“ลู่หยวน องค์รัชทายาทอยู่หรือไม่? ท่านหญิงออกจากจวนไปแล้ว!” น้ำเสียงของชิงเถิงทั้งกังวล ทั้งดูกระวนกระวายใจ
ลู่หยวนกลับไม่ได้พูดอันใด
ฉู่อี้อันที่อยู่ด้านในเมื่อได้ยิน หัวคิ้วก็จรดเข้าด้วยกันอย่างทันที
เหยียนหลิงจวินตกตะลึง ขมวดคิ้วขึ้นแผ่วเบา ตอนที่กำลังจะหยัดกายขึ้น ก็เห็นว่าฉู่อี้อันที่ยืนอยู่ด้านหน้ากลับยังคงข่มท่าทีเอาไว้ได้ จึงเอ่ยปากถามไป “หากไม่เร่งด่วน ข้าอยากขอตัวสักพัก อีกสักครู่ค่อยเข้ามาฟังคำสอนสั่งของท่านได้หรือไม่ขอรับ?”
มุมปากของฉู่อี้อันตึงแน่นจนเป็นเส้นเดียว จากนั้นกลับสูดลมหายใจเข้าลึก สะบัดชุดคลุมนั่งลงบนเก้าอี้มุมตรงข้ามกับเขา
เหยียนหลิงจวินแปลกใจเล็กน้อย…
ฉู่สวินหยางรีบร้อนออกจากจวนขนาดนี้ ย่อมต้องเพราะว่าได้ทราบเรื่องแล้ว จึงรีบตามไปที่แคว้นฉู่
ก่อนหน้านี้ฉู่อี้อันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่นางจะไป แต่ว่าเวลานี้…
เขากลับไม่ร้อนใจแล้ว?
นิสัยฉู่อี้อันผู้นี้ มองภายนอกนั้นเหมือนจะสามารถเข้าใจได้ดี แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฉู่สวินหยาง เหยียนหลิงจวินกลับมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่บ้าง
เหยียนหลิงจวินฝืนรวบรวมสติ ละความสนใจจากน้ำเสียงที่ร้อนใจของชิงเถิงด้านนอก กล่าวพลางมองไปที่ฉู่อี้อันด้วยท่าทีที่จริงจัง “เดิมทีควรจะเป็นข้าที่เป็นฝ่ายมาขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท แต่ว่า…”
เขาพูดอย่างเชื่องช้า กล่าวด้วยเป็นระเบียบไม่สับสน แต่ว่าที่เห็นได้ชัดคือทุกคำพูดที่เปล่งออกมาล้วนแต่ผ่านการกลั่นกรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว “ท่านหญิง นาง…”
“เจ้าสามารถให้อะไรนางได้บ้าง?” ฉู่อี้อันกลับไม่รอให้เขาได้พูดจบก็ถามออกมาโดยพลัน น้ำเสียงราบเรียบแต่ยังคงแฝงไปด้วยท่าทีข่มขู่ที่ไม่อาจยอมปล่อยไปง่ายๆ
เหยียนหลิงจวินไม่อาจตัดสินใจออกมาได้ในทันที ทั้งยังไม่คาดคิดว่าจู่ๆ เขาจะถามประโยคเช่นนี้ออกมาตรงๆ จึงอึ้งอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้ตัว
ฉู่อี้อันมองดูเขา
แม้ว่าในห้องนี้จะจุดโคมวังหลวง แต่แสงจากไฟเมื่อสาดมาในแววตาของเขาก็ยังคงดูลุ่มลึก สุดจะหยั่งถึง
“ซินเป่าเป็นลูกสาวของข้า สำหรับข้าแล้วนางมีความหมายเช่นไรเจ้าคงรู้ดี ในเมื่อเจ้ากล่าวว่ามีใจให้นาง เช่นนั้นก็นำความจริงใจพิสูจน์ออกมาให้ข้าเห็น สิ่งใดกันที่ทำให้เจ้ามีความมั่นใจ ทั้งยังปรารถนาในตัวลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของข้าเช่นนี้!” ฉู่อี้อันกล่าวพูดต่อไป ทั้งยังยิ่งเพิ่มน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรมากยิ่งขึ้นไปอีก
เหยียนหลินจวินไม่ได้คาดคิดมาก่อน ว่าพ่อตาจะกล่าวเปิดฉากออกมาอย่างเถรตรงและน่าตกใจเช่นนี้ จึงรีบสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ยปากอย่างนึกไม่ถึงอยู่บ้าง “ความหมายของท่านที่กล่าวนี้ ก็คือไม่ขัดความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของข้าและท่านหญิงแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?”
“อยากจะผูกสัมพันธ์กับเจ้าหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องของนาง แต่ข้าที่เป็นพ่อนั้นอยากจะรู้ว่า เจ้ามีความสามารถอันใดจึงกล้ามายืนอยู่ตรงหน้าข้า กล้ากล่าวร้องขอเช่นนี้กับข้า!” ฉู่อี้อันกล่าว ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขาม
ที่แฝงลึกอยู่ในจิตวิญญาณ
เขาไม่ก้าวก่ายความสัมพันธ์ของฉู่สวินหยางกับคนผู้นี้ นั่นก็เพราะสมยอมและให้สิทธิ์นาง แต่ในทางกลับกัน…
เขาสามารถไม่สอดมือยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนาง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะวางมือเรื่องการแต่งงานของนางไป
ดังนั้น ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการจะบอกตัวเองก็คือจุดนี้?
เหยียนหลิงจวินเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว ริมฝีปากนั้นร้อยเรียงเป็นรอยยิ้มออกมา ทว่าดวงตากลับดูจริงใจและหนักแน่น “เรื่องนี้คล้ายว่าจะไม่มีทางเลือกให้ในสิ่งที่ข้าร้องขอ ในเมื่อท่านกล่าวคำพูดเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้กับข้า เช่นนั้นข้าก็จะตั้งใจฟังด้วยความเคารพนับถือ ท่านมีสิ่งใดที่ต้องการจากข้า ได้โปรดพูดออกมาเถิดขอรับ ข้าจะพยายามอย่างถึงที่สุดทำให้ท่านสมปรารถนา ทำจนกว่าท่านจะพอใจ”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน
ฉู่อี้อันเพียงมองใบหน้าของเขาพลางกล่าว “ประโยคเดียว เจ้าสามารถให้อะไรนางได้?”
“ข้า?” เหยียนหลิงจวินครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแผ่วเบาออกมาอย่างจนใจ “ไม่ว่านางต้องการสิ่งใด ข้าก็ล้วนทุ่มเททำเพื่อนางอย่างสุดกำลัง”
ฉู่อี้อันฟังจบกลับไม่ปริปากพูดอันใด เขาหยัดกายยืนขึ้น เดินประสานมือไปอีกด้าน จึงค่อยเอ่ยปากขึ้นมา “มีจุดหนึ่งที่ข้าหวังอยากจะให้เจ้าได้เข้าใจ สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่แค่เพียงผู้หนึ่งที่ชมชอบนาง พร้อมติดตามนางไปทุกหนทุกแห่ง แต่เป็นคนหนึ่งที่สามารถยืนอยู่ข้างหลังนาง ให้ที่พึ่งพิงกับนางได้ ผู้ที่คอยบังลมหนาว คอยปกป้องนางจากฟ้าฝนได้ตลอดเวลา หากนางเพียงต้องการผู้ช่วยและสนับสนุน ไม่ว่านางจะต้องการเท่าใดข้าล้วนจัดการให้นางได้ทั้งสิ้น และไม่ใช่ว่าไม่มีเจ้าไม่ได้ ในเมื่อเจ้าอยากอยู่ข้างกายนาง ครอบครองตำแหน่งที่พิเศษที่สุดนั้น เจ้าก็ควรต้องมีความสามารถมากกว่าผู้อื่น จะต้องไม่มีหรือไม่ทำเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อนาง มิเช่นนั้น…เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์อันใดที่จะมายืนอยู่ตรงหน้าข้า และไม่อาจที่จะมาสนทนาเปิดเผยจริงใจกับข้าเช่นนี้ได้”
ฉู่สวินหยางมีนิสัยที่โดดเด่นกว่าผู้อื่นทั้งยังแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นเป็นอย่างมาก จุดนี้หากเป็นลูกสาวคนอื่น คนเป็นพ่อย่อมต้องรู้สึกสบายใจอย่างแน่นอน แต่ว่าฉู่สวินหยางนั้น…
เด็กคนนี้มีความคิดเป็นของตัวเองจนเกินไป จึงกลับทำให้เขายิ่งเป็นกังวลใจ
และผ่านมานานขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเหยียนหลิงจวินนั้นคุ้นชินกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฉู่สวินหยางที่ปรับเข้ากันได้ ทั้งหมดนี้ขอแค่เพียงนางดีใจก็พอแล้ว แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ได้คิดจะไปรบกวนนางหรือควบคุมนางแต่อย่างใด
แต่ที่ชัดเจนคือ ฉู่อี้อันไม่พอใจกับเรื่องนี้
เหยียนหลิงจวินก็ยิ่งคาดเดาใจเขาไม่ถูก
สำหรับการเป็นพ่อคนหนึ่ง ฉู่อี้อันเองก็ตามใจลูกสาวเกินไปอยู่บ้าง หากจะพูดตามเหตุผลทั่วไป เขาก็ควรยิ่งต้องการคนที่ทำได้ดีกว่าเขาในเรื่องนี้จึงจะถูก
ทว่าเขากลับทำสิ่งที่ตรงกันข้าม อยากจะหาคนหนึ่งที่สามารถควบคุมและมีอิทธิพลต่อลูกสาวเขาได้?
“หลายปีมานี้ องค์รัชทายาทก็เป็นคนหนึ่งที่ทำเช่นนี้กับนางมาตลอดไม่ใช่หรือขอรับ?” หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน เหยียนหลิงจวินจึงหยั่งเชิงกล่าว
ฉู่อี้อันกลับไม่สนใจคำพูดของเขา เพียงแต่พูดว่า “ข้าเป็นเพียงพ่อของนาง สามารถอบรมได้ เลี้ยงดูนางได้ กลับมิอาจทำได้จนชั่วชีวิตของนาง”
“แต่ในใจของนางกลับไม่ได้เป็นเช่นนี้!” เหยียนหลิงจวินกล่าว มองไปยังแผ่นหลังของเขาด้วยความสับสนเล็กน้อย “ในใจของนาง ท่านและคังจวิ้นอ๋องล้วนแต่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจแทนที่ได้ขอรับ”
“เช่นนั้นแล้วอย่างไรล่ะ? เจ้าจึงคิดว่าข้าและฉู่ฉีเฟิงเป็นอุปสรรคสำหรับเจ้าอย่างนั้นรึ?” ฉู่อี้อันกล่าวถามอย่างจี้จุดย้อนกลับไป
เหยียนหลิงจวินกะพริบตาลง ท่าทีนั้นแฝงด้วยความอึดอัดอยู่เล็กน้อย ท้ายที่สุดก็เพียงแค่กล่าวอย่างมีความนัย “ท่านเป็นพ่อของซินเป่า นางเคารพท่าน ให้ความสำคัญกับท่านก็เป็นเรื่องที่พึงควรแล้ว”
แต่เพราะว่าอย่างนี้ ตำแหน่งของเขาในใจนางนั้นก็เป็นได้แค่ที่สามอยู่ร่ำไป สถานการณ์เช่นนี้ จะคิดอย่างไรก็ล้วนทำให้รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
เหยียนหลิงจวินกลับไม่ได้ปิดบังความรู้สึกที่ซับซ้อนเช่นนี้ของตัวเองมากจนเกินไป
ฉู่อี้อันเหลือบสายตามองไปด้านข้าง ใช้แววตานั้นจ้องมองท่าทีของเขาที่แสดงออกมา ในดวงตาจู่ๆ ก็ปรากฏความซับซ้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้นเขาก็ลังเลด้วยความสับสนอยู่สักพัก
จากนั้นไม่นานก็ค่อยสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง พลางกล่าว “หากวันหนึ่งเจ้ามีความสามารถเข้าแทนที่ตำแหน่งของข้าในใจนางได้ เช่นนั้นก็นับว่าเป็นความสามารถของเจ้า!”
เหยียนหลิงจวินเวลานี้ได้ยินเขาถอนหายใจอย่างใจเย็น ก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยความตกตะลึง
อารมณ์ของฉู่อี้อันกลับสงบลงมาแล้ว เขาบิดกายกลับมามองอีกฝ่าย ก่อนกล่าว “พูดเช่นนี้ดีกว่า หากนางไม่ใช่ลูกสาวของข้า เจ้าจะยังต้องการนางอย่างเช่นทุกวันนี้อยู่หรือไม่?”
———————————————