สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – ตอนที่ 24.5

ตอนที่ 24.5

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 24.5 สถานการณ์พลิกผัน ถือโอกาสแสดงน้ำใจ (5)
บทที่ 24 สถานการณ์พลิกผัน ถือโอกาสแสดงน้ำใจ (5)
โดย
Ink Stone_Romance
ณ คุกศาลาว่าการพระนคร

ตอนที่ฮั่วชิงเอ๋อร์เดินออกมาจากห้องขังที่มืดมน นางรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอีกใบ ช่วงหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้นางแค่ถูกขังไว้เท่านั้น ทั้งนักโทษและผู้คุมนักโทษก็ยังพอเกรงใจนางเพราะท่านพ่อ และท่านแม่ก็พาคนมาส่งอาหารทั้งสามมื้อด้วยตนเอง นอกจากสถานที่น่าเกลียดและสกปรกจนยากที่จะทนได้แล้ว นางกลับไม่ได้รู้สึกลำบากสักเท่าไร

แต่ว่า…

ออกมาจากคุกในเวลานี้ นางกลับไม่ได้รู้สึกสบายใจเช่นกัน

นางเงยหน้าขึ้นมองรถม้าคันหนึ่งที่จอดอยู่ไกลๆ อย่างงุนงง

มองเพียงแวบเดียวก็จำได้ว่านั่นไม่ใช่รถม้าของจวนแม่ทัพอย่างพวกเขา แต่เป็นรถม้าของฉู่สวินหยางแห่งวังบูรพา

เจี๋ยหงกระโดดลงมาจากเพลารถและเปิดประตูรถม้า

ฉู่สวินหยางลงจากรถแล้วเดินเข้ามาหานาง

ฮั่วชิงเอ๋อร์ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางความมืด นางอยู่ในสภาพนั้นมาหนึ่งวันหนึ่งคืน แม้เสื้อผ้าที่สวมใส่จะดูสะอาดเหมือนใหม่ แต่ก็มีกลิ่นเหม็นติดตัวบ้าง

พอเห็นฉู่สวินหยางก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางเม้มปากแล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง พลางเอ่ยอย่างลังเลว่า “ข้า…”

“ไม่เป็นไรแล้ว ตระกูลหลัวหาตัวเพื่อนที่ดื่มเหล้าด้วยกันกับหลัวส่วงเมื่อวานเจอแล้ว และพิสูจน์แล้วว่าเขาเมาแล้วนอนที่เรือนมีสุขจริง” ฉู่สวินหยางอธิบายอย่างรวบรัด

ฮั่วชิงเอ๋อร์อึ้งไปและหันไปมองนางอย่างเหลือเชื่อในทันใด ทว่าสีหน้าแทนที่จะบอกว่าประหลาดใจ สู้บอกว่าตื่นตระหนกดีกว่า

ฉู่สวินหยางเห็นสีหน้าของนางกลับไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่นิดเดียว เพียงหันไปมองรถม้าที่แล่นเข้ามาจากที่ไกล เอ่ยว่า “พลาดไปหนึ่งครั้งก็ฉลาดขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง[1] ขังเจ้าในคุกนี้หนึ่งวัน เจ้าน่าจะคิดได้แล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญ แต่ทำให้แม่ทัพฮั่วกับฮูหยินฮั่วอกสั่นขวัญแขวนไปทั้งวัน…เจ้า…”

ฉู่สวินหยางพูดไปน้ำเสียงก็ยิ่งคล้ายจนใจว่า “เจ้าก็น่าจะได้บทเรียนแล้ว กลับไปปลอบใจฮูหยินฮั่วให้ดีเถอะ!”

ฮั่วชิงเอ๋อร์กัดริมฝีปากมองนางนิ่ง น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า แต่สีหน้ากลับยุ่งยากใจอย่างบอกไม่ถูก

ระหว่างที่คุยนั้นฮูหยินฮั่วลงมาจากรถม้าแล้ว นางวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และคว้าฮั่วชิงเอ๋อร์เข้าสู่อ้อมกอดอย่างดีใจจนน้ำตาไหล “เจ้านี่ ทำให้แม่ตกใจแทบตาย!”

นางร้องอย่างเศร้าเสียใจและกอดเต็มแรงจนฮั่วชิงเอ๋อร์รู้สึกเจ็บตัว

ในที่สุดนางก็น้ำตาไหลเอ่อล้นเช่นกัน นางกอดตอบฮูหยินฮั่วและเอ่ยเรียก “ท่านแม่…”

————————————-

ฉู่สวินหยางมองตามหลังฮูหยินฮั่วและฮั่วชิงเอ๋อร์จากไปแล้วถึงจะหันไปขึ้นรถม้า

เฉี่ยนลวี่มองรถม้าของตระกูลฮั่วจากไปไกลด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ พลางขมวดคิ้วแน่น พูดว่า “ท่านหญิงรอจนถึงวันนี้ถึงจะลงมือ เพราะรู้ตั้งแต่แรกว่าแม่นางฮั่ว…”

“หลัวส่วงไม่ได้เสพยาผงอู่สือส่านจริงสักหน่อย” ฉู่สวินหยางยิ้มมุมปาก ถึงแม้จะจบเรื่องแล้ว แต่สีหน้านางกลับไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย “ถึงแม้ช่วงสองสามปีนี้ชิงเอ๋อร์จะไม่ได้อยู่เมืองหลวง แต่ก่อนหน้านี้นางก็เข้าร่วมงานเลี้ยงราชสำนักและงานเลี้ยงต่างๆ ไม่น้อย ต่อให้เส้นใหญ่แค่ไหนจะไม่รู้จักหลัวส่วงคนเก่งที่ทุกคนต่างรู้ดีได้อย่างไร? และ…”

ฉู่สวินหยางพูดไปก็ชะงักไปชั่วครู่ แล้วถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม “ข้อแก้ต่างของนางตอนนั้นละเอียดรัดกุมเกินไป ถึงจะแสร้งทำเป็นลนลานก็ตาม อย่างไรก็ไม่เหมือนนิสัยนาง”

เพราะหลัวฮองเฮาคอยกดดันและฮูหยินรองหลัวก็ย่ามใจปล่อยข่าวลือออกไปข้างนอก ช่วงนี้ฮั่วกังจึงกดดันไม่น้อย เมื่อก่อนเขามีความดีความชอบในการรบที่โดดเด่น แต่พอตอนนี้ตกที่นั่งลำบากก็มีทหารมากมายที่เคยโดนเขาปราบปรามกระแนะกระแหนซ้ำเติม

น่าจะเพราะหลัวส่วงร่วมมือกับคนอื่นวางแผนจะทำลายชื่อเสียงของฮั่วชิงเอ๋อร์ แล้วฮั่วชิงเอ๋อร์นึกโกรธแค้นแทนพ่อของตนเองที่ไม่ได้รับความยุติธรรมพอดี นางจึงตั้งใจจะให้บทเรียนกับคนตระกูลหลัวอย่างถึงที่สุดให้ได้ เพียงแต่ในเวลาเดียวกับที่ระบายความแค้นส่วนตัวนั้น นางกลับไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะพัวพันไปถึงคนอื่นมากขนาดนี้ จนเกือบทำให้ตนเองเดือดร้อนไปด้วย

ฉู่สวินหยางไม่คิดจะตำหนิอะไรนางในเรื่องนี้ เพราะถ้าเอาใจเขามาใส่ใจเรา นางเองก็ต้องรู้สึกเกลียดชังเช่นกัน หากอยู่ดีๆ พ่อของตนเองที่เคยยืนอยู่เหนือผู้คนตกต่ำถึงขั้นตกระกำลำบากแบบนี้ เพียงแต่ถึงอย่างไรฮั่วชิงเอ๋อร์ยังอ่อนต่อโลก และไม่เข้าใจถึงความอันตรายและน่ากลัวของการเมืองภายในราชสำนักนี้ จึงมักจะคิดว่าเรื่องเล็กน้อยจะลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่โตได้

เมื่อวานหลังจากเกิดเรื่องขึ้น ฉู่สวินหยางไม่ได้เคลื่อนไหวทันที ก็เพราะอยากให้นางได้บทเรียนจากเรื่องนี้เช่นกัน

“ถึงอย่างไรเรื่องก็จบแล้ว ก็ไม่ต้องไปพูดถึงแล้ว กลับเถอะ!” ฉู่สวินหยางละทิ้งความคิดที่ตีกันสับสนวุ่นวาย พลางสะบัดหน้าขึ้นรถม้าไป

—————————————————-

เช้าวันรุ่งขึ้น ผลการตัดสินคดีนี้ของฮั่วชิงเอ๋อร์ก็ส่งมอบให้กรมอาญา ทว่าเป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้น

มีคนเมาแล้วเจตนาอาละวาด และมีคนพลั้งมือฆ่าคน

ในสังคมที่คนเก่งกาจเปรียบเสมือนดาวดวงใหม่ที่เจิดจรัส ยังไม่ทันได้ลอยขึ้นสู่ฟ้าก็ตกลงสู่ละอองฝุ่นเสียก่อน มักทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกเศร้าเสียใจ

ทว่าถึงจะเป็นเพียงความเข้าใจผิด ข่าวคราวก็แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

เพียงแต่จวนหลัวกั๋วกงปล่อยข่าวออกมาว่าแม่นางโม่มารดาของหลัวส่วงตรอมใจ เพราะสูญเสียลูกชายที่รักจนทนไม่ไหว กลางคืนนั้นจึงผูกคอฆ่าตัวตายตามลูกชายไปแล้ว

แน่นอนว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงของนาง…

มีเพียงคนของจวนหลัวกั๋วกงที่ทราบเท่านั้น

“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?” ฮูหยินรองหลัวผิดหวังและตบโต๊ะอย่างโมโห “เจ้าหลัวส่วงนั่นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? ถึงได้กล้าไปแตะของสกปรกแบบนั้น? ถ้ารู้ว่าเขาทำอะไรไม่ยั้งคิดแบบนี้ตั้งแต่แรก พวกเราก็ไม่ต้องเปลืองแรงจัดการไปมากขนาดนั้นแล้ว อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จอยู่แล้วเชียว!”

หลัวเสียงยิ่งหน้าดำคร่ำเครียด เขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาดื่มชา

หลัวอวี่ก่วนกำผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือแน่น นางพยายามรักษาสีหน้าสงบเยือกเย็นไว้อย่างสุดความสามารถ กลัวว่าจะเผยพิรุธจนโดนจับได้ ใจหนึ่งนึกเกลียดชัง อีกใจหนึ่งความหนาวเหน็บยิ่งแผ่ซ่านในใจอย่างเบาบาง

หลัวส่วงถูกพวกเขาสองพี่น้องหลอกว่าเพียงแค่ช่วยพวกเขาแก้แค้นทำลายชื่อเสียงของฮั่วชิงเอ๋อร์ พวกเขาก็จะช่วยเขาแย่งตำแหน่งซื่อจื่อมา ถึงอย่างไรหลัวส่วงก็ภาพลักษณ์ดีอยู่แล้ว แม้จะเกิดเรื่องขึ้น ถึงเวลานั้นก็แค่บอกไปว่าเขาเมาแล้วนอนในห้องนั้น และไม่รู้ว่าฮั่วชิงเอ๋อร์เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างใน เท่านี้ก็ไม่มีใครหาข้ออ้างมาหักล้างได้แล้ว

ต่อมามีคนตายก็ถือว่าส้มหล่น แต่คาดไม่ถึงว่า…

ของที่ฉู่สวินหยางให้นางวางไว้ในห้องของหลัวส่วงจะเป็นของแบบนั้น

หลัวเหว่ยรีบปิดข่าวทันทีเพื่อไม่ให้ติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังตกรางวัลก้อนโตตอบแทนขุนนางศาลาว่าการพระนครที่ช่วยปิดบังเรื่องนี้ ทำให้พวกเขาไม่ต้องรับเคราะห์ไปด้วย

ฉู่สวินหยาง!

ทั้งหมดเป็นเพราะนังเด็กบ้านั่น!

ถึงแม้จะพยายามอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่หลัวอวี่ก่วนก็เหมือนจะควบคุมไม่อยู่จนใบหน้าเหยเกไปบ้าง

ฮูหยินรองหลัวตบโต๊ะอย่างฉุนเฉียวไม่พอใจ “พวกเจ้าก็พูดอะไรบ้างสิ จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี?”

หลัวอวี่ก่วนตกใจ ทันใดนั้นพลันฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน จึงมองนางอย่างลุ่มลึกและเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านบอกว่าจะไปขอบคุณท่านหญิงสวินหยางถึงวังไม่ใช่หรือ? ไปวันนี้เลยหรือไม่?”

————————————-

[1] พลาดไปหนึ่งครั้งก็ฉลาดขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง ตรงกับสำนวนไทยว่า ผิดเป็นครู

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท