจียงไปยังแคว้นฉู่ทันที”

————————————————-

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท