สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2 – บทที่ 65.3 โหดร้าย (3)

บทที่ 65.3 โหดร้าย (3)

ฉู่สวินหยางวางฝาถ้วยน้ำชาลง หยิบตะเกียงที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาไขไส้ตะเกียง แล้วจึงวางตะเกียงกลับไปที่เดิม ก่อนจะเดินไปดูฉู่ฉีเฟิงเขียนจดหมาย

ทางแคว้นฉู่ได้เกิดเรื่องราวที่ไม่สามารถปิดเป็นความลับได้อีกต่อไป ทั้งสองพี่น้องต่างไม่ได้เตรียมการให้เรื่องนี้กลายเป็นความลับ

ฉู่ฉีเฟิงไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต เพียงแต่รายงานสถานการณ์และเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ตามความเป็นจริง

แน่นอนว่า เรื่องราวทั้งหมดที่ฉู่ซิ่นได้ก่อขึ้นล้วนถูกโยนให้พ่อบ้านสวีเหลียงทั้งหมด

ฉู่สวินหยางดูเขาเขียนจดหมาย สายตาได้แต่จับจ้องปลายพู่กันอย่างใจลอยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ความคิดล่องลอยไปไกลไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่

หลังจากฉู่ฉีเฟิงวางพู่กันลงแล้วจึงมองนางครั้งหนึ่ง ลังเลใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะแอบถอนใจในใจครั้งหนึ่งอย่างอดใจไม่ได้ แล้วกล่าวว่า  ท่านพ่อส่งหย่วนซานนำคนมาแล้ว จากการเดินทางแล้วคาดว่าน่าจะถึงที่นี่วันนี้เวลาบ่าย เรื่องเมื่อวานเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีใครเห็นชัดเจนว่าผู้ที่กระโดดลงไปพร้อมกับเจ้าเป็นผู้ใด ข้าได้กระพือข่าวออกไปทั่วแล้วว่าเป็นหย่วนซานที่ตามเจ้าไป ระยะนี้ข้าจะให้เขาเก็บตัวสักระยะ สำหรับ… 

เขาพูดแล้วหยุดชะงักครู่หนึ่ง สีหน้านั้นก้ำกึ่งระหว่างความหนักใจและหงุดหงิดรำคาญใจ แล้วเคลื่อนย้ายสายตาจากใบหน้าของฉู่สวินหยาง เอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า  ข้าได้สั่งปิดข่าวที่เกี่ยวกับเขาแล้ว แคว้นฉู่นี้คนที่รู้จักเขามีไม่มาก หากจะบอกว่ามีผู้คาดเดาได้มีเพียงคนเดียวคือฉู่ฉีเหยียน แต่เรื่องนั้นไม่กระทบกับประโยชน์ของเขา เขาย่อมไม่เปิดโปง… ทุกอย่างนั้นรอให้เรื่องราวคลี่คลายแล้วค่อยพูดกันเถิด 

เมื่อก่อน เขาแทบจะไม่ยินยอมให้ชื่อของเหยียนหลิงจวินหลุดออกมาจากปากของตน แม้แต่ในเวลานี้… ยิ่งไม่อยากเอ่ยชื่อนี้ออกมาต่อหน้าฉู่สวินหยาง

ฉู่สวินหยางกลับมาแล้วไม่เอ่ยอันใด แสดงว่ายังไม่มีข่าวคราว

เจี๋ยหงได้รับบาดเจ็บ กำลังรักษาตัวอยู่ในแคว้นฉู่ อิ้งจื่อและเฉี่ยนลวี่พาคนสองร้อยคนออกค้นหาทั่วทั้งหน้าผา ตามหาไปตามแนวแม่น้ำพานหลง

ในเวลานี้ ยังคง ‘ไม่มีข่าวคราวก็คือข่าวดี’ คำพูดโกหกตัวเองเช่นนี้เขาเองรู้สึกว่าไม่อยากเอ่ยกับฉู่สวินหยาง

สาวน้อยผู้นี้ ฉลาดเฉลียวและมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งเกินไป

นางไม่ชอบและไม่ต้องการให้ผู้อื่นพูดโกหกหลอกลวงเพื่อปลอบโยนนาง

ฉู่สวินหยางฟังเขาพูดตลอดเวลา

เมื่อฉู่ฉีเฟิงเอ่ยปากพูดนั้นเขาต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะเกรงว่าจะกระทบความรู้สึกในใจของนาง

แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ท่าทางของฉู่สวินหยางนั้นนิ่งสงบ ไม่ใช่กริยาท่าทาง แม้แต่ความรู้สึกทางแววตาก็ไม่ปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย

กระทั่งฉู่ฉีเฟิงพูดจบ นางจึงค่อยๆ เอ่ยปาก น้ำเสียงราบเรียบสนิท  ตัวปลอมที่อยู่ในเมืองของแคว้นฉู่ ข้าสั่งให้เจี่ยงลิ่วพาตัวกลับไปพร้อมกัน 

 อืม เมื่อสักครู่เขาได้บอกกับข้าแล้ว  ฉู่ฉีเฟิงพยักหน้า คิ้วขมวดแน่น แววตาท่าทางเปลี่ยนเป็นหนักใจ  นี่เป็นการยั่วยุอย่างเปิดเผย เจ้ากำลังสงสัยฉู่อี้เจี่ยนใช่หรือไม่? 

 ไม่รู้  ฉู่สวินหยางตอบ ทว่ากลับพูดตามตรงว่า  ข้าเองบอกไม่ได้ว่าทำไมมักจะรู้สึกว่าเรื่องราวดำเนินมาถึงที่นี่ยังไม่จบสิ้น มักจะรู้สึกว่าในเรื่องราวเหล่านี้ยังมีบางจุดที่ยังไม่ชัดเจนแต่บอกไม่ได้ ท่านพี่ให้คนไปสืบค้นที่จวนรุ่ยชินอ๋องอีกครั้งเถิด ดูว่ายังพบอะไรอีกหรือไม่? 

ฉู่ซิ่นนั้นซ่อนตัวได้ลึกลับอย่างยิ่ง ส่วนฉู่อี้เจี่ยน…

สำหรับนางและฉู่ฉีเฟิงแล้วนั้น เมื่อครั้งยังเยาว์เคยมีบุญคุณช่วยชีวิต

ในระยะหลายปีมานี้ ระหว่างฉู่สวินหยางและฉู่อี้เจี่ยนนั้นก็มีการไปมาหาสู่ ยามนี้เมื่อย้อนคิดขึ้นมาก็ไม่ได้มีอะไรน่าสงสัย

แต่กลับเกิดเรื่องราวเช่นนี้…

ต่อให้เป็นทหารทั้งหมดก็ดี จวนรุ่ยชินอ๋องทั้งจวนก็จำเป็นต้องทำการป้องกันแล้ว

 เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ข้าได้ส่งคนไปแล้ว  ฉู่ฉีเฟิงกล่าว มองใบหน้าซีดขาวของนางที่ยังคงสดใส ในใจเกิดความรู้สึกซับซ้อนระคนปวดใจอย่างประหลาด จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า  ไม่ได้นอนทั้งคืน เจ้ากลับไปนอนพักก่อนหากมีเรื่องอะไรหลังพักผ่อนแล้วค่อยว่ากัน 

 ข้าไม่เป็นไร  ฉู่สวินหยางกล่าว ใบหน้าแข็งค้างราวกับจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจากรอยยิ้มของนาง

ดวงตาของนางทอประกายสว่างไสว มองฉู่ฉีเฟิงครั้งหนึ่ง รอยยิ้มในแววตาของนางกลับซ่อนไว้ลึกยิ่ง ทำให้ผู้ที่มองเห็นรู้สึกหัวใจบีบรัด รับรู้ได้ถึงความรู้สึกในอารมณ์อันเข้มข้นนั้น

 สวินหยาง…  คิ้วของฉู่ฉีเฟิงขมวดแน่นขึ้นอย่างทนไม่ได้

เขาและฉู่สวินหยางนั้นเติบโตมาด้วยกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นความประหลาดใจบนสีหน้าของนาง แล้วยิ้มราวกับเป็นนางมารร้าย

จากนั้นในนาทีถัดมาจึงเห็นมุมปากของนางโค้งขึ้น น้ำเสียงพูดอย่างเรียบเรื่อยทว่าชัดเจน  กองทหารหนานฮวายังเป็นองค์รัชทายาทผู้นั้นเป็นผู้ดูแลหรือไม่? อีกประเดี๋ยวท่านพี่ให้คนส่งเทียบเชิญไปแทนข้า ข้าอยากพบเขา 

 เจ้า…  ฉู่ฉีเฟิงมองนางด้วยสายตาลุ่มลึก

เขารู้อยู่แล้วว่าท่าทีสงบนิ่งทั้งคืนของนางนั้นคือการปิดบัง แม้จะไม่ชอบเหยียนหลิงจวิน และไม่ชมชอบที่จะเห็นฉู่สวินหยางปวดใจเพราะเขา แต่ในเวลานี้…

เขาคาดหวังอยากให้นางเหมือนหญิงสาวทั่วไปที่ร้องห่มร้องไห้ แล้วระบายอารมณ์ต่างๆ ในใจออกมา

มิใช่อดทนและอดกลั้นเช่นนี้…

 สวินหยาง…  ฉู่ฉีเฟิงยืนขึ้น เดินอ้อมโต๊ะมา

เขายกมือขึ้น เดิมทีตั้งใจจะโอบหล่นางแล้วกอดนางเข้าสู่อ้อมอกของตนเพื่อกล่าวปลอบโยนสักสองประโยค

แต่เมื่อเห็นริมฝีปากของนางปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่นั้น กลับรู้สึกปวดใจอย่างประหลาด มือที่กำลังจะยื่นออกไปนั้นได้แต่ออกแรงกำไว้แน่น กำเอาไว้ในแขนเสื้อ

 เรื่องนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าอย่ากดดันตนเองมากเกินไป  หายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง ฉู่ฉีเฟิงกล่าว

 อืม  ฉู่สวินหยางไม่ตอบรับใดๆ กลับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ฉู่ฉีเฟิงมองเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา…

ได้แต่รู้สึกขมขื่นในใจยิ่งนัก

ด้วยเหตุที่เขารู้แก่ใจดีว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่ได้ฟังคำพูดของเขาเลย

แม้คิดจะปลอบใจนาง แต่ในเมื่อนางแสดงท่าทีปฏิเสธออกมาเช่นนี้แล้ว…

 เรื่องการศึกท่านไปปรึกษากับฉู่ฉีเหยียนเถิด ข้าไม่สนใจ  ฉู่สวินหยางกล่าว น้ำเสียงเบาโหวง ไม่เดือดไม่ร้อน

ระหว่างนางกับคนหนานฮวานั้นถือเป็นความแค้นส่วนตัว

ให้ตัดสินกันบนสนามรบที่ต่อสู้กันอย่างเปิดเผยเช่นนั้นหรือ? ไม่เป็นการเอาเปรียบอีกฝ่ายเกินไปหรอกหรือไร?

เป็นพี่น้องกันมาสิบกว่าปี เป็นเงาตามตัวกันมากว่าสิบปี ฉู่ฉีเฟิงย่อมเข้าใจถึงความคิดของนางอย่างถ่องแท้

 สวินหยาง เรื่องครั้งนี้มันเกี่ยวพันเป็นวงกว้าง ไม่แน่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องราวทั้งหมดอาจจะเป็นฮ่องเต้หนานฮวา เจ้าลงมืออย่างวู่วามเช่นนี้ ไม่แน่ว่า…จะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับเขา  คำพูดของฉู่ฉีเฟิงนั้นหนักแน่น เขาพยายามอดกลั้น ในที่สุดก็ยกมือขึ้นออกแรงกดลงบนไหล่ของนาง

สายตาของฉู่สวินหยางดูซีดขาว แล้วเอ่ยว่า  ฮ่องเต้แล้วอย่างไรเล่า? ฆ่าคนก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต เป็นหนี้ก็ต้องชำระ หากสุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดไม่ใช่ฝีมือเขาก็แล้วไป ไม่เช่นนั้น… 

คำพูดเอ่ยได้เพียงครึ่งหนึ่ง น้ำเสียงของนางก็หยุดลง ได้แต่ค่อยๆ หลุบตาลง ไม่พูดอันใดอีก

ตลอดมานางเป็นคนมีความคิดของตนเอง หากเป็นเรื่องที่นางต้องการจะทำแล้ว ต่อให้เป็นฉู่อี้อันก็ตัดสินใจแทนนางไม่ได้

เมื่อมาถึงเวลานี้ฉู่ฉีเฟิงรู้สึกเสียใจ…

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาพวกเขารักและตามใจนางจนเกินไป เมื่อมาถึงวันนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ขัดขวางนางไม่ได้ ไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของนางทั้งสิ้น

ในเวลานี้ ในหัวใจเต็มไปด้วยความขื่นขมและไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

 เขียนจดหมายสั้นๆ ให้เสด็จพ่ออีกฉบับหนึ่งเถิด  ฉู่สวินหยางเห็นเขาเงียบขรึมลง จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง นางพูดไปพร้อมกับหยิบพู่กันของเขาขึ้นมาเขียน

พู่กันสีน้ำตาลเมื่ออยู่ในมือนางแล้วยิ่งทำให้นิ้วมือของนางเรียวยาว งดงามยิ่งกว่าเนื้อหยกมากมายนัก

สายตาของฉู่ฉีเฟิงตกอยู่ที่ปลายนิ้วของนาง ล่องลอยอยู่บ้าง ทว่าความคิดในใจกลับไม่ได้หยุดลง

———————————-

 

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

Status: Ongoing

วังหลวงโรยแสงกับสุราพิษหนึ่งจอก พี่ชายฝาแฝดสละชีพ สีเลือดชโลมลาน ตระกูลรัชทายาทถูกประหารยกครัว

โลหิตย้อมคม เทียนแดงร่ำไห้ เขาว่า จะไม่มีใครบนโลกนี้ล่วงรู้ฐานะแท้จริงของเจ้า เจ้าก็รั้งอยู่ข้างกายข้าอย่างสบายใจเถอะ

นางเป็นกากเดนในราชวงศ์ก่อน ฉากนองเลือดครั้งนี้ ก็แค่อุบายสวยหรูที่อ้างชื่อของความรัก!

นางฟื้นตื่นจากฝันร้าย ลืมตาอีกครั้ง…

นางยังเป็นองค์หญิงสวินหยางผู้ไร้เทียมทานคนเก่า

บิดาผู้ชุบเลี้ยงยังมี ชายผู้เป็นพี่ยังอยู่เคียงข้าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไม่สายเกินแก้

นางรวบรวมไพร่พล สวมชุดนักรบกรุยทางแห่งอำนาจ นางจะพลิกบัลลังก์ด้วยคมดาบเปื้อนเลือดในมือ

ของของนาง นางจะปกป้อง

ของที่อยากได้ นางก็จะแย่งมา!

กบฏแห่งใต้หล้า นางมารล่มเมือง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท