“ได้โปรดช่วยข้าจัดการกับเจ้าเวรนี่เร็วเข้า! เขาคือคนที่ฆ่าคนงานของข้าและชาวไนท์โกสต์” ข่านตะโกนบอกเมื่อเห็นหานเซิ่นและคนอื่นๆ
“ในที่สุดพวกเราก็พบมัน!” ดยุกสลีปเลสส์พูดออกมาอย่างดีใจขณะที่รีบเข้าไปช่วยต่อสู้
หานเซิ่นและไผ่เดียวดายมองหน้ากัน หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าไปช่วยเช่นเดียวกัน
ชายคนนั้นเรืองแสงสีฟ้าออกมาขณะที่ต่อสู้ เขาบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถต่อสู้กับข่านที่เป็นเดม่อนระดับมาร์ควิสได้อย่างสบายๆ
แต่เมื่อทั้ง 3 เข้าร่วมด้วย การต่อสู้ก็กลายเป็นแบบ 4 ต่อ 1 ซึ่งนั่นควรจะทำลายสมดุลของพลังและจบการต่อสู้ในทันที แต่ถึงพวกเขาทั้ง 4 คนจะไล่ต้อนชายคนนั้นได้ แต่พวกเขาทั้ง 4 คนกลับไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้
หานเซิ่นสามารถยืนยันได้ทันทีว่าชายคนนี้เป็นสมาชิกของพยุหะโลหิต เพราะเขาเหมือนกับเทพแห่งผลกรรมอย่างมาก และสัมผัสที่เขาปลดปล่อยออกมามีแต่สมาชิกของพยุหะโลหิตเท่านั้นที่จะมี
ชายคนนั้นคำรามราวกับอสูร เขาชกหมัดไปใส่มีดของข่านและทำให้มันกระเด็นออกไป หลังจากนั้นเขาก็ชกอีกหมัดไปใส่กรงเล็บของดยุกสลีปเลสส์ เขาสามารถต่อสู้กับทั้ง 2 คนได้พร้อมๆกัน
ข่านใช้พลังมารนภา แต่ชายคนนั้นกลับทนต่อการโจมตีที่เข้ามาได้อย่างสบายๆ แม้แต่ดยุกสลีปเลสส์ที่เป็นเผ่าพันธุ์ไนท์โกสต์ที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถชิงความได้เปรียบเหนือชายคนนั้นได้
ขณะที่ชายคนนั้นใช้หมัดโจมตีใส่ข่านและดยุกสลีปเลสส์ ดาบของไผ่เดียวดายก็ฟันเข้าไปที่อกของเขา
เขาไม่ควรจะป้องกันการโจมตีที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังของไผ่เดียวดายได้ แต่ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ระเบิดแสงสีฟ้าออกมา เขาโซเซถอยหลังไปเล็กน้อยจากการสูญเสียสมดุล แต่เขาก็ป้องกันดาบของไผ่เดียวดายเอาไว้ได้
แต่หานเซิ่นได้แอบลอบไปด้านหลังของชายคนนั้นอย่างเงียบๆและฟันไปที่คอของเขาด้วยมีดเขี้ยวผีสิง
ข่านและดยุกสลีปเลสส์รีบพุ่งเข้ามาข้างหน้าเพื่อโจมตีใส่ชายคนนั้น
เคร๊ง!
หานเซิ่นจับตัวชายคนนั้นโยนไปให้กับไผ่เดียวดาย หลังจากนั้นเขาก็ใช้มีดปัดป้องการโจมตีของข่านและดยุกสลีปเลสส์ที่เข้ามา
ขาของหานเซิ่นลากไปกับพื้นเป็นทางยาวกว่าสิบเมตรขณะที่กระเด็นถอยหลังไป แต่ตอนนี้ดาบของไผ่เดียวดายชี้ไปที่คอของชายคนนั้นทำให้ไม่สามารถเขาเคลื่อนไหวไปไหนได้อีก
“หานเซิ่น เจ้ากำลังทำอะไร? เขาฆ่าคนของพวกเราไปมากมาย เขาสมควรตาย!” ดยุกสลีปเลสส์ดูโกรธอย่างมาก ร่างกายของเธอลุกโชติช่วงด้วยเปลวไฟสีดำ และเธอก็พุ่งเข้ามาจู่โจมใส่ชายคนนั้นอีกครั้งด้วยกรงเล็บของเธอ
หานเซิ่นกระพือปีกมังกรและเทเลพอร์ตไปตรงหน้าเธอ เขาใช้ท่าฟันต่อฟันเพื่อปัดป้องการจู่โจมของเธอ ร่างกายของหานเซิ่นกระเด็นถอยไปอีกครั้ง
“หานเซิ่น! มันเป็นเพราะเขาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเจ้าอย่างนั้นหรอ เจ้าถึงได้ปกป้องเขา? แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามคนของพวกเราจะตายไปเปล่าๆไม่ได้!”
“ใช่แล้ว คนงานของข้าเองก็จะตายไปเปล่าๆไม่ได้เช่นกัน เขาต้องชดใช้”
ข่านใช้มีดฟันเข้าใส่ชายที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของไผ่เดียวดาย
“ไผ่เดียวดาย รักษาชีวิตของเขาเอาไว้” หานเซิ่นใช้มีดเขี้ยวผีสิงฟันปะทะกับกรงเล็บของดยุกสลีปเลสส์อีกครั้ง และเขาก็ถูกผลักถอยออกไป
ดยุกสลีปเลสส์แข็งแกร่งกว่าหานเซิ่นมาก ซึ่งหานเซิ่นก็รู้ตัวว่าไม่สามารถเอาชนะเธอในการปะทะกันตรงๆได้
ดาบของไผ่เดียวดายยังคงชี้ที่คอของชายคนนั้น เขาเมินเฉยต่อมีดของข่านและชี้นิ้วออกไปที่หน้าผากของข่าน แสงพุ่งออกไปที่กลางหน้าผากของข่านด้วยความเร็วสูง
ไผ่เดียวดายรู้ว่าไม่สามารถหลบหลีกพลังมารนภาที่ไม่มีวันพลาดเป้าได้ ถ้าข่านยังคงโจมตีเข้ามาแบบนั้น ไผ่เดียวดายก็คงจะถูกมันเข้าอย่างแน่นอน แต่แบบนั้นหัวของข่านเองก็จะถูกแสงเจาะเข้าไปเช่นเดียวกัน
ข่านขมวดคิ้วและเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหว เขาฟันไปยังแสงที่พุ่งเข้ามาแทน
ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่มีใครที่ได้เปรียบ ข่านไม่สามารถจู่โจมโดยที่ไม่เปิดช่องว่างให้กับไผ่เดียวดายได้
“เจ้าคือหานเซิ่น?” ชายคนที่ถูกดาบของไผ่เดียวดายจี้คออยู่ไม่ได้ดูหวาดกลัวอะไร เขามองหานเซิ่นที่กำลังต่อสู้กับดยุกสลีปเลสส์
หานเซิ่นอ่อนแอกว่าดยุกสลีปเลสส์ แต่ด้วยความเร็วและความสามารถในการเทเลพอร์ต ทำให้เขาสามารถหยุดเธอจากการเข้าไปถึงตัวไผ่เดียวดายได้
“ใช่แล้ว” หานเซิ่นตอบ
ชายคนนั้นพูดต่อ “เทพแห่งผลกรรมได้พูดถึงเรื่องของเจ้าเอาไว้มาก เจ้าควรจะรู้สินะว่าข้ามาจากที่ไหน?”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น” หานเซิ่นพูด
“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในตอนที่ข้าบาดเจ็บสาหัส ทอรัสได้พาข้ามาที่นี่ แต่ข้าพอมีพละกำลังหลงเหลืออยู่ ข้าจึงพยายามจะหนีออกไป แต่ข้าก็ต้องมาติดเหง็กอยู่ในโกดังนี้ ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ข้าไม่ได้ออกจากที่นี่ตั้งแต่ที่ถูกพาตัวมา” ชายคนนั้นพูด
“เหลวไหล! เจ้าจะบอกว่าความตายของไนท์โกสต์ทั้งหมดเป็นแค่เรื่องแต่งหรือยังไงกัน?” ดยุกสลีปเลสส์ตะโกนและพยายามเข้าไปโจมตีใส่ชายคนนั้นอีกครั้ง
หานเซิ่นเข้าไปหยุดเธอเอาไว้และพูด “ดยุกสลีปเลสส์ ข้ารับประกันได้ว่าเขาไม่เคยไปที่ถนนไนท์ริงสายสิบสอง และเขาก็ไม่เคยถูกส่งตัวไปให้กับเจ้า เจ้าพูดโกหก!”
“อะไรกันที่ทำให้เจ้าแน่ใจว่าเป็นอย่างนั้น? เจ้าก็แค่ต้องการจะปกป้องเผ่าพันธุ์ตัวเอง” ดยุกสลีปเลสส์พูดขณะที่ใช้กรงเล็กฟันเข้าใส่หานเซิ่น
หานเซิ่นกระพือปีกและหายตัวไป เขาปรากฏอีกครั้งด้านข้างของดยุกสลีปเลสส์และพูด “ไผ่เดียวดาย เจ้ารีบพาเขาไปจากที่นี่”
ไผ่เดียวดายพยักหน้าและเริ่มลากชายคนนั้นออกไปขณะที่ต่อสู้กับข่านไปด้วย
เมื่อเห็นไผ่เดียวดายลากชายคนนั้นไป และข่านไม่สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้ ดยุกสลีปเลสส์ก็กรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ มันดังสะนั่นไปทั่วทุกซอกทุกมุมของฐานทัพ
“จะไม่มีใครออกไปจากที่นี่ได้ทั้งนั้น!” ดยุกสลีปเลสส์กรีดร้องด้วยเสียงที่แสบแก้วหู
“ดยุกสลีปเลสส์ นี่เจ้ารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?” ไผ่เดียวดายพูด
“ข้ารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไนท์โกสต์ตกอยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าพันธุ์นภามาเป็นเวลานาน แต่ตอนนี้พวกเราไม่คิดจะเชื่อฟังพวกเจ้าอีกต่อไป!” ดยุกสลีปเลสส์พูด
เงามากมายเริ่มมารวมตัวกันบนท้องฟ้า พวกมันเป็นเหมือนกับก้อนเมฆสีดำ ซึ่งพวกเขาทั้งหมดก็คือชาวไนท์โกสต์
ชาวไนท์โกสวต์ที่ปรากฏตัวบนท้องฟ้าดูแตกต่างไปจากปกติ พวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความจริงที่พวกเขาส่วนใหญ่เป็นระดับมาร์คริสและยังมีหลายคนที่เป็นระดับดยุกปะปนอยู่ด้วย
ไผ่เดียวดายขมวดคิ้ว พวกไนท์โกสต์ควรจะมีดยุกแค่คนเดียว ซึ่งก็คือดยุกสลีปเลสส์ที่เป็นผู้นำ แต่ตอนนี้พวกเขามีดยุกอยู่หลายคน ซึ่งมันหมายความว่าพวกเขาทั้งหมดต้องกินสิ่งมีชีวิตเข้าไปถึงเพิ่มระดับได้รวดเร็วขนาดนี้