สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 54.3 ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต! (3)

บทที่ 54.3 ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิต! (3)

“ข้าทราบแล้ว!” เหยียนหลิงจวินกล่าว ยกฝีเท้าเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว พลางกล่าว “เฉี่ยนลวี่และเจี๋ยหงก็ตามไปด้วยใช่หรือไม่?”

“เจ้าค่ะ!” ชิงเถิงกล่าว เดินรวดเร็วจนแทบจะกลายเป็นการวิ่งจึงค่อยสามารถตามเขาได้ทัน “แต่ว่าท่านหญิงไปด้วยดูรีบร้อนอย่างมาก ไม่ได้นำอะไรติดไปด้วยเลยเจ้าค่ะ!”

“อืม เจ้ากลับไปก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะไปตามนางเอง!” เหยียนหลิงจวินกล่าว ฝีเท้าก็เร็วขึ้นไปด้วย

ชิงเถิงเมื่อคิดว่าถ้าตนตามไปกับเขาก็ไม่แน่ว่าจะช่วยอะไรได้ แม้ว่าใจจะร้อนเป็นไฟ แต่ก็ยังคงฟังคำพูดของเขา พลิกเท้าหมุนกายกลับไปยังเรือนจิ่นฮว่า

เมื่อเหยียนหลิงจวินออกไปแล้ว ลู่หยวนก็เคาะเปิดประตูห้องอ่านหนังสือ กล่าวกับฉู่อี้อัน “ฝ่าบาท ท่านหญิงทราบร่องรอยของคังจวิ้นอ๋องแล้ว คงจะเร่งตามไปแคว้นฉู่ทั้งวันทั้งคืนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ต้องการให้กระหม่อม…”

“ให้จูหยวนซานนำคนตามไปสักหน่อยเถิด!” ฉู่อี้อันกล่าวอย่างราบเรียบตัดบทเขา

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะกระจายคำสั่งลงไป”

ลู่หยวนปิดประตูเดินออกไป ส่วนฉู่อี้อันยังคงนั่งเงียบๆ อยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือสักพัก จากนั้นก็ค่อยลุกยืนขึ้น เปิดประตูใหญ่ของห้องลับที่ไม่ได้เปิดเป็นเวลานาน ก่อนจะเดินเข้าไป

เพื่อที่จะรวบรวมคลังหนังสือต่างๆ พวกนั้นของเหลียงซีเอาไว้ ห้องลับนี้จึงผ่านการออกแบบอย่างเป็นพิเศษ แม้ว่าจะไม่มีแสงจากด้านนอกสอดส่องเข้ามา แต่การระบายอากาศก็ยังคงยอดเยี่ยม

เขาก้าวเท้ายาวลงไป ขมวดคิ้วมุ่นเดินกลับไปกลับมาอยู่ท่ามกลางชั้นวางหนังสือพวกนั้นที่ตั้งเรียงรายอยู่ กลับไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตนเองต้องการที่จะทำอะไร

ฉู่สวินหยางอยู่ข้างกายเขา ก็มักจะมีอันตรายเสมอ

แท้จริงแล้วในตอนที่เขานึกถึงเหยียนหลิงจวิน ก็มีความคิดเช่นนี้ปรากฏออกมาอย่างเลือนรางอยู่ตลอด หรือว่า…

ให้นางออกไปจากสถานที่เช่นนี้ให้ไกล จึงจะนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด

หลายสิบปีมานี้เขาให้ฐานันดรศักดิ์ที่มีเกียรติอย่างถึงที่สุดให้แก่นาง แต่ในขณะเดียวกันก็แขวนใบมีดไว้ที่ตัวของนางด้วยเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่อย่างไรก็ไม่อาจหลงเหลือตัวตนเช่นนี้ของฉู่สวินหยางเอาไว้ได้ แต่หากจะพูดอย่างนั้น แม้ว่ามีวันหนึ่งที่ฮ่องเต้สวรรคต วันที่ทั้งใต้หล้านี้ตกลงมาอยู่ในมือเขา…

หากความลับนี้เผยแพร่ออกไป เช่นนั้นเรื่องที่ตามมาก็คงจะก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำที่ไม่ว่าใครก็มิอาจคาดการณ์ได้

ฉู่สวินหยางที่มีนิสัยหยิ่งยโสเช่นนั้น แม้เขาจะสามารถปิดปากคนทั้งใต้หล้าได้ แต่ว่า…

