Super God Gene – ตอนที่ 2014

ตอนที่ 2014

แผนของแองเกีย
แองเกียและพวกพ้องของเขามาที่ปราสาท นั่นเพราะมันเป็นสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำ และอนาคตของเผ่าพันธุ์เฟเธอร์ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา

พวกเขาต้องการจะผูกมิตรกับคนของปราสาทนภา และในตอนที่พวกเขาถูกส่งมานั้น พวกเขาก็ได้นำสมบัติติดมาด้วยเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีดขนนกโลหิตก็เป็นหนึ่งในนั้น

แต่มันไม่ใช่ว่าพวกเขาจะแจกจ่ายให้กับชาวนภาคนไหนก็ได้ และพวกเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าพวกผู้อาวุโสของประสาทนภาจะมีปฏิกิริยายังไง เมื่อพวกเขาทำการแจกจ่ายสมบัติพวกนี้ ถ้าสมบัติล้ำค่าถูกเอาไปเฉยๆ มันก็จะไม่ได้ช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ของพวกเขาเท่าไหร่นัก

ที่แองเกียพูดข้อเสนอแบบนั้นออกไป นั้นเป็นเพราะว่าหานเซิ่นไม่ได้เข้ามาร่วมงานในครั้งนี้ เมื่อเขานำมีดขนนกโลหิตออกมาแสดงแล้ว เขาก็ไม่มีแผนที่จะเก็บมันกลับไป

จากแขกทุกคนที่มาเข้าร่วมงานในครั้งนี้ หนึ่งในพวกเขาเป็นบุตรชายของผู้อาวุโสสาม เขาคือเอิร์ลที่มีชื่อว่าวินด์ไนน์ทีน ผู้อาวุโสสามนั้นใช้มีด ดังนั้นลูกชายของเขาจึงใช้มีดเช่นเดียวกัน

ผู้อาวุโสสามเป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องการปฏิสัมพันธ์กับทางเฟเธอร์ ดังนั้นทางเฟเธอร์จึงมีแผนที่จะมอบมีดขนนกโลหิตให้กับเขา

แต่ถ้าพวกเขานำมันไปให้กับผู้อาวุโสสามเฉยๆ มันก็อาจจะไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรมากนัก เขาเป็นถึงผู้อาวุโสของปราสาทนภา ดังนั้นเขาก็คงจะไม่ได้ขาดแคลนอาวุธระดับราชัน แต่ถ้าวินด์ไนน์ทีนสามารถชนะการประลองและได้รับมีดขนนกโลหิตเป็นรางวัล มันก็จะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย การได้รับมีดไปในฐานะรางวัลชนะเลิศยังไงก็เป็นอะไรที่น่าจดจำมากกว่า

แองเกียไม่สามารถให้มีดกับวินด์ไนน์ทีนตรงๆได้ แต่ถ้าวินด์ไนน์ทีนเชื่อว่าเขาได้รับมีดเป็นรางวัลด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง ทางเฟเธอร์ก็จะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร มันจึงใช้เวลาสักพักก่อนที่ทางเฟเธอร์จะคิดแผนการหนึ่งขึ้นมาได้

แองเกียต้องชนะในรอบอื่นๆก่อนแล้วค่อยไปแพ้ให้กับวินด์ไนน์ทีน แบบนั้นวินด์ไนน์ทีนก็จะรู้ว่าเขาได้รับของขวัญที่เตรียมมาเพื่อเขาจริงๆ

“แองเกีย นี่เจ้าพูดจริงๆใช่ไหม?” ชายหัววัวที่ดูแข็งแกร่งถามขึ้นมาด้วยสายตาที่เบิกกว้าง

แองเกียยิ้มและพูด “แน่นอน ถ้าใครก็ตามในที่นี่เอาชนะข้าได้ มีดขนนกโลหิตเล่มนี้ก็จะตกเป็นของคนๆนั้น นั่นรวมถึงศิษย์พี่คาวด้วย”

“ดี! ถ้าอย่างนั้นพวกเรายังจะรออะไรกันอีก? ข้าคือคนที่เก่งกาจที่สุดในเรื่องการใช้มีด พวกเรามาประลองวิชามีดกันเป็นยังไง?” ชายหัววัวพูดพร้อมกับยืนขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอเชิญศิษย์พี่คาวขึ้นมาบนเวที” แองเกียยิ้มและชี้มือไปที่สนามประลอง

ชายวัวหัวนั้นแข็งแกร่ง และเขาก็เป็นหนึ่งในคนนอกที่ถูกส่งมาฝึกฝนภายในปราสาทนภา เขาเชี่ยวชาญด้านการใช้มีดและค่อนข้างเป็นที่รู้จักดีในหมู่ศิษย์ของปราสาทนภา

ชื่อของเขาคือสตรองคาว เขาเป็นหนึ่งในคนที่แองเกียจ้างมา แบบนั้นก่อนที่เขาจะต่อสู้กับวินด์ไนน์ทีน เขาก็จะสามารถแสดงถึงพลังของตัวเองก่อนได้

แองเกียไม่รังเกลียดอะไรที่จะพ่ายแพ้และมอบมีดขนนกโลหิตเป็นของรางวัล แต่เขาต้องการทำให้เฟเธอร์มีชื่อเสียงไปพร้อมๆกัน

ทุกคนมองแองเกียและสตรองคาวเดินขึ้นไปบนสนามประลอง

สตรองคาวนั้นสูงถึง 3 เมตร และเขาก็ถือมีดขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งมันสูงยิ่งกว่าตัวของเขาซะอีก มันดูน่ากลัวอย่างมาก

“ข้าจะเริ่มแล้วนะ” สตรองคาวพูดอย่างเรียบง่ายและฟันเข้าใส่แองเกีย

มีดยักษ์เล่มนั้นมีพลังของธาตุสายฟ้า มีดแสงกลายเป็นสายฟ้ารูปร่างวัวพุ่งออกไปหาแองเกีย

วัวสายฟ้าคำรามออกมาขณะที่พุ่งเข้าหาแองเกีย และนั่นก็เป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสตรองคาว มันทรงพลังอย่างมาก ซึ่งยอดฝีมือในระดับเดียวกันจะไม่กล้าป้องกันการโจมตีแบบนี้

ตอนนี้ทุกคงจับจ้องไปที่แองเกียและสงสัยว่าเขาจะตอบสนองยังไง

ปีกสีขาวของแองเกียยังคงหุบอยู่บนหลังของเขา มันเห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีแผนที่จะหลบหลีก เขากำลังถือมีดหยกระดับเอิร์ลธรรมดาๆอยู่ในมือ มันถูกสร้างขึ้นมาจากวิญญาณหยกเสวียน ดังนั้นมันไม่ได้มีอะไรพิเศษ

แองเกียยิ้มออกมา เขาฟันมีดหยกใส่วัวสายฟ้าของสตรองคาว มีดหยกของเขาเรืองแสงสีทองออกมา มันเหมือนกับแสงจากสรวงสวรรค์

วัวสายฟ้าถูกตัดขาดเป็น 2 ส่วนด้วยแสงสีทองของแองเกีย และแสงสีทองไม่ได้หยุดแค่นั้น มันพุ่งต่อไปและตัดมีดยักษ์ของสตรองคาวจนหักครึ่ง แสงทองพุ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าของสตรองคาวก่อนที่มันจะสลายไป

ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น พวกเขาสามารถบอกได้ทันทีว่าแองเกียออมมือให้กับสตรองคาว และถ้าเขาต้องการละก็ แสงสีทองก็สามารถพุ่งผ่านใบหน้าของสตรองคาวไป

สตรองคาวไม่ถือว่าเป็นยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์สูงที่สุด แต่เขาก็เป็นหนึ่งในเอิร์ลที่แข็งแกร่งที่สุดของปราสาทนภา วัวสายฟ้าคำรามออกมา แต่มีดแสงของแองเกียเพิ่งจะตัดผ่านมันได้อย่างง่ายดาย มันเห็นได้ชัดว่าแองเกียเป็นเอิร์ลระดับสูงสุด

“วิชามีดพิพากษาของเฟเธอร์เป็นวิชาจีโนที่ทรงพลังอย่างมาก มันถูกกล่าวขานว่าตัดผ่านได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าเพิ่งจะได้เห็นกับตาตัวเองก็วันนี้เนี่ยแหละ” กระเรียนพันขนอธิบายสิ่งที่พวกเขาพึ่งจะได้เห็นกับยวิ๋นซู่ซาง

“ศิษย์พี่กระเรียนคิดว่าจะเอาชนะเขาได้ไหม?” ยวิ๋นซู่ซางขมวดคิ้ว

“ข้าไม่รู้ แต่ข้าไม่ถนัดในการใช้มีด และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาประลองกัน ดังนั้นมันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ที่ข้าจะเข้าร่วมด้วย” กระเรียนพันขนส่ายหัวของเขา

เมื่อเห็นสตรองคาวพ่ายแพ้ ผู้ชมคนอื่นๆก็ดูลังเลขึ้นมา แองเกียเคยประลองมาหลายครั้งแล้วก่อนที่จะถึงวันนี้ แต่เขาไม่เคยแสดงความแข็งแกร่งระดับนี้ออกมาก่อนเลย

ศิษย์ที่ถนัดในวิชามีดต้องการจะลองดู ถึงพวกเขาจะไม่ได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบเหมือนกับสตรองคาว แต่ทุกคนก็ถูกไล่ต้อนโดยแองเกีย

การประลองในหลายๆรอบต่อมาไม่มีใครสามารถเอาชนะแองเกียได้ และผู้คนก็เริ่มที่จะมองเขาต่างไปจากเดิม

มันมีผู้คนไม่มากในปราสาทนภาที่ใช้มีดหรือฝึกฝนวิชามีด นักสู้ที่ขึ้นไปสู้กับแองเกียจึงไม่ใช่เอิร์ลที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นความจริงที่เขาเอาชนะได้อย่างต่อเนื่องก็มากพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของเขา

ไม่มีใครกล้าท้าเขาต่อสู้อีก และนั่นก็รวมถึงวินด์ไนน์ทีนด้วย เมื่อแองเกียรู้ว่าวินด์ไนน์ทีนไม่คิดว่าจะเข้ามาต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงเดินลงจากสนามประลองและพูด

“ปราสาทนภาเป็นบ้านของเผ่าพันธุ์ชั้นสูงตั้งแต่สมัยโบราณกาล ยีนและวิชาจีโนของที่นี่เหนือกว่าของเฟเธอร์มากนัก ข้ามาที่นี่ด้วยความหวังที่จะได้เรียนรู้ และวันนี้ข้าก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ข้าดีใจอย่างมาก”

“ข้าได้ยินมาว่าหานเซิ่นและวินด์ไนน์ทีนคือเอิร์ลที่เก่งกาจที่สุดเมื่อพูดถึงวิชามีด แต่ดูเหมือนว่าศิษย์พี่หานจะยุ่งอยู่ หรือเลือกที่จะหลีกเลี่ยงข้า นั่นเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังยิ่งนัก โชคดีที่ศิษย์พี่วินด์อยู่ที่นี่ ศิษย์พี่วินย์จะช่วยชี้แนะให้กับข้าหน่อยได้ไหม?”

แองเกียพูดอย่างดูมีมารยาท แต่ทุกคนรู้ว่าเขาแค่จะเย้ยหยันหานเซิ่น เขาพยายามจะบอกว่าหานเซิ่นหวาดกลัวที่จะต่อสู้กับเขา

แองเกียไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ยวิ๋นซู่อีคิดว่านี่จะทำลายภาพลักษณ์ของหานเซิ่น ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกโกรธขึ้นมาเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น

“หานเซิ่นไม่ได้มา แต่ข้าเรียนรู้วิชามีดมาจากเขา! ดังนั้นข้าจะเป็นคนต่อสู้กับเจ้าเอง” ยวิ๋นซู่อีที่สวมชุดสีขาวเดินตรงลงไปที่สนามประลอง

Super God Gene

Super God Gene

Status: Ongoing
 ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม”

Show less 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท