สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 60.4 องค์รัชทายาทช่างร้ายกาจ! (4)

บทที่ 60.4 องค์รัชทายาทช่างร้ายกาจ! (4)

ดังนั้นเมืองฉู่แห่งนี้เป็นเพียงเหยื่อล่อเท่านั้น เพราะฉู่ฉีเฟิงและฉู่ฉีเหยียนคือจุดประสงค์สุดท้ายของแผนการอีกฝ่าย

เดือนเก้าปีที่แล้ว หลังจากที่เกิดการเปลี่ยนแปลงกับกองทัพหนานฮวา ตำแหน่งแม่ทัพของหรงเสี่ยนหยางก็ถูกฉาง

ซือหมิงมาแทนที่ ทั้งยังผลัดเปลี่ยนคนขององค์รัชทายาทหนานฮวาเข้ามาดูแลแทรกแซง

อีกฝ่ายต้องการชักนำฉู่ฉีเฟิงและฉู่ฉีเหยียนมาเมืองฉู่ อีกทั้งต้องการจะฉวยโอกาสลงมือกับทั้งสองคน จุดนี้ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญแน่ ย่อมต้องเป็นการวางแผนที่คิดกันมาอย่างยาวนาน

เดิมทีหากไม่ใช่ว่าฉู่ฉีเหยียนลงมือลอบสังหารหลัวอี้อย่างกะทันหัน จึงไปกระตุ้นโรคขี้ระแวงของฮ่องเต้ขึ้น ปล้นตำแหน่งแม่ทัพมาจากฮั่วกัง ยึดตามแผนของฉู่อี้อันในเวลานั้น ก็คงจะส่งตัวฉู่ฉีเฟิงมารับหน้าที่แทนฮั่วกังที่เมืองฉู่เป็นแน่

ยังดีที่เรื่องไม่คาดคิดครั้งนี้ กลับเป็นรุ่ยชินอ๋องที่ถูกเลือกให้มาที่เมืองฉู่ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงจำต้องลงมือกับรุ่ยชินอ๋อง เพื่อดึงให้ฉู่ฉีเฟิงและฉู่ฉีเหยียนมาถึงที่นี่

การวางแผนที่ล้ำลึกเช่นนี้ ทำให้คนยากที่จะคาดการณ์ได้

ผู้คนทั้งหมดต่างล้วนคิดว่าจุดประสงค์ของคนหนานฮวาก็คือยึดครองเมืองฉู่ หากไม่ใช่ว่าคิดกังวลมากไป จนทำให้

ฉู่สวินหยางเอาแต่พะวงกับเรื่องของฉู่ฉีเฟิง ก็เกรงว่าคงจะไม่พบเจอกับจุดนี้ได้ง่ายๆ

ฉู่ฉีเหยียนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยินเช่นนี้ พลันเกิดความหวาดหวั่น ใจสั่นสะท้านอย่างไม่หยุด มองไปทางองค์รัชทายาทหนานฮวาที่อยู่ในอาภรณ์หรูหราอย่างยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง

แผนการลับที่ดำเนินมาจนถึงเวลานี้ถูกคนวิเคราะห์ออกมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน องค์รัชทายาทแคว้นหนานฮวาที่คิดว่าตนได้ควบคุมแผนการครั้งนี้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว เผยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีนัก

เขาหดรูม่านตาเข้าเล็กน้อย กลับไม่ปริปากพูดยอมรับอันใด เพียงแต่กล่าวด้วยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นออกมา

“ท่านปล่อยตัวแม่ทัพฉางซะ เรื่องของสงครามที่นี่ไม่ใช่เรื่องที่หญิงสาวอย่างท่านควรจะมายุ่งเกี่ยว มีเรื่องอะไรก็จงทิ้งไว้ให้ทั้งสองทัพตรงหน้านี้จัดการเสียเถิด ท่านอย่าได้ประเมินสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้สูงเกินไป หากลองมองดูรอบๆ ตัว ท่านคิดว่าข้าจนปัญญา จะยอมเพียงให้ท่านข่มขู่อย่างนั้นรึ?”

“ไม่ใช่เสียหน่อย!” ฉู่สวินหยางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “แรกเริ่มข้าก็ไม่ได้คิดว่าจะสามารถข่มขู่ท่านได้ เพราะตั้งแต่เริ่มนั้นสิ่งที่ข้ากำไว้ยังไม่ใช่จุดอ่อนของท่าน”

องค์รัชทายาทหนานฮวาขมวดคิ้วขึ้นอย่างเลือนราง ในตอนที่คิดจะเตรียมการรับมือ กลับพบว่าฉู่สวินหยางละสายตา หันไปมองทางฉางซือหมิง ก่อนจะกล่าวอย่างเสียดสี “วันนี้ไม่นับว่าข้าได้แทรกแซง ท่านก็รู้ดีว่าฉางซือหมิงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้กับซื่อจื่อหนานเหอได้ เมื่อรู้แก่ใจเช่นนี้แล้ว เหตุใดท่านยังกล้าปล่อยเขามา กระทั่งถึงขนาดที่ส่งเสริมให้เขามารับหน้ากับศัตรูเช่นนี้? องค์รัชทายาท โปรดอภัยให้ข้าที่เป็นคนขี้ใจอ่อนด้วย ท่านประสงค์ทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่?”

ฉางซือหมิงเมื่อได้ยินเช่นนั้น พลันมีแสงวาบผ่านในหัว นึกถึงเรื่องก่อนหน้าที่ฉู่สวินหยางถ่ายทอดคำพูดเป็นนัยให้กับทหารของเขาขึ้นมาอย่างทันที หัวใจจึงเย็นวาบไปชั่วขณะ ก่อนจะบิดหน้าหันไปมองทางนายของตนอย่างยากที่จะเชื่อ

ชายหนุ่มผู้นั้นเผยใบหน้าเรียบนิ่ง ความเยือกเย็นนั้นยังแฝงมาด้วยอาการหยิ่งผยองที่ไม่แยแสผู้ใด ในท่าทีนั้นไม่แสดงให้เห็นถึงความร้อนใจแม้แต่น้อย กลับปรากฏเพียงความมืดมนที่ยิ่งทำให้ฉางซือหมิงหวาดผวาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“องค์ชาย…” คล้ายกับว่าจะมาจากสัญชาตญาณ เขาจึงหลุดปากออกไปอย่างไม่รู้ตัว

อย่างไรก็ตามคำพูดนั้นยังไม่ทันจะได้ถามออกมา ชายหนุ่มคนนั้นก็ประกายสายตาหันมามองก่อน “เด็กสาวผู้นี้ตั้งแต่แรกก็เต็มไปด้วยคำพูดโป้ปด เห็นได้ชัดว่านางกำลังยั่วยุให้หมางใจกัน คำกล่าวลอยๆ เช่นนี้เจ้าก็เชื่อลงรึ?”

ฉู่สวินหยางกล่าวว่าองค์รัชทายาทหนานฮวาต้องการที่จะยืมดาบเพื่อฆ่าคน!

แม้ฉางซือหมิงจะคิดว่าข้อสรุปเช่นนี้ไม่น่าเชื่อ แต่หลังจากที่เกิดความแคลงใจขึ้นแล้ว แม้นอีกฝ่ายจะเป็นผู้ที่เขาศรัทธาหรือจงรักภักดีมาหลายปี ก็เกิดรอยร้าวขึ้นมาได้เช่นกัน

องค์รัชทายาทหนานฮวาปรากฏท่าทีเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่กล่าวแล้วมองไปยังฉู่สวินหยาง “แม่ทัพฉางเป็นผู้ดูแลควบคุมกองทัพของหนานฮวา หากท่านกล้าลงมือกับเขาแม้แต่น้อย เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาก็คงจะเป็นสิ่งที่ท่านไม่อาจรับไหวแน่นอน!”

ระหว่างที่พูด เขาก็เริ่มรู้สึกว่าจะเจรจากับเด็กคนนี้ต่อไปก็เปล่าประโยชน์ จึงเลิกคิ้วหันไปมองฉู่ฉีเหยียนที่อยู่ตรงข้ามแทน “ซื่อจื่อ แม่ทัพที่อยู่หน้ากระบวนทัพทั้งสอง ณ ที่แห่งนี้คือท่านต่างหาก เรื่องราวของที่นี่ในวันนี้จะจัดการอย่างไร ตัวท่านออกมาพูดกับข้าจะดีเสียดีกว่า!”

ฉู่ฉีเหยียนกวาดสายตาผ่านใบหน้าเขาไป ทั้งยังแฝงด้วยความดุดันอย่างไม่ปิดบัง คล้อยหลังค่อยหยุดสายตาลงมาที่ฉู่สวินหยาง

ริมฝีปากของเขากลับร้อยเรียงเป็นรอยยิ้มขึ้นอย่างไม่ถูกเวลานัก กล่าวเสียงเย็นราวกับเรื่องไม่เกี่ยวกับตน “ต้องขออภัยด้วย หน้ากระบวนทัพทั้งสองนี้ก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน เรื่องของฉู่สวินหยาง อย่างไรซื่อจื่อก็ไม่อาจตัดสินแทนนางได้ ในเมื่อนางต้องการจะเจรจากับองค์รัชทายาทให้ได้ เช่นนั้นก็เชิญพวกท่านจัดการกันเองดีกว่า!”

ตัวของฉู่ฉีเหยียนเองก็เป็นคนที่มีใจเด็ดเดี่ยวทั้งยังแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ยังอยู่หน้ากระบวนทัพของทั้งสองฝ่าย เขากลับเลือกที่จะพูดทำลายชื่อเสียงของตนเองออกมาเช่นนี้?

องค์รัชทายาทหนานฮวาไม่ได้คาดคิดมาก่อน ริมฝีปากนั้นกระตุกสั่นอยู่เลือนราง ชั่วขณะก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ไม่รู้จะแสดงท่าทีที่เหมาะสมออกมาอย่างไร

“ดูเหมือนว่า…ท่านกำลังอาศัยอำนาจส่วนรวมมาแก้แค้นส่วนตัว ไม่ต้องการชีวิตของท่านหญิงสวินหยางแล้วสินะ” เขาหวนท่าทีเยือกเย็นกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกล่าวเรียบนิ่งออกไป

“ที่ไหนกัน!” ฉู่ฉีเหยียนก็ไม่น้อยหน้า ฉู่สวินหยางที่ยกจุดนั้นขึ้นมาพูด เวลานี้เขาจะมีอะไรไม่เข้าใจอีก จึงกล่าวอย่างเหน็บแนมออกไป “แม้ซื่อจื่อและฉู่สวินหยางจะมีความขัดแย้งกัน แต่การใช้อุบายซ่อนเงื่อนเช่นนี้กลับไม่ใช่ทางแม้แต่น้อย เทียบกับองค์รัชทายาทแล้วยังนับว่าสู้ไม่ได้จริงๆ แต่จะว่าไปก็ใช่ เพียงแค่ฉางซือหมิงตาย กองทัพหนานฮวาก็ขาดหางเสือ ย่อมต้องเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นท่านที่เป็นรัชทายาทของราชวงศ์ แม้ว่าจะยังไม่มีราชโองการของฮ่องเต้ออกมา แต่ในสถานการณ์พิเศษ หากรับตำแหน่งดูแลอำนางทางการทหารแทนเขาก็นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล”

ฉางซือหมิงใบหน้าขาวโพลน ในแววตาของรัชทายาทยิ่งปะทุความโมโหขึ้นมา

ฉู่สวินหยางที่เห็นเช่นนั้น ก็ยิ่งยิ้มชื่มชมอย่างไม่มีอะไรต้องกังวล “ในเมืองฉู่มีคนของท่านอยู่ หลังจากที่ได้ควบคุมอำนาจทางทหารแล้วจะใช้แผนการลับใดใดตามใจชอบก็ย่อมได้ ไม่เพียงแค่เมืองฉู่ แต่แม้ซื่อจื่อหนานเหอหรือพี่รองของข้าก็ล้วนจะตกอยู่ในมือของท่าน ชัยชนะของศึกสงครามที่อยู่ด้านหน้า หลังจากที่กลับราชสำนักไป เกรงว่าฮ่องเต้หนานฮวาเพื่อเห็นแก่หน้าท่านแล้ว ก็คงมิอาจยึดอำนาจทางทหารในมือของท่านส่วนนี้กลับไป ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสามตัว? องค์รัชทายาทแท้จริงแล้วคิดแผนการอย่างไร้เทียบเทียม น่านับถือเสียจริง”

นางและฉู่ฉีเหยียนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ร่วมมือกันอย่างรู้งาน ฟังจนถึงสุดท้าย ใบหน้าขององค์รัชทายาทก็ดำทะมึน ทว่าฉางซือหมิงกลับหน้าดำหน้าแดง นิ้วมือบีบเข้าหากันดังกรอดๆ

เมื่อเห็นฉางซือหมิงถลาเข้าไปหาองค์รัชทายาทหนานฮวาอย่างบ้าคลั่ง ฉู่สวินหยางก็แสดงใบหน้าเบ่งบานราวกับดอกถานฮวาในยามรัตติกาล กระตุกรอยยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคลายหอกยาวในมือ กระโดดเล็กน้อยเพื่อลอยตัวขึ้นไปในอากาศ

————————————————-

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท