“มันเร็วถึงขนาดนั้นได้ยังไงกัน?” ข่านอุทานออกมา แต่ก่อนที่เขาจะรู้ตัว มันก็สายเกินไปแล้ว เพราะหานเซิ่นไล่ตามเขามาจนทันด้วยการขี่คลาวด์บีสต์สีแดง
ดวงตาของข่านเปลี่ยนเป็นสีม่วง และเขาสีม่วงบนหัวของเขาก็ลุกไหม้เหมือนกับเหล็กสีแดง พร้อมกับปลดปล่อยแสงสีม่วงออกมา
กล้ามเนื้อของข่านเริ่มปูดขึ้นมาจนกระทั่วชุดเกราะที่เขาสวมใส่อยู่แตกกระจาย ในชั่วพริบตาร่างมนุษย์ปกติของเขาก็เติบโตกลายเป็นร่างยักษ์ที่น่าสะพรึงกลัว
เส้นเอ็นของข่านบิดเบี้ยวอยู่ใต้ผิวหนังราวกับงู และผิวของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงที่ดูแปลกประหลาด เส้นผมของเขายาวขึ้นจนเกือบจะถึงเท้า ความกดดันอันน่ากลัวแพร่กระจายออกมาจากร่างกายของข่าน ราวกับว่าเขาเป็นเทพเจ้าที่เหี้ยมโหดจากสมัยโบราณ
ตูม!
ข่านชกเข้าใส่หานเซิ่น และพลังมารนภาก็เริ่มเข้าครอบงำหานเซิ่น
ข่านในร่างยักษ์ทรงพลังขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เขาเหนือยิ่งกว่ามาร์ควิสคนไหนๆ ในร่างนี้เขาสามารถฆ่ามาร์ควิสส่วนใหญ่ได้ และด้วยความแม่นยำของพลังมารนภา เขาก็ไร้เทียมทานเมื่ออยู่ต่อหน้ามาร์ควิส
ในร่างปีศาจยักษ์ การโจมตีของเขาไม่สามารถป้องกันหรือหลบหลีกได้ เขาดูเหมือนกับศัตรูที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง ในด้านความแข็งแกร่งนั้นข่านในร่างปีศาจยักษ์เทียบได้กับความเร็วของเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดง
แต่พลังแบบนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรต่อหานเซิ่น เขาใช้ศาสตร์ตงเสวียนและเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นลำดับโครงสร้าง เขาทำลายพลังมารนภาที่เข้ามา และด้วยความเร็วของเจ้าคลาวด์บีสต์สีแดง มันก็ทำให้เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีของข่านได้สำเร็จ
เมื่อเห็นอย่างนั้นตาดำของข่านก็หดเล็กลงไป เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีอะไรที่สามารถหลบหลีกพลังมารนภาได้ นอกจากนั้นเขาก็ไม่มีเวลาจะดึงหมัดกลับมาเพื่อป้องกันอีกแล้ว
เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงเป็นเหมือนกับสายฟ้า มันพุ่งผ่านคอของข่านไป ขณะเดียวกันหานเซิ่นก็ใช้มีดเขี้ยวผีสิงฟันออกไป
กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งถูกตัดด้วยมีดลมปราณสีม่วงเข้ม และเลือดก็เริ่มจะหลั่งไหลออกมาราวกับน้ำตก แต่คอของข่านมีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้บาดแผลที่หานเซิ่นทิ้งเอาไว้เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับขนาดของปีศาจยักษ์แล้ว
ข่านคำรามออกมาและกระหน่ำชกหมัดออกไปโดยหวังว่ามันจะถูกตัวหานเซิ่นสักหมัด
ข่านนั้นแข็งแกร่งเท่าที่มาร์ควิสคนหนึ่งจะแข็งแกร่งได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพลังมารนภากลับไม่สามารไปถูกตัวหานเซิ่นได้ คลาวด์บีสต์สีแดงบินวนรอบตัวของเขาราวกับสายฟ้า
บนร่างของข่านเริ่มมีบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ และในทุกบาดแผลก็ถูกปกคลุมด้วยมีดลมปราณสีม่วงเข้ม ซึ่งมันกำลังฉีกร่างของข่าน และทำให้เลือดไหลออกมามากยิ่งกว่าเดิม
ปีศาจยักษ์คำรามออกมาและยังคงพยายามชกออกไปอย่างต่อเนื่อง
“ทำไมกัน? ทำไมพลังมารนภาของข้าถึงไม่ได้ผล? นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพยายามทำ ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ หานเซิ่นยังคงปลดปล่อยมีดลมปราณออกมาเรื่อยๆ และหลังจากที่โจมตีอีก 2-3 ครั้ง เจ้าคลาวด์บีสต์สีแดงก็บินมาลอยตัวอยู่ตรงหน้าของข่าน
“ข่าน ในตอนที่เจ้ารู้ว่าไผ่เดียวดายและข้ามาถึงดาวไนท์โกสต์ เจ้าก็มีแผนจะใช้เหล่าไนท์โกสต์กำจัดพวกเราอยู่แล้ว ข้าพูดถูกใช่ไหม?” หานเซิ่นมองข่านขณะที่พูดออกมา
ข่านหันไปอีกทางโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาต้องการจะหนีไป
หานเซิ่นเริ่มกวัดแกว่งมีดเขี้ยวผีสิงอีกครั้ง และมีดลมปราณสีม่วงที่บางยิ่งกว่าเส้นผมก็ปรากฏขึ้นรอบๆตัวของข่าน
ข่านคำรามออกมาด้วยความโกรธ เขาพยายามปลดปล่อยพลังออกมาเพื่อจะตัดมีดเส้นไหมที่รัดตัวของเขาอยู่
แต่ทว่าเขาประเมินประสิทธิภาพมีดเส้นไหมของหานเซิ่นต่ำเกินไป แม้แต่พลังอันมหาศาลของเขาก็ไม่เพียงพอจะทำลายพวกมันทั้งหมดได้ การดิ้นรนของเขามีแต่จะทำให้พวกมันฝังลึกเข้าไปในเนื้อหนังของเขามากขึ้นอีก
หานเซิ่นโบกมีดเขี้ยวผีสิงไปมาเพื่อทำให้มีดเส้นไหมรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม พวกมันตัดร่างปีศาจยักษ์ของข่านเป็นชิ้นๆในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที
เศษเนื้อและเลือดกระจัดกระจายออกมา ขณะที่หอกเลือดปีศาจและนกยูงโลหะถูกปลดปล่อยออกมาท่ามกลางร่างกายของข่าน
หานเซิ่นเข้าไปเก็บหอกเลือดปีศาจและนกยูงโลหะมา แต่ทันใดนั้นก็มีแสงสีม่วงปรากฏออกมาจากซากศพของข่าน ซึ่งมันพุ่งหายไปในอวกาศอย่างรวดเร็ว
“นั่นคืออะไรกัน?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว แสงสีม่วงนั้นรวดเร็วเกินกว่าที่หานเซิ่นจะเห็นได้ว่ามันคืออะไร
แต่หานเซิ่นรู้ว่าข่านยังไม่ตาย มันเห็นได้ชัดว่าข่านเป็นซีโน่เจเนอิค แต่เขาก็ยังไม่ได้ยินเสียงประกาศจากการที่ฆ่าข่าน
หานเซิ่นค้นชิ้นส่วนยีนซีโน่เจเนอิคในร่างใหญ่ยักษ์ของข่าน แต่เขาก็ไม่สามารถหายีนซีโน่เจเนอิคได้เช่นกัน
“แสงสีม่วงที่หนีไปได้คงจะเป็นยีนซีโน่เจเนอิคของข่านไม่ผิดแน่”
หานเซิ่นไม่รู้ว่าข่านหนีไปได้ยังไง แต่ไม่ว่าจะยังไงตอนนี้เขาก็หายไปแล้ว ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงเก็บหอกเลือดปีศาจกับนกยูงโลหะไปและเดินทางกลับดาวไนท์โกสต์
ไผ่เดียวดายได้จับตัวดยุกสลีปเลสส์เอาไว้ และการก่อกบฏของเผ่าพันธุ์ไนท์โกสต์ก็ถึงการสิ้นสุด
เมื่อคนของปราสาทนภามาถึง พวกเขาก็พาดยุกสลีปเลสส์และไนท์โกสต์ที่เหลือดรอดกลับไปที่ปราสาทนภา หานเซิ่นและไผ่เดียวดายหยุดการก่อกบฏของพวกเขาได้สำเร็จ ซึ่งทำให้พวกเขาทั้ง 2 คนได้รับรางวัลจากผู้อาวุโส
นอกจากจีโนฟลูอิดและสมบัติแล้ว พวกเขายังได้รับโอกาสให้เข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เพื่อเลือกวิชาจีโนตัวใหม่
แต่ทว่าหานเซิ่นยังไม่มีเวลาฝึกวิชาจีโนอื่น เพราะตอนนี้เขาก็แทบจะไม่มีเวลาฝึกวิชาปราบมารแล้ว ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลที่เขาต้องไปตำหนักศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้
หานเซิ่นต้องการจะถามซีเหมินยงหลายคำถาม แต่ในตอนที่เขากลับไปที่ดาวไนท์โกสต์นั้น ซีเหมินยงก็ได้หายตัวไปแล้ว แต่ทว่าชายคนนั้นได้ทิ้งหมายเลขสำหรับติดต่อเอาไว้บนก้อนหิน
เมื่อกลับไปที่ปราสาทนภา ผู้นำของปราสาทนภาก็เรียกตัวหานเซิ่นไปพบ เขาจ้องหานเซิ่นอยู่สักพัก และในที่สุดเขาก็พูดขึ้นมา
“เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของปราสาทนภาที่แท้จริง แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ทำประโยชน์ให้กับพวกเรามากมาย ถ้าเจ้าต้องการอะไร ข้าจะมอบคำขอที่เป็นอันสมควรให้กับเจ้า”
“ท่านผู้นำ ท่านหมายความว่ายังไงที่ว่าคำขอที่เป็นอันสมควร?”
หานเซิ่นไม่คิดว่าผู้นำของปราสาทนภาจะพูดอย่างจริงใจ เพราะเขาสามารถปฏิเสธคำขออะไรก็ตามที่หานเซิ่นต้องการได้ ด้วยการกล่าวอ้างว่ามันไม่เป็นอันสมควร โดยผิวเผินแล้วมันอาจจะฟังดูดี แต่จริงๆแล้วมันค่อนข้างขี้เหนียว
“หมายความว่าข้าจะพยายามตอบสนองสิ่งที่ข้ารู้สึกว่ามันสมควร” ผู้นำของปราสาทนภาพูดพร้อมกับหลี่ตา
หานเซิ่นยักไหล่และคิดว่าผู้นำปราสาทนภาเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้โมโหอะไร แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะขอได้มากสักแค่ไหน
‘เขาจะไม่ให้อะไรที่มากเกินไป แต่เราก็ไม่อยากจะได้อะไรที่น้อยเกินไปเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นเราควรจะขออะไรดี?’ หานเซิ่นสงสัย