ความแตกต่าง
เหล่าผู้อาวุโสตะโกนใส่กัน พวกมันกำหมัดแน่นและเส้นเลือดก็ปวดขึ้นมา มันดูเหมือนกับว่าการต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้น
ในตอนที่เป่าเอ๋อได้รับลมปราณศักดิ์สิทธิ์จากน้ำเต้าทั้งหมื่น พวกเขายังคงเหลือเกียรติอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเป่าเอ๋อขอลมปราณศักดิ์สิทธิ์ให้กับหานเซิ่น พวกเขาก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป
ชื่อเสียงไม่ได้มีค่าอะไร พวกเขามีชีวิตอยู่มานานพอจนไม่สนใจจะรักษาภายลักษณ์ของตัวเองอีกต่อไป ความร่ำรวยและอำนาจคือทั้งหมดที่สำคัญสำหรับพวกเขา
“ถึงท่านผู้นำและผู้อาวุโสทุกท่าน พวกท่านทุกคนต่างก็มีลูกศิษย์ ลูกชายและลูกสาว ส่วนข้าไม่มีอะไรเลย แบบนั้นแล้วพวกท่านยังต้องการแย่งลูกศิษย์คนหนึ่งไปจากข้าอีกอย่างนั้นหรอ?”
เสียงดังมาจากด้านนอกปราสาท อวี้ซ่านซินเดินเข้ามาพร้อมกับสุนัขของเขา
เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาเหล่าผู้อาวุโสที่เงียบไปชั่วขณะ อวี้ซ่านซินนั้นเป็นครึ่งเทพ และถึงการบุกเข้ามาในปราสาทนภาของเขาจะผ่านมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เมื่อนึกถึงวันนั้นขึ้นมา มันก็ทำให้พวกผู้อาวุโสรู้สึกหวาดกลัว
แถมผู้อาวุโสหลายคนในที่นี่ก็ได้รับตำแหน่งมาเพราะอวี้ซ่านซินฆ่าผู้อาวุโสคนก่อนหน้าไป
“อวี้ซ่านซิน วิชาจีโนของเจ้าเป็นอะไรที่หาได้ยาก ซึ่งมันไม่เหมาะสมกับเป่าเอ๋อ ข้าจำได้ว่ามันมีทารกชาวนถาที่ดูเหมือนหยกคนหนึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นมา ทารกคนนั้นอาจจะเหมาะสำหรับเจ้า”
“ใช่แล้ว ทารกหยกคนนั้นเหมาะกับเจ้ามากกว่า”
“ซ่านซิน เด็กน้อยคนนี้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก มันจะเป็นอะไรที่เสียเปล่าถ้าเจ้าเป็นคนสอนให้กับนาง ทารกที่ดูเหมือนกับหยกคนนั้นเหมาะสมกับเจ้ามากกว่า”
พวกผู้อาวุโสพูดแนะนำขึ้นอย่างมีมารยาท พวกเขาไม่ต้องการล่วงเกินอวี้ซ่านซิน แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะสูญเสียโอกาสที่จะได้สอนให้กับเป่าเอ๋อเช่นเดียวกัน
อวี้ซ่านซินยิ้มและเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
มันไม่ใช่แค่อวี้ซ่านซินเท่านั้นที่ประหลาดใจ สีหน้าของผู้นำปราสาทนภาและพวกผู้อาวุโสก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน มิติบิดเบี้ยวและม้ายูนิคอร์นสีขาวเหมือนกับหิมะก็ปรากฏตัวขึ้นมา ชื่อของมันคือดรีมบีสต์
“นางเป็นของข้า พวกเจ้าคงจะไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ใช่ไหม?”
ดรีมบีสต์เข้ามาข้างๆเป่าเอ๋อและกระพริบตาให้กับเธอ หลังจากนั้นมันก็จ้องไปที่พวกผู้อาวุโส
“ดรีมบีสต์… เจ้าและนางแตกต่างกันมากเกินไป นางไม่มีทางฝึกพลังของเจ้าได้”
“ข้าแค่มาที่นี่เพื่อแจ้งให้พวกเจ้าทราบ ข้าไม่ได้ถามความเห็นของพวกเจ้า”
หลังจากนั้นดรีมบีสต์ก็เมินเฉยต่อพวกเขาและหันมาหาหานเซิ่น “ตามข้ามา”
หานเซิ่นอยู่กับดรีมบีสต์เป็นเวลาหลายเดือน เขารู้ดีว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน เขาคิดว่าถ้าเป่าเอ๋อตามมันไปล่ะก็ เธอก็คงจะถูกทรมาน เพียงแค่คิดถึงการที่เป่าเอ๋อต้องดำลงไปในทะเลสาบเพื่อค้นหาหินอัญมณี มันก็ทำให้เขารู้สึกแย่แล้ว
แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะตัดสินใจได้ เป่าเอ๋อก็ยิ้มและกระโดดขึ้นไปบนหลังของดรีมบีสต์แล้ว
ทุกคนรู้สึกแปลกใจ ดรีมบีสต์เป็นถึงซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ไม่ใช่แค่ม้าตัวหนึ่งที่มีเอาไว้ขี่ เมื่อก่อนเคยมีราชันคนหนึ่งเรียกมันว่าม้าแก่ และดรีมบีสต์ก็สะกดเขาในฝันร้าย ซึ่งจนถึงตอนนี้ราชันคนนั้นก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
แต่ดรีมบีสต์ดูเหมือนจะไม่ได้รังเกลียดอะไรที่เป่าเอ๋อขึ้นขี่หลังของมัน มันพาเป่าเอ๋อออกไปจากปราสาทและตรงไปที่เกาะความฝันในทันที
หานเซิ่นจึงรีบตามไป ถึงแม้เขาจะไม่อยากกลับไปที่เกาะความฝัน แต่ตอนนี้เป่าเอ๋อได้มุ่งหน้าไปที่นั่นแล้ว ซึ่งเขาไม่รู้ว่าดรีมบีสต์ตั้งใจจะทำอะไรกับเป่าเอ๋อกันแน่
“ท่านผู้นำ ท่านปล่อยให้ดรีมบีสต์ทำอย่างนั้นได้ยังไง? ท่านควรแก้ไขเรื่องนี้!”
