Super God Gene – ตอนที่ 2150
แมงมุมผู้พิทักษ์ดูเหมือนจะพ่นใยไม่ได้ แต่ปลายเท้าของมันแต่ละข้างนั้นแหลมคมยิ่งกว่ามีดไหนๆ แม้แต่ชุดเกราะของนักสู้ระดับดยุกก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากอุ้งเท้าของพวกมันได้
เมื่อแมงมุมสีแดงออกมาจากปากของรูปปั้น มันก็บินเข้ามาหาผู้บุกรุกในทันที พร้อมกับกวัดแกว่งขาทั้ง 6 ที่เหมือนกับใบมีดเข้าใส่ศัตรู
อวี้เอียะสั่งให้ทุกคนถอยออกไป และเมื่อหลบจากการโจมตีของเจ้าแมงมุมพ้นแล้ว พวกเขาก็ค่อยๆโอบล้อมมันเข้ามา พวกเขายกดาบขึ้นและโจมตีใส่แมงมุมอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่มันไม่ได้ผลอะไร เพราะดาบของพวกเขาเด้งออก พวกมันไม่แม้แต่จะทิ้งรอยขีดข่วนเอาไว้บนร่างกายของแมงมุมสีแดง
“เจ้าตัวใหญ่นั้นต้องเป็นระดับดยุกแน่ๆ!” ยวิ๋นอี้ตะโกน
อวี้เอียะพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากนั้นเขาก็ดึงดาบออกมาและออกคำสั่งให้ทุกคนจู่โจมไปที่จุดเดียวกัน พลังของพวกเขาทุกคนพุ่งเข้าไปหาแมงมุมสีแดงราวกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว เป้าหมายที่พวกเขาเล็งก็คือปากของมัน ไม่นานพวกเขาก็ทำลายขากรรไกรของมันได้สำเร็จ พร้อมกับทำให้เจ้าแมงมุมร่วงลงมาบนพื้น
หลังจากที่โจมตีอีกหลายครั้ง พวกหานเซิ่นก็สามารถปิดชีวิตของแมงมุมที่ชั่วร้ายตัวนั้นได้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่ได้เป็นคนปิดชีวิตของมัน
หลังจากที่แมงมุมสีแดงตายไป มันก็ไม่มีแมงมุมตัวอื่นออกมาจากปากของรูปปั้นอีก หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็จัดการกับแมงมุมทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครจากปราสาทนภาที่ได้รับบาดเจ็บ แต่เดม่อนหลายคนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ นอกจากนั้นมันยังเป็นทางปราสาทนภาที่เป็นคนจัดการกับแมงมุมสีแดง
‘ดูเหมือนว่าเราควรจะรีบพาหนิงเยวี่ยมาที่นี่ เขาคงจะช่วยได้มากเลย’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
“แปลกจริงๆ ด้วยพลังของทั้ง 3 เผ่าพันธุ์ การรับมือกับแมงมุมพวกนี้ก็ควรจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร แบบนั้นแล้วทำไมถึงมีศพของบุดด้าและดราก้อนมากมายอยู่ที่นี่ แถมระหว่างทางที่พวกเราเข้ามาก