ช่องว่างความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเด็กคนนั้นท้ายที่สุดก็คงยากที่จะเติมเต็ม

จากนิสัยของฉู่สวินหยาง บางทีนางอาจไม่ถึงกับคิดเคียดแค้นที่ราชวงศ์ก่อนถูกทำลายจึงพาลโกรธตนเอง

แต่อย่างไร…

เขาก็ยังเป็นผู้ที่สังหารมารดาของนาง

แม้ว่านางไม่อาจทอดทิ้งตนเอง แต่ในตอนที่เผชิญหน้ากันอีกครั้ง ภาระหนักอึ้งทั้งหมดก็จะมีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่ต้องเป็นผู้แบกรับไว้

ฉู่อี้อันเดินไป ท้ายที่สุดยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหน้ากลไกลับนั้น ยกมือเคลื่อนกลไก ด้านในก็ปรากฏกล่องที่บรรจุจดหมายเอาไว้

ใบหน้าของเขาแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น ไล้นิ้วมือไปบนนั้นด้วยความอ่อนโยนราวกับกำลังสัมผัสใบหน้าของหญิงสาวอันเป็นที่รัก

“หานซิน ตั้งแต่แรกข้าก็เป็นคนที่ผิดแล้วใช่หรือไม่? หรือว่า…ข้าไม่ควรที่จะนำซินเป่ามาไว้ข้างกายตั้งแต่แรก” น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยอารมณ์อย่างลึกซึ้ง ทั้งยังถอนหายใจขัดแย้งด้วยความสับสน

การตัดสินใจที่นำฉู่สวินหยางมาไว้ข้างกาย แม้ว่าจะเป็นปณิธานของเขาที่เกิดขึ้นชั่วครู่ แต่ก็ยอมรับว่า…

มีแต่จะต้องอยู่ข้างกายเขาที่เป็นดั่งที่ที่อันตรายที่สุดเท่านั้น ถึงจะปลอดภัยที่สุดสำหรับฉู่สวินหยาง

เรื่ององค์หญิงใหญ่จินหวงที่กำเนิดลูกก่อนที่สงครามจะเกิดเพียงวันเดียวนั้นไม่ใช่ความลับ หากไม่ใช่ว่าฉู่สวินหยางถูกเขานำตัวไปเป็นลูกสาวในนาม ภายใต้การสืบสาวเอาความจากฮ่องเต้ก็คงยากที่จะรับประกันว่าจะไม่พบเบาะแสอันใด

แต่ตอนนี้ ก็เพราะว่าตอนแรกเขาคิดปกป้องอย่างรอบคอบ จึงกลับกลายเป็นภาระหนักอึ้งที่แบกอยู่บนหลังของลูกสาว

ยามนี้หากจะพูดว่าปล่อยให้ฉู่สวินหยางห่างจากกายไป เขาก็ทำใจไม่ได้ แต่ในทางตรงกันข้าม…

ให้นางออกห่างจากเรื่องพวกนี้ ปลดปล่อยตัวเองจากสถานการณ์ลำบากออกไปก็นับว่าเป็นเรื่องดีเช่นกัน

ฉู่สวินหยางได้ฟังเรื่องราวทางนั้นอย่างละเอียดจากเจี๋ยหง ก็สั่งให้คนไปเตรียมม้าออกจากเมืองโดยแทบไม่ต้องคิดทันที

คนผู้นั้นวางแผนใช้วิธีเช่นนี้กับนางอย่างสุดกำลัง ก็เพื่อสกัดกั้นการกลับเมืองหลวงของเหยียนหลิงจวิน? ทั้งยังสนับสนุนฉู่ฉีเฟิงรุดหน้าไปแคว้นฉู่?