เมื่อพวกผู้อาวุโสรู้สึกตัวถึงสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น พวกเขาก็เริ่มจะบ่นกับผู้นำของปราสาทนภา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีใครคิดจะเข้าไปหยุดดรีมบีสต์
อวี้ซ่านซินเดินออกจากปราสาทไปพร้อมกับสุนัขของเขา
ผู้นำของปราสาทนภาไหล่ตกและพูด “ถ้าพวกเจ้าคนไหนนำเป่าเอ๋อมาจากดรีมบีสต์ได้ พวกเจ้าก็จะได้เป็นอาจารย์ของนาง”
ผู้อาวุโสแต่ละคนมองหน้ากันและสงสัยว่าใครมันจะไปกล้าชิงตัวเป่าเอ๋อมาจากดรีมบีสต์
หานเซิ่นไล่ตามดรีมบีสต์ไป แต่เขาไม่สามารถไล่ตามได้ทัน ดรีมบีสต์เข้าไปในก้อนเมฆและหายลับไป แต่โชคดีที่เขารู้ว่าเกาะความฝันอยู่ที่ไหน
หานเซิ่นกังวลว่าเป่าเอ๋อจะต้องทุกข์ทรมานภายใต้การสั่งสอนของดรีมบีสต์ ถ้าเธอต้องใช้เวลาในต่อละวันไปกับการขุดเอาหินอัญมณีขึ้นมาล่ะก็ เขาก็คงจะพาตัวเธอกลับ
เขาจะไม่ปล่อยให้เป่าเอ๋อต้องทนทรมานแบบนั้น ที่นี่คือปราสาทนภา ไม่ว่าดรีมบีสต์จะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเอาเป่าเอ๋อไปเป็นลูกศิษย์ได้ถ้าหานเซิ่นไม่ยินยอม
เมื่อหานเซิ่นไปถึงเกาะความฝัน เขาก็เห็นดรีมบีสต์กับเป่าเอ๋อ แต่สถานการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิด
หานเซิ่นคิดว่าเป่าเอ๋อจะต้องถูกบังคับให้เก็บหินอัญมณี หรืออย่างน้อยเธอก็ต้องทนกับการปฏิบัติที่โหดร้าย
แต่สิ่งที่หานเซิ่นเห็นคือดรีมบีสต์นอนพักอยู่ใต้กิ่งของต้นไม้ต้นหนึ่งและเป่าเอ๋อก็นั่งอยู่ข้างๆ มันมีผลไม้อยู่ตรงหน้าของเป่าเอ๋อจำนวนมาก ซึ่งพวกมันเป็นสิ่งที่หานเซิ่นไม่เคยได้เห็นมาก่อน ยกเว้นแต่ผลไม้ชนิดหนึ่ง
ผลไม้ชนิดที่หานเซิ่นเคยเห็นมาก่อนนั้นเป็นผลไม้ที่ดูเหมือนกับองุ่น อี๋ซาเคยมอบมันให้กับเขา และมันก็ทำให้เขาวิวัฒนาการกลายเป็นขุนนางได้สำเร็จ
เป่าเอ๋อหยิบพวกมันขึ้นมาและเริ่มจะกินพวกมันเข้าไปทีละลูก
‘มันต้องเป็นแค่ภาพลวงตาแน่ๆ พวกมันไม่มีทางจะเป็นผลว่างเปล่าไปได้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
เมื่อเป่าเอ๋อเห็นหานเซิ่นเดินเข้ามา เธอกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาและให้องุ่นลูกหนึ่งกับเขา
“พ่อ! ลองกินผลไม้นี่ดู มันอร่อยมากๆ”
หานเซิ่นอ้าปากและกินมันเข้าไป เมื่อเขากัดมัน เขาก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา
มันเป็นผลว่างเปล่าจริงๆ ดรีมบีสต์นั้นให้พวกมันกับเป่าเอ๋อราวกับว่ามันเป็นขนมห่อหนึ่ง
‘ไอ้เวรนี่! ทำไมในตอนที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันต้องทำงานเหมือนกับทาสคนหนึ่ง แต่เป่าเอ๋อกลับได้รับผลว่างเปล่าราวกับเป็นขนม? นี่มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด’ หานเซิ่นรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา
ดรีมบีสต์ไม่ได้บังคับให้เป่าเอ๋ออยู่ที่นั่นเช่นกัน มันบอกกับเป่าเอ๋อว่าจะเข้ามาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มันมีความแตกต่างในการปฏิบัติระหว่างคน 2 คนมากถึงขนาดนี้?” หานเซิ่นรู้สึกอยากจะไปเกิดใหม่อีกครั้ง
พวกเขาเพลิดเพลินอยู่บนเกาะความฝันเป็นเวลาหนึ่งวัน หลังจากนั้นหานเซิ่นก็พาเป่าเอ๋อกลับไปที่เกาะของเขา และหลังจากที่พักผ่อนเสร็จแล้ว เขาก็พาเป่าเอ๋อไปที่ยอดเมฆสายรุ้ง