ข้ามถนนนภาอีกครั้ง
อี๋ซาเห็นปีกมังกรเสวียนเยวี๋ยนและผิวหินของวัวหินผา เธอไม่สามารถคิดหาคำอธิบายที่ดีกว่านั้นได้ ดังนั้นหานเซิ่นจึงรอดตัวไป
หานเซิ่นพาเป่าเอ๋อกลับไปที่ดาวอุปราคา ก่อนที่พวกเขาจะจากไป อี๋ซาก็ได้มอบสิ่งของหลายอย่างให้กับเป่าเอ๋อ รวมถึงจีโนฟลูอิด แถมพวกมันยังแพงยิ่งกว่าอันที่หานเซิ่นได้รับซะอีก
“ข้าบอกไม่ได้ว่าลูกสาวของเจ้านั้นเยี่ยมยอดถึงขนาดไหน” อี๋ซาพูดก่อนที่พวกเขาจะจากไป
หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขาคิดว่าเด็กๆของเขาเก่งกาจเกินไป และความแข็งแกร่งเริ่มต้นของพวกเขาก็เหนือกว่าตัวหานเซิ่นเองมาก
“มันเป็นเพราะพวกเขามีพ่อที่ดี” หานเซิ่นถอนหายใจและดูภูมิใจกับตัวเอง
เป่าเอ๋อเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตที่นี่ ชีวิตในสหพันธ์น่าเบื่อเกินไปสำหรับเธอ หานเซิ่นพาเธอกลับไปที่ดาวอุปราคาเพื่อล่าซีโน่เจเนอิค เขาต้องการเห็นว่าน้ำเต้าของเธอจะดูดสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งได้ถึงระดับไหน
หานเซิ่นพบซีโน่เจเนอิคบารอนตัวหนึ่ง เขาจึงให้เธอลองใช้น้ำเต้าดู เป่าเอ๋อนำน้ำเต้าของเธอออกมาและดูดซีโน่เจเนอิคตัวนั้นเข้าไปอย่างง่ายดาย แต่หานเซิ่นไม่ได้ประหลาดใจที่เธอทำแบบนั้นได้ เพราะถ้าเธอทำไม่ได้ล่ะก็ ยีนซีโน่เจเนอิคทั้งหมดที่เขามอบให้กับเธอก็คงจะเป็นอะไรที่สูญเปล่า
แต่การทดสอบครั้งต่อๆไปทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ เธอสามารถดูดซีโน่เจเนอิคระดับไวเคานต์และเอิร์ลเข้าไปได้เช่นเดียวกัน เธอลำบากเล็กน้อยกับการดูดซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิส แต่สุดท้ายแล้วมันก็ถูกดูดเข้าไปในน้ำเต้า มันไม่มีอะไรที่สามารถต่อต้านนางได้
“เป่าเอ๋อ ถ้าน้ำเต้าของหนูดีอย่างนั้น ทำไมหนูไม่เคยบอกพ่อมาก่อนเลย?” หานเซิ่นพูดขณะที่มองน้ำเต้าของเป่าเอ๋อ
“พ่อไม่ได้ถาม” เป่าเอ๋อพูด
‘ช่างเถอะ พรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางไปที่ปราสาทนภาเพื่อดูดคลาวด์บีสต์สีแดงจอมอวดดีตัวนั้น’ แค่คิดถึงมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ด้วยการที่มีเป่าเอ๋ออยู่ด้วย หานเซิ่นก็ไม่คิดว่าเจ้าคลาวด์บีสต์ตัวนั้นจะมีโอกาสหนีรอดไปได้
แต่น่าเสียดายที่บนดาวอุปราคาไม่มีซีโน่เจเนอิคอยู่มากนัก หานเซิ่นจึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าน้ำเต้าของเป่าเอ๋อสามารถดูดสิ่งมีชีวิตระดับสูงเข้าไปได้ไหม
ซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสสามารถต่อต้านแรงดูดได้เล็กน้อย ดังนั้นการจะดูดซีโน่เจเนอิคระดับดยุกเข้าไปก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย
‘น่าเสียดายที่เราพาล่องหนน้อยไปที่ปราสาทนภาด้วยไม่ได้’
หานเซิ่นคิด ปราสาทนภาเป็นสถานที่ที่ดี แต่มันมีกฎระเบียบที่เข้มงวด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องการวิญญาณหยกล่ะก็ เขาก็คงจะเลือกอยู่บนดาวอุปราคา
วันต่อมา หานเซิ่นบอกลาอี๋ซาและพาเป่าเอ๋อไปที่ปราสาทนภา
“ฉันจะใช้สิ่งนี้ได้ยังไง?”การเดินทางเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ดังนั้นหานเซิ่นจึงใช้เวลาไปกับการตรวจสอบวิญญาณอสูรราชันกลายพันธุ์ที่เพิ่งได้มา
“วิญญาณอสูรราชาแมลงปีศาจทองคำสีฟ้าราชันกลายพันธุ์ : ใบเสมา”
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นได้เห็นวิญญาณอสูรแบบนี้ หลังจากที่หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรราชาแมลงปีศาจออกมา แสงสีฟ้าก็ส่องสว่างออกมาจากร่างกายของเขา เขาสามารถขยายหรือหดรัศมีของแสงสว่างได้ รัศมีที่เล็กที่สุดของแสงสว่างนั้นมีความหนาพอๆกับเปลือกไข่ ส่วนรัศมีที่กว้างที่สุดสามารถแพร่ขยายออกไปได้ถึง 1 กิโลเมตร
ยิ่งรัศมีของใบเสมาขยายออกไปมากเท่าไหร่ การป้องกันของมันก็จะลดลงไปเท่านั้น รัศมีที่เล็กที่สุดสามารถป้องกันการโจมตีระดับราชันได้อย่างสบายๆโดยที่เขาไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
แต่ใบเสมาจะทำงานจากตัวหานเซิ่นเท่านั้น และมันจะเคลื่อนที่ไปตามเขา พลังจากภายนอกไม่สามารถเจาะทะลวงเข้ามาได้ แต่พลังจากภายในก็ไม่สามารถออกไปสู่ภายนอกได้เช่นกัน
‘วิญญาณอสูรใบเสมานี่สุดยอดไปเลย ถ้าเราใช้มันดีๆล่ะก็ เราก็อาจจะรอดจากการต่อสู้กับศัตรูระดับราชันได้เลย’ หานเซิ่นหลงรักวิญญาณอสูรแมลงปีศาจนี้
เมื่อกลับไปถึงปราสาทนภา หานเซิ่นก็พาเป่าเอ๋อไปทำการทดสอบดีเอ็นเอ ยีนของมนุษย์นั้นไม่เสถียร ดังนั้นมันยากจะตรวจเช็คความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ แต่ยีนของหานเซิ่นและเป่าเอ๋อคล้ายคลึงกันมากพอที่จะเชื่อได้ว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกกันจริงๆ
หลังจากที่ผลการทดสอบออกมาแล้ว หานเซิ่นก็ได้รับอนุญาตให้พาเป่าเอ๋อเข้าไปในปราสาทนภาได้ แต่เป่าเอ๋อต้องเดินทางข้ามถนนนภา หลังจากนั้นก็ตามด้วยถนนสู่ทองฟ้า แต่เนื่องจากเป่าเอ๋อยังเป็นเด็ก หานเซิ่นจึงได้รับอนุญาตให้อุ้มเธอไปได้ เธอไม่จำเป็นต้องผ่านมันไปคนเดียวอย่างที่เขาทำ
หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อไปที่เกาะประตูนภา ที่นั่นพวกเขาต้องเดินขึ้นไปบนเถาวัลย์ยักษ์
เป่าเอ๋อมองน้ำเต้าที่ห้อยอยู่บนเถาวัลย์ด้วยความสนใจ
ผู้คนในปราสาทนภาได้ยินว่าหานเซิ่นพาลูกสาวมาที่นี่ และถึงแม้จะมีไม่กี่คนที่มาดูด้วยตัวเอง แต่ผู้คนมากมายกำลังจับตาดูพวกเขาทั้ง 2 คนอยู่
ยีนของหานเซิ่นไม่เสถียร ดังนั้นเขาไม่ใช่อัจฉริยะเมื่อพูดถึงด้านการฝึกฝน เขาไม่สามารถฝึกสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาเก่งด้านการใช้เทคนิคต่างๆ
เทคนิคทำให้เขาแข็งแกร่งอย่างมาก แต่สำหรับคนที่ฝึกวิชา การไปให้ถึงระดับเทพเจ้าคือเป้าหมายสูงสุด และไม่ว่าหานเซิ่นจะเก่งกาจสักแค่ไหน ถ้าเขาไปไม่ถึงจุดหมายสูงสุดนั้น คนอื่นๆก็จะไม่ชื่นชมและนับถือเขาไปตลอด
หลายๆคนนั้นอยากจะรู้ว่าลูกสาวของหานเซิ่นมีพรสวรรค์สักแค่ไหน พวกเขาบอกได้ว่ายีนของเธอเองก็ไม่เสถียรเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนั้นหลายๆคนจึงรู้สึกผิดหวัง
ยีนที่ไม่เสถียรหมายถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน มันเป็นบางสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ และมันก็ไม่มีใครอยากเดิมพันกับบางสิ่งที่ไม่มีอะไรมารับประกัน
กระเรียนพันขน พี่น้องยวิ๋น เฟิร์สเดย์และอวี้จิงต่างก็มาที่เกาะประตูนภาเพื่อต้อนรับหานเซิ่น เมื่อยวิ๋นซู่ซางเห็นเป่าเอ๋อ เธอก็ยิ้มออกมา
“ไม่คิดเลยว่าลูกสาวของเจ้าจะน่ารักขนาดนี้”
หานเซิ่นแนะนำเป่าเอ๋อให้กับพวกเขาและพูดต่อ
“ข้าจะพาเป่าเอ๋อเดินข้ามถนนนภาและพานางขึ้นไปบนถนนสู่ท้องฟ้า พวกเราค่อยคุยกันต่อทีหลัง”
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็พาเป่าเอ๋อไปที่เถาวัลย์ยักษ์
เป่าเอ๋อมองน้ำเต้าที่ห้อยอยู่บนเถาวัลย์อย่างใจจดใจจ่อ เมื่อหานเซิ่นที่อุ้มเธออยู่เดินขึ้นไปบนเถาวัลย์ น้ำเต้าก็เริ่มจะสั่นไหวราวกับระฆังท่ามกลางพายุ
หานเซิ่นตกใจ เขาจำได้ว่าในตอนที่เขาเดินบนเถาวัลย์ยักษ์นี้ น้ำเต้านั้นหวาดกลัวเขา ซึ่งในตอนนี้เหตุการณ์แบบเดียวกันกำลังเกิดขึ้น แถมพวกน้ำเต้ายังสั่นอย่างบ้าคลั่งยิ่งไปกว่าเดิมซะอีก
ตอนนี้หานเซิ่นรู้แล้วว่าทำไมพวกน้ำเต้าถึงได้มีปฏิกิริยาในตอนที่เขาเดินข้ามเถาวัลย์ ซึ่งมันไม่ใช่เพราะเขาพิเศษอะไร แต่มันเป็นเพราะเขาเกี่ยวข้องกับเป่าเอ๋อ และนั่นเป็นเหตุผลที่น้ำเต้ามีปฏิกิริยากับเขาแบบนั้น
‘นี่เป่าเอ๋อมีบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับน้ำเต้าพวกนี้อย่างนั้นหรอ?’
ใบหน้าของหานเซิ่นดูแปลกๆ เขาไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่