นอกจากสาเหตุเช่นนี้แล้ว นางก็นึกเหตุผลอย่างอื่นไม่ออกแล้ว และหากเป็นเช่นนี้จริงๆ…

สถานการณ์ของฉู่ฉีเฟิงก็นับว่าอันตรายแล้ว

“ท่านหญิง รอก่อนเจ้าค่ะ!” เจี๋ยหงและเฉี่ยนลวี่ เดิมทีทั้งสองคนคิดที่จะขัดขวางนาง แต่กลับไม่อาจห้ามนางได้ จึงทำได้เพียงตามมาอย่างไร้ทางเลือก บัดนี้ก็ตามอยู่ด้านหลังอย่างร้อนใจ

หลังจากเพิ่งป่วยหนัก ฉู่สวินหยางมักรู้สึกว่าในหัวรู้สึกโล่งอยู่บ้าง แต่ว่าความคิดนี้กลับทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า…

นางต้องรีบตามไปที่แคว้นฉู่อย่างทันที ยิ่งล่าช้ามากเท่าใดฉู่ฉีเฟิงก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

นางไปอย่างเร่งร้อน ทั้งยังนั่งบนม้าศึกที่รูปร่างองอาจหาได้ยากยิ่ง พริบตาเดียวก็ทิ้งระยะห่างกับเฉี่ยนลวี่และเจี๋ยหง

อย่างทันที

เพราะว่าใจล้วนแต่พะวงอยู่ที่เรื่องอื่น เวลานี้นางกลับไม่ทันได้สนใจว่า หลังจากที่นางออกจากจวนก็มีเงาหนึ่งปรากฏขึ้นระหว่างบ้านเรือนรวดเร็วราวกับภูตผี เอาแต่ติดตามนางอย่างไม่ลดละ

คนผู้นี้ไล่ตามด้วยความรวดเร็ว ในตอนที่ฉู่สวินหยางใช้แรงอย่างสุดกำลัง นางไล่ตามไปไม่กี่ถนน ท้ายที่สุดก็อยู่ใกล้ๆ ซุ้มประตูห่างจากประตูทางทิศตะวันออกประมาณสองลี้จึงค่อยถอนหายใจออกมา ก่อนจะกระโดดม้วนตัวในอากาศขวางทางฉู่สวินหยางไว้

เงาดำนี้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ฉู่สวินหยางไม่ทันได้คาดคิดมาก่อนก็รีบดึงบังเหียนไว้อย่างทันที แม้จะทำเช่นนี้แต่ก็แทบจะชนกับร่างของนางอยู่ดี

ม้าศึกร้องขึ้นอย่างเสียงดัง นางหยัดกายตรง ท้ายที่สุดก็ควบคุมม้าด้วยบังเหียน ขณะเดียวกันก็พลิกกายลงพื้นอย่างจำใจ

ในตอนที่กระโดดลงจากหลังม้า ฉู่สวินหยางก็หยิบแส้อ่อนในกระเป๋าออกมาเตรียมพร้อม พลางกล่าว “เจ้าเป็นใคร?”

ในตอนที่ผู้นั้นร่วงลงบนพื้นได้หันหลังให้นาง เวลานี้จึงค่อยหมุนกายกลับมา

นางใช้ผ้าสีดำอำพรางใบหน้า เพียงปรากฏให้เห็นแต่ดวงตาคู่หนึ่งที่เย็นชาอย่างถึงที่สุด เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนออกมา “ท่านกลับไปตอนนี้จะดีกว่า ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่ท่านควรจะออกจากเมือง!”

ฉู่สวินหยางตกตะลึงเพราะคำพูดนี้ของนาง

แม้ว่าน้ำเสียงจะทุ้มลึกและราบเรียบ แต่เมื่อฟังดีๆ ก็ยังคงสามารถแยกออกว่า จริงๆแล้วเป็นน้ำเสียงของผู้หญิง

ฉู่สวินหยางตัดสินใจออกจากเมืองเป็นเรื่องที่กะทันหัน อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าจะมีคนล่วงรู้ความตั้งใจของนาง ทั้งยังพยายามจะขัดขวางนางไว้

ที่สำคัญที่สุด…

คนผู้นี้ นางก็ไม่ได้รู้จักแต่อย่างใด

ฉู่สวินหยางคิดดูแล้วก็สนใจ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เจ้ารู้จักข้า?”

คนผู้นั้นไม่ตอบ

ฉู่สวินหยางจึงคิดเสียว่านางยอมรับโดยปริยาย กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้ารู้ว่าข้าจะทำอะไรงั้นรึ?”

“กลับไปเถิด!” หญิงผู้นั้นกล่าว น้ำเสียงยังคงเย็นเยียบทั้งยังไม่สามารถแยกแยะอารมณ์อื่นออกมาได้ “นั่นไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องเข้าไปเกี่ยว!”

————————————————–

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท