คลาวด์บีสต์สีแดงจอมอวดดี
ไผ่เดียวดายไล่ตามคลาวด์บีสต์สีแดงไปและฟันใส่มันอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่คลาวด์บีสต์สีแดงก็ยังคงหลบดาบของไผ่เดียวดายได้ทุกครั้ง
“ข้าจะช่วยด้วย!” หานเซิ่นกวัดแกว่งมีดใส่คลาวด์บีสต์และเรียกปีกออกมาบนหูเพื่อเพิ่มความเร็ว
แต่คลาวด์บีสต์สีแดงก็ยังคงเร็วกว่าหานเซิ่น เมื่อเห็นอย่างนั้นหานเซิ่นก็ประเมินความเร็วของมันและฟันไปข้างหน้าแทน มันไม่สำคัญว่าคลาวด์บีสต์สีแดงจะรวดเร็วสักแค่ไหน ถ้าการโจมตีของเขาสามารถไปดักเส้นทางการเคลื่อนไหวของมันได้
แต่แทนที่จะเดินหน้าไปด้วยความเร็วเท่าเดิม คลาวด์บีสต์กลับชะลอความเร็วลง ทำให้การโจมตีของหานเซิ่นพลาดเป้าไป
“เจ้าตัวน้อยนี่เหลี่ยมจัดจริงๆ” หานเซิ่นขมวดคิ้ว แต่เขายังคงกวัดแกว่งมีดต่อไป
ไผ่เดียวดายและหานเซิ่นยังจู่โจมไม่ถูกตัวคลาวด์บีสต์สีแดงเลยสักครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นคลาวด์บีสต์ก็ไม่สามารถหนีไปได้ เพราะมันถูกบังคับให้หลบหลีกการโจมตีของพวกเขา
“ตอนนี้แหละ!” หานเซิ่นคำนวณถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดและกวัดแกว่งมีดขนนกโลหิตอย่างกับคนบ้า เขาสร้างตาข่ายด้วยมีดเส้นไหมเพื่อขังมันเอาไว้
แต่คลาวด์บีสต์สีแดงไม่หยุดเคลื่อนไหว ความเร็วของมันเหมือนกับการเทเลพอร์ต มีดเส้นไหมของเขาไม่สามารถสัมผัสตัวของมันได้
เมื่อเห็นคลาวด์บีสต์เร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง หานเซิ่นก็ได้รู้ถึงอะไรบางอย่าง คลาวด์บีสต์ตัวนี้ไม่ได้ใช้การระเบิดความเร็วเพื่อพยายามจะหนี แต่คลาวด์บีสต์ตัวนี้สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วแบบนั้นอยู่แล้ว ซึ่งมันก็สมเหตุสมผลที่คลาวด์บีสต์ตัวนี้ไม่หวาดกลัวที่จะเข้ามาใกล้พวกเขา
คลาวด์บีสต์เคลื่อนไหวไปมาราวกับจรวดที่ทิ้งหมอกควันสีแดงเอาไว้เบื้องหลัง ไม่นานมันก็เห็นได้ชัดว่าเจ้าคลาวด์บีสต์นั้นใช้ควันสีแดงเพื่อเขียนคำว่าโง่
“ว้าว เจ้าตัวนี้มันมีสติปัญญาด้วยหรอเนี่ย” ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้างด้วยความแปลกใจ
“มันเป็นแค่มาร์ควิสตัวหนึ่ง แต่ก่อนที่ชาวนภาจะมาอยู่ที่นี่ มันก็อาศัยอยู่บนยอดเมฆสายรุ้งเรียบร้อยแล้ว และหลังจากที่เวลาผ่านมาอย่างยาวนาน สติปัญญาและพลังของมันก็ได้ก้าวข้ามคลาวด์บีสต์ตัวอื่นๆ แต่มาร์ควิสเป็นระดับสูงสุดแล้วที่มันจะวิวัฒนาการไปถึงได้ ถ้าไม่มีทรัพยากรที่เพียงพอ ซึ่งถ้ามันทำได้ล่ะก็ มันก็จะแข็งแกร่งกว่านี้มาก” ไผ่เดียวดายพูด
“อย่าได้กังวล เมื่อพวกเราจับมันได้แล้ว พวกเราจะพามันไปเดินเล่นและเพิ่มระดับของมันขึ้น” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่คลาวด์บีสต์สีแดง
คลาวด์บีสต์พุ่งไปในท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง และหมอกควันสีแดงที่มันปล่อยออกมาก็สะกดเป็นคำว่าโง่เง่าขึ้นมา หลังจากนั้นร่างเมฆสีแดงก็ก่อตัวเป็นอีโมจิราวกับว่ามันกำลังมองดูพวกเขาด้วยความดูถูก
หลังจากนั้นร่างเมฆสีแดงก็เริ่มบิดเบี้ยวและก่อตัวเป็นมือสีแดงที่ยกนิ้วกลางให้กับหานเซิ่น
“ไอ้เวรนี่มันจะมากเกินไปแล้ว!” หานเซิ่นเรียกปีกมังกรออกมาด้านหลังและบินเข้าไปหาคลาวด์บีสต์ตัวนั้นด้วยความเร็วสูง
ขณะที่คลาวด์บีสต์เร่งความเร็วขึ้นเพื่อหลบหลีกมีดลมปราณ หานเซิ่นก็กระพือปีกและไปปรากฏตัวเหนือหัวเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดง
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ฟันลงมาขณะที่พูด “ไอ้บ้า ไหนลองอวดดีอีกครั้งสิ”
เจ้าคลาวด์บีสต์หลบได้อย่างเฉียวฉิว มีดของหานเซิ่นอยู่ห่างจากหัวของคลาวด์บีสต์เพียงแค่เส้นผมเท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วเจ้าคลาวด์บีสต์ก็เร่งความเร็งและทิ้งระยะห่างจากพวกเขาไปได้อีกครั้ง
หานเซิ่นมองดูคลาวด์บีสต์ตัวนั้นวิ่งหนีไป หลังจากนั้นร่างก้อนเมฆของมันก็บิดเบือนเป็นอีโมจิสีหน้ายิ้มเยาะใส่เขา
หานเซิ่นยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายขณะที่กวัดแกว่งมีดขนนกโลหิต มีดเส้นไหมที่มองไม่เห็นพันเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นตาข่าย
เมื่อคลาวด์บีสต์ถูกมีดเส้นไหมของหานเซิ่น เมฆรอบๆตัวของมันก็ถูกตัดขาดราวกับเป็นเต้าหู้ แต่หานเซิ่นควบคุมมีดเส้นไหมเป็นอย่างดี เพราะเขาไม่มีแผนที่จะฆ่ามัน
“ตอนนี้แกยังจะกล้าอวดดีอีกไหม?” หานเซิ่นตะโกนใส่คลาวด์บีสต์สีแดง
แต่ทันใดนั้นเจ้าคลาวด์บีสต์ก็เร่งความเร็วขึ้นอีกและพุ่งผ่านมีดเส้นไหมของหานเซิ่นไป ขณะที่ตัวถูกตัดเป็นชิ้นๆด้วยมีดเส้นไหมบางๆ
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาแค่ต้องการจะสั่งสอนบทเรียนให้กับมันเท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการจะฆ่ามัน
มีดเส้นไหมตัดร่างของคลาวด์บีสต์สีแดงเป็นเส้นๆเหมือนกับริบบิ้น แต่ริบบิ้นเหล่านั้นก็กลับมารวมตัวกันเป็นก้อนเมฆก้อนหนึ่ง หลังจากนั้นมันก็ก่อตัวเป็นรูปร่างของนิ้วโป้งที่กดลง
‘คลาวด์บีสต์ตัวนี้แข็งแกร่งจริงๆ’ หานเซิ่นคิด
มันรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ และร่างกายของมันก็สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้หลังจากที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ หานเซิ่นจึงไม่แน่ใจว่าควรจะจับซีโน่เจเนอิคแบบนั้นได้ยังไง
ไผ่เดียวดายเองก็พยายามจับมันหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาเองก็ล้มเหลวทุกครั้งเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็น 2 มาร์ควิสที่รวดเร็วที่สุดแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถไล่จับคลาวด์บีสต์สีแดงตัวนี้ได้
ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้การเทเลพอร์ตเพื่อไปถึงตัวเจ้าคลาวด์บีสต์และโจมตีใส่มัน แต่มันก็ยังคงหลบมีดลมปราณของเขาได้อยู่ดี ยิ่งพวกเขาพยายามจับตัวมันมากเท่าไหร่ พวกเขาก็รู้สึกนับถือมันมากขึ้นเท่านั้น แม้แต่ดยุกคนหนึ่งก็ไม่สามารถรับมือกับซีโน่เจเนอิคตัวนี้ได้
ถึงแม้พวกเขาจะโจมตีถูกร่างก้อนเมฆของเจ้าคลาวด์บีสต์ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ร่างกายของมันเป็นเหมือนกับน้ำ หลังจากที่ส่วนหนึ่งถูกตัดออกไป มันก็สามารถประสานเข้าด้วยกันใหม่ได้
ไผ่เดียวดายหมุนดาบหยกจนกลายเป็นบางสิ่งที่คล้ายคลึงกับพายุทอร์นาโด วังวนหยกที่เกิดขึ้นพยายามจะดูดเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงเข้าไปข้างใน
แต่เจ้าคลาวด์บีสต์นั้นสามารถเร่งความเร็วขึ้นเพื่อหนีออกจากแรงดูดจากวังวนได้อย่างง่ายดาย
ไผ่เดียวดายไม่สามารถทำอะไรต่อเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงได้ และเขาก็พ่ายแพ้ให้กับมันเช่นเดียวกับหานเซิ่น
“ไม่แปลกใจเลยที่มันรอดมาได้ยาวนานขนาดนี้ เจ้านี่มันแข็งแกร่งจริงๆ!” ไผ่เดียวดายพูด
“แข็งแกร่งจริงๆนั่นแหละ แต่ดูเหมือนมันจะโจมตีกลับไม่ได้” หานเซิ่นพูด
พวกเขาไม่มีหวังจะจับตัวคลาวด์บีสต์ตัวนี้ได้ ดังนั้นไผ่เดียวดายจึงล้มเลิกเรื่องนี้ไปก่อนและพูด
“ข้าจะไปจับคลาวด์บีสต์ระดับมาร์ควิสแทน แล้วเจ้าล่ะ?”
“ข้ามีนกกระเรียนไร้ขาอยู่แล้ว ข้าไม่ต้องการเปลี่ยนไปใช้สัตว์ขี่ตัวอื่น”
หานเซิ่นส่ายหัว นอกซะจากเขาจะได้ซีโน่เจเนอิคที่พิเศษอย่างคลาวด์บีสต์สีแดงตัวนั้น เขาก็ไม่คิดจะไปจับซีโน่เจเนอิคตัวไหนมาเป็นสัตว์ขี่อีก เพราะยังไงซะเขาก็รวดเร็วยิ่งกว่าซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสทั่วไป ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะไปจับซีโน่เจเนอิคธรรมดาตัวหนึ่งมา เพียงแค่นกกระเรียนไร้ขาก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
ไผ่เดียวดายจับนกเมฆระดับมาร์ควิสตัวหนึ่งมา มันไม่ได้ความพยายามอะไรมากนัก เพราะซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสช้ากว่าไผ่เดียวดาย ดังนั้นเขาจึงจับมันได้อย่างง่ายดาย
เมื่อหานเซิ่นและไผ่เดียวดายกำลังจะเดินทางกลับ เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงก็บินมาตรงหน้าพวกเขาและใช้หมอกควันสะกดเป็นคำพูด
“โง่เง่า! โง่เง่า! มาจับข้าให้ได้สิ”
‘ไอ้เวรเอ๊ย ฉันจะต้องจับตัวแกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เรียกตัวเองว่าหานเซิ่นอีก‘
หานเซิ่นรู้สึกโกรธ แต่เขาไม่ได้หันกลับไปไล่ตามมัน เขารู้ว่าในตอนนี้ไม่สามารถจับคลาวด์บีสต์ตัวนี้ได้ แต่เขาเชื่อว่าจะหาหนทางได้ในที่สุด