จิตใจที่เข้มแข็ง
ภายในห้องเก็บของโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง หวี่เสียวเหม่ยกำลังอยู่ในท่าทางแปลกประหลาด เธอเหงื่อท่วมตัวและผิวของเธอก็แดงไปหมด
“ฉันทำมันได้” หวี่เสียวเหม่ยนอนหายใจพะงาบๆอยู่บนพื้น
เธอรู้สึกราวกับว่ากระดูกกำลังจะแหลกสลาย กล้ามเนื้อของเธอปวดไปหมด ถ้าเธอขยับตัว เธอก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าถูกทิ่มแทงด้วยเข็ม
หลังจากที่เธอเซ็นสัญญากับเป่าเอ๋อ ชีวิตที่น่าเศร้าของเธอก็เริ่มต้นขึ้น เธอต้องทำทุกอย่างที่เป่าเอ๋อบอกให้ทำ
เป่าเอ๋อบอกเธอว่านี่คือวิชาจีโนที่ทรงพลัง แต่เธอรู้สึกว่ามันเป็นการทรมานมากกว่า มันเป็นกระบวนการที่เจ็บปวดอย่างมาก
“ไม่เป็นอะไร ถ้าครูไม่ต้องการที่จะฝึกมัน เรื่องหนี้ของคุณครูนั้น”
เป่าเอ๋อกำลังนั่งอยู่บนกองไม้และโบกใบสัญญาไปมา
เมื่อหวี่เสียวเหม่ยเห็นกระดาษพวกนั้น เธอก็กัดฟันและทนฝึกวิชาจีโนต่อไป
จนถึงตอนนี้เธอเป็นหนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และหนี้ของเธอในตอนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะจ่ายคืนได้ในหลายชั่วชีวิต
หวี่เสียวเหม่ยเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถทนต่อสิ่งยั่วยวนที่เป่าเอ๋อเป็นคนเสนอขึ้นมา เธอถูกดึงดูดด้วยชุดและเครื่องประดับอันหรูหรา ดังนั้นเธอจึงเซ็นสัญญาไปหลายฉบับ ซึ่งพวกมันทั้งหมดต่างก็เป็นสัญญาที่ไม่ยุติธรรม
และเนื่องจากยังไงเธอก็ไม่สามารถจ่ายคืนได้อยู่แล้ว เธอจึงเซ็นสัญญาเพื่อติดหนี้มากขึ้น
“พอแค่นี้ก่อน พวกเราค่อยมาฝึกต่อในวันพรุ่งนี้”
เป่าเอ๋อสังเกตเวลา หลังจากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องเก็บของไป
“เด็กเวร” หวี่เสียวเหม่ยนอนแน่นิ่งไปกับพื้น
…
ตอนนี้หานเซิ่นเองก็เศร้าใจไม่ต่างอะไรไปจากหวี่เสียวเหม่ย เขากำลังต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคชนิดต่างๆในความฝันที่ถูกส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซีโน่เจเนอิคนั้นหลั่งไหลกันเข้ามาอย่างไม่สิ้นสุด และมันก็ไม่มีสถานที่ให้เขาหลบซ่อนตัวได้เช่นเดียวกัน ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือฆ่าพวกมัน
แต่เนื่องจากเขากำลังอยู่ในความฝัน เขาจึงเหนื่อยล้าแค่ทางจิตใจเท่านั้น ร่างกายของเขาไม่มีวันเหนื่อย และเขาก็ต่อสู้ได้อย่างไม่ต้องหยุดพัก
แต่ทว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือกุญแจหัวในนภายังคงทำงานภายในความฝัน มันทำให้เขารู้สึกหดหู่
หานเซิ่นไม่รู้ว่าตัวเองต่อสู้มาเป็นเวลานานแค่ไหนแล้ว และตอนนี้เขาก็เริ่มที่จะเบื่อเต็มทน
พวกซีโน่เจเนอิคนั้นทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา ซึ่งหลายๆตัวหานเซิ่นไม่เคยเห็นมาก่อน และซีโน่เจเนอิคทั้งหมดยังมีพลังที่แตกต่างกันออกไป พวกมันจึงให้รู้สึกเหมือนของจริงในสายตาของหานเซิ่น ทุกอย่างดูสมจริงจนยากที่จะบอกได้ว่าเขาอยู่ในความฝันจริงๆหรือเปล่า หานเซิ่นใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อต่อสู้กับพวกมัน และเขาก็เฉียดความตายหลายต่อหลายครั้ง
ดรีมบีสต์มองดูหานเซิ่นด้วยสีหน้าแปลกๆ ดรีมบีสต์บอกกับหานเซิ่นว่าเขาจะกลายเป็นผักถ้าเกิดตายในความฝัน ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องโกหก มันสามารถทำให้จิตใจของหานเซิ่นตายไปได้จริงๆถ้ามันต้องการ
แต่ดรีมบีสต์ไม่ได้มีแผนที่จะฆ่าหานเซิ่น มันทำแบบนั้นก็เพื่อให้หานเซิ่นต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ มันต้องการดูว่าหานเซิ่นจะเอาตัวรอดได้นานสักแค่ไหน
แต่ความสามารถของหานเซิ่นเหนือกว่าที่มันคิดเอาไว้มาก ในตอนแรกมันคิดว่าหานเซิ่นคงจะเอาตัวรอดได้เพียงแค่หนึ่งเดือน แต่ตอนนี้หานเซิ่นต่อสู้อยู่ในความฝันอย่างไม่หยุดมาเป็นเวลา 4 เดือนแล้ว
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่หานเซิ่นสามารถฆ่าซีโน่เจเนอิคเหล่านั้นได้ เพราะพวกมันถูกตั้งให้อยู่ในระดับเดียวกับหานเซิ่น แม้แต่ซีโน่เจเนอิคระดับสูงก็ถูกลดพลังให้ทัดเทียมกับพลังของหานเซิ่น
ดรีมบีสต์ทำแบบนี้ก็เพื่อให้หานเซิ่นได้เรียนรู้เกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคชนิดต่างๆ
แต่ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด หานเซิ่นไม่พลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว จิตใจของเขาไม่เคยเสียสมาธิ ซึ่งมันยากที่จะหาเอิร์ลที่มีจิตใจเข็มแข็งแบบนั้นได้อีก
‘เจ้านี่ต้องมีประสบการณ์อะไรบางอย่างมาก่อนแน่ ไม่อย่างนั้นเขาจะมีจิตใจที่เทียบกับไผ่เดียวดายได้ยังไงกัน?’ ดรีมบีสต์คิด
แต่ทว่าจิตใจของหานเซิ่นกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ยังไม่พลาดเลยสักครั้ง ดรีมบีสต์รู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้มันน่ากลัวขนาดไหน แต่หานเซิ่นก็ยังคงไม่คิดที่จะยอมแพ้
สำหรับดรีมบีสต์ หานเซิ่นนั้นเจิดจรัสเหมือนกับอัญมณี
ดรีมบีสต์ถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นมันก็ดึงหานเซิ่นกลับออกมาจากความฝัน
ดรีมบีสต์ไม่ได้ต้องการจะฆ่าหานเซิ่น ถ้าเหตุการณ์แบบนั้นยังคงดำเนินต่อไป จิตวิญญาณของหานเซิ่นก็อาจจะเหนื่อยล้าจนเกินไป และถ้าเป็นอย่างนั้นหานเซิ่นก็อาจจะตายไปจริงๆไม่ใช่แค่ตายภายในความฝัน
หานเซิ่นร่วงลงบนพื้น เขารู้สึกราวกับว่าสมองกำลังจะระเบิด นั่นเป็นสภาพของคนที่จิตใจเหนื่อยล้ามากเกินไป
ดรีมบีสต์ส่งหานเซิ่นกลับไปที่เกาะของเขา และหลังจากที่พักผ่อนอยู่หลายวัน หานเซิ่นก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อหานเซิ่นฟื้นตัวแล้ว จิตใจของเขาก็กระจ่างแจ้งขึ้นมา ประสาทสัมผัสของเขาเฉียบแหลมขึ้นกว่าเดิม แต่สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นดีใจที่สุดก็คือตอนนี้เขากลับมาเป็นอิสระแล้ว
หานเซิ่นรู้ว่าดรีมบีสต์แค่จะช่วยเขาฝึกเท่านั้น แต่เขาก็ชื่นชอบความรู้สึกอิสรภาพมากกว่า
เมื่อหานเซิ่นตื่นขึ้นมา เขาก็ให้บับเบิลลอกเลียนแบบเขาและนอนลงบนเตียง หลังจากนั้นเขาก็แอบกลับเข้าไปในสหพันธ์ เขาอุ้มหลิงเอ๋อขึ้นมาและหอมแก้มของเธอ หลังจากนั้นเขาก็อุ้มจีเหยียนหรันต่อ หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา
ไม่มีใครมายุ่งอะไรกับหานเซิ่นอีก และเขาก็ใช้เวลาหนึ่งเดือนต่อมาไปกับการพักผ่อน เขาเกือบจะลืมไปเลยว่ากุญแจหัวใจนภายังคงล็อคร่างกายของเขาอยู่
วันเวลาที่มีความสุขผ่านพ้นไป แต่หลังจากที่ผ่านไปอีก 2 เดือน กระเรียนพันขนก็มาหาหานเซิ่นที่เกาะ
“ซีโน่เจเนอิคสเปชเทพโบราณ? นั่นคือสถานที่แบบไหนกัน?”
หานเซิ่นถามกระเรียนพันขนด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่าทำไมผู้นำของปราสาทนภาถึงต้องการส่งเขาไปที่นั่น
กระเรียนพันขนดูกังวล “ซีโน่เจเนอิคสเปชเทพโบราณคือซีโน่เจเนอิคสเปชถัดจากระดับบารอน พวกเราไม่ได้เป็นเจ้าของมัน แต่ทุกครั้งที่มันเปิด มันจะมีตำแหน่งว่างให้พวกเราหนึ่งที่ ข้าไม่คาดคิดว่าท่านผู้นำจะเลือกเจ้า”
“การไปที่นั่นมีประโยชน์อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว แต่ข้าต้องขอเตือนเอาไว้ว่ามันเป็นอะไรที่อันตราย แม้แต่เอิร์ลระดับสุดยอดหรือมาร์ควิสก็อาจจะไม่รอดชีวิตออกกลับออกมา” กระเรียนพันขนพูด
“มันอันตรายยังไง?” หานเซิ่นรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเป็นกังวล เขาไม่ได้เกรงกลัวอันตราย และถ้าผู้นำปราสาทนภาต้องการให้เขาไปที่นั่น มันก็ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้
“ซีโน่เจเนอิคในซีโน่เจเนอิคสเปชเทพโบราณนั้นเป็นอันตราย แต่ข้าไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากนัก เพราะข้าไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน แต่อาจารย์ของข้าบอกว่ามันไม่ได้มีแค่ซีโน่เจเนอิคที่เจ้าต้องระวัง มันยังมียอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์อื่นเข้าไปที่นั่นพร้อมกับเจ้าด้วย” กระเรียนพันขนอธิบาย