สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 55.3 การต่อสู้อันดุเดือดบนท้องถนน ฉู่ซินอี๋ (3)

บทที่ 55.3 การต่อสู้อันดุเดือดบนท้องถนน ฉู่ซินอี๋ (3)

“ไฉนเจ้าถึง…” คนผู้นั้นคิดจะพูดออกมาแต่พิษได้กำเริบขึ้นเสียก่อน ทำได้เพียงแค่กระอักเลือดสีดำออกมาเท่านั้น แล้วล้มลงบนพื้นกระตุกไม่หยุด

ฉู่สวินหยางและคนอื่นๆ ไม่ได้พูดอันใด มีเพียงสายตาที่จ้องเขม็งไปยังร่างของผู้ที่สวมเสื้อคลุมสีเทา

แม้กระทั่งทหารเทพปรากฏกายขึ้น คนชุดดำผู้นั้นได้แต่จ้องเขม็งไปที่เขาด้วยสายตาระแวดระวัง

ซื่อหรงพิงอยู่บนร่างของเขา และฟื้นฟูกำลังของตนอย่างรวดเร็ว นิ้วมือกลับกดทับถูกบาดแผนที่เลือดไหลออกมาบริเวณหน้าอกของเขาที่สั่นสะท้านเบาๆ

คิ้วของฉู่สวินหยางขมวดแน่น มองคนผู้นั้นอยู่เนิ่นนาน ในใจสับสนวุ่นวายยิ่งนัก สุดท้ายยังคงเดาไม่ออกว่าคนผู้นี้เป็นใคร

นางเดินเข้าไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว “ท่านก็คือ…”

นางพูดยังไม่ทันจบ ซื่อหรงฝืนร่างกายด้วยกำลังที่ฟื้นคืนมาบางส่วน มือหนึ่งจับแขนของคนผู้นั้นไว้ และกระโดดข้ามกำแพงไป

องครักษ์ลับเหล่านั้นหมดพิษสงไปนานแล้ว ซูอี้รีบหันมามองแล้วกล่าวว่า “ข้าตามไปดู”

ผู้พูดไม่ได้รอให้ผู้อื่นรับคำก็ตามซื่อหรงไปตามทิศทางที่นางจากไป

การต่อสู้ดุเดือดอย่างเอาเป็นเอาตาย จบลงอย่างไร้สุ้มเสียงเช่นนี้เอง

องครักษ์ทั้งแปดคนของฉู่สวินหยางมีบางคนได้รับบาดเจ็บ ยังดีที่ไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต คนทั้งหมดไม่รอรับคำสั่งแต่รีบทำความสะอาดสถานที่และแยกย้าย

แม้ในใจของฉู่สวินหยางจะคิดถึงคนผู้นั้น ยามนี้ไม่มีเวลาที่จะใส่ใจเรื่องนี้ นางรีบรวบรวมสติแล้วหันกายกลับมาเดินเข้าไปหาคนชุดดำที่อยู่ในเงามืดนั้น

เหยียนหลิงจวินไม่ได้ตามไป และไม่ได้หลบเลี่ยงเพียงแต่ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน

ฉู่สวินหยางเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าคนผู้นั้นด้วยฝีเท้าที่มั่นคง ถอนหายใจแผ่วเบาและกล่าวว่า “เจ้าลงจากเขามาครั้งนี้ก็เพราะเรื่องของท่านพี่ใช่หรือไม่? บัดนี้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆ ไม่ควรมา เรื่องราวทั้งหมดข้าและท่านพ่อแก้ไขได้”

แม้นางกับคนแซ่ฟางจะไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันนัก แต่อย่างไรก็ขึ้นชื่อว่าเป็นมารดาและบุตรี รูปร่างลักษณะของคนแซ่ฟางนั้นนางยังพอจะจดจำและแยกแยะได้

คนแซ่ฟางเดิมจะอาศัยช่วงเวลาชุลมุนหลบออกไป แต่กลับถูกคนเสื้อคลุมสีเทานั้นดึงเอาไว้ ทำให้ขาดสติไปครู่ เมื่อรอจนกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีฉู่สวินหยางได้เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าแล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่สวินหยาง ดวงตาของนางปรากฏประกายวาววับอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าเพียงครู่เดียวก็ถูกสายลมเย็นพัดผ่านกลายเป็นน้ำแข็งไป มองไม่เห็นร่องรอย…

ฉู่สวินหยางรู้ว่าเป็นนาง กลับไม่มีทีท่าประหลาดใจแม้แต่น้อย?

แม้กระทั่งเรื่องที่นางเร่งเดินทางลงจากเขาทั้งคืนยังถูกนางมองทะลุปรุโปร่ง แต่…

คนแซ่ฟางครุ่นคิด แววตาของนางก็ยิ่งลุ่มลึก…

เป็นฉู่ฉีเฟิงที่หงายไพ่ตายนี้ให้กับนางรู้ใช่หรือไม่? แม่นางผู้นี้ มีความสำคัญในจิตใจของเขาเพียงใดจึงได้รับความไว้วางใจจากเขาอย่างหมดใจเช่นนี้ การรู้เรื่องนี้ ทำให้จิตใจของนางไม่สงบขึ้นหลายส่วน

แววตาของคนแซ่ฟางวูบไหว กลับเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกสูญเสียการควบคุมตัวตนต่อหน้าฉู่สวินหยาง

เพื่อเป็นการกลบเกลื่อนสีหน้าและอารมณ์ นางค่อยเดินไปด้านข้างสองก้าว แล้วจึงพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ ว่า “เมื่อสักครู่สองคนนั้นเป็นใครกัน?”

ฉู่สวินหยางเผชิญหน้าอยู่ด้านข้างของนาง แต่สีหน้าไม่เปลี่ยนเพียงยิ้มบางๆ “ข้ากำลังจะถามท่านแม่เช่นกันว่าพวกเขาเป็นใครกัน? ทำไมท่านต้องลงมือกับหญิงสาวผู้นั้น?”

คนแซ่ฟางต้องการสังหารซื่อหรง มีเพียงเหตุผลเดียวที่แสดงออกอย่างชัดเจน…

ฉู่สวินหยางให้ข่าวกับนาง หากว่าเรื่องนี้รู้ไปถึงฮ่องเต้ วังบูรพาทั้งวังก็ต้องได้รับเคราะห์ไปด้วย

แต่เมื่อฉู่สวินหยางถามขึ้นลอยๆ เช่นนี้ นางเองก็ยากที่จะตอบได้ จึงได้แต่หายใจลึกๆ ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวว่า “ข้าเพียงแต่บังเอิญมาพบเข้า เรื่องนี้เจ้าจัดการประมาทเกินไป”

“เป็นคนเหล่านั้นที่บีบคั้นกันมากเกินไป ข้าถูกพวกเขากระตุ้นจนเป็นเช่นนี้” ฉู่สวินหยางกล่าว

แต่ไหนแต่ไรนางกับคนแซ่ฟางก็ไม่ได้สนิทกันมากถึงขั้นที่จะหยอกล้อกันได้ ความสัมพันธ์ของพวกนางยังสู้คนแปลกหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ

คนแซ่ฟางเม้มปากแล้วลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อยพูดอีกว่า “ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าต้องไปก่อนแล้ว”

“อืม” ฉู่สวินหยางไม่ได้รั้งนางเอาไว้ เห็นนางหันกาย จึงถามขึ้นราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้อย่างกะทันหัน “ท่านแม่จะกลับไปเยี่ยมท่านพ่อหรือไม่?”

“ไม่แล้ว” คนแซ่ฟางกล่าว และไม่ได้อธิบายอันใดเพิ่มเติม หันกายแล้วหายไปท่ามกลางความมืด

ฉู่สวินหยางมองส่งนาง ยืนอยู่ในมุมมืดไม่ขยับเนิ่นนาน

เหล่าองครักษ์ทำความสะอาดร่องรอยการต่อสู้และแยกย้ายกันไปด้วยตนเอง

เหยียนหลิงจวินจึงเดินเข้ามาจากด้านหลัง ยกมือขึ้นกดลงบนหัวไหล่ของนาง จากนั้นค่อยๆ โอบแขนรั้งตัวแล้วใช้มือโอบหัวไหล่ของนางเอาไว้ เกยคางบนลาดไหล่ของนาง พูดเสียงเบาว่า “มืดค่ำเช่นนี้ เวลานี้ยังออกนอกเมืองอีกหรือไม่?”

เวลานี้เข้าสู่เดือนเจ็ดแล้ว กลางคืนนั้นยิ่งมืดมิด ในตรอกแห่งนี้ค่อนข้างมืด การอยู่เช่นนี้ทำให้รู้สึกถึงความแน่นแฟ้นมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

ฉู่สวินหยางหลุบตาลงต่ำมองแขนของชายหนุ่มที่โอบล้อมหัวไหล่ของนางเอาไว้ แล้วถามขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าจะไม่ถามข้าเลยสักนิดหรือว่าคนมากมายที่ปรากฏกายเมื่อครู่นี้เป็นใคร?”

เหยียนหลิงจวินฝังใบหน้าลงที่ริมหูของนาง เมื่อได้ยินแล้วจึงหัวเราะเบาๆ ออกมา “เจ้าเองก็ไม่รู้ไม่ใช่หรือ?”

พูดแล้วเขาก็ปล่อยตัวนาง จัดปกคอเสื้อแทนนาง “อีกประเดี๋ยวรอซูอี้กลับมาไม่แน่ว่าอาจจะได้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องของอุโมงค์ก็ได้”

ฉู่สวินหยางเม้มริมฝีปาก มองริมฝีปากของเขาที่โค้งขึ้นเป็นเส้น แววตาทั้งคู่เปลี่ยนเป็นซับซ้อนจนยากจะแยกแยะ

เกิดเรื่องน่าสงสัยขึ้นมากมายเช่นนี้ คงไม่มีใครที่จะไม่สงสัยอันใดเลย อีกทั้งแต่ละก้าวอันตรายยิ่งนัก หากกระทำโดยขาดความรอบคอบ แม้กระทั่งชีวิตของคนในครอบครัวก็ตกอยู่ในอันตราย

เวลานี้ ภายในใจของเหยียนหลิงจวินไม่มีทางที่จะไม่มีข้อกังขา

แต่เขากลับปิดปากสนิทไม่เอ่ยถาม

เขาเชื่อใจนางถึงเพียงนี้? หรือว่าเพียงเพื่อให้นางมีความเคารพนับถืออย่างที่นางควรจะมี?

“เหยียนหลิง” ในใจของฉู่สวินหยางพลันร้อนรุ่มขึ้นมา จึงก้าวขึ้นไปหนึ่งก้าวยื่นมือไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ฝังใบหน้าลงบนหัวไหล่และพูดอย่างเอาแต่ใจเล็กน้อยว่า “ข้าจะไปแคว้นฉู่”

“หึ…” กิริยาของเหยียนหลิงจวินคือยกมือขึ้นโอบกายนางอย่างเป็นธรรมชาติ ถูกท่าทางราวกับเด็กน้อยของนางทำให้รู้สึกโล่งสบายไปทั้งตัว ถามยิ้มๆ ว่า “เจ้าไม่รอข่าวทางนี้จากซูอี้แล้วหรือไร?”

“ข่าวทางนี้รอกลับมาค่อยฟังก็เหมือนกัน” ฉู่สวินหยางกล่าว

——————————————————-

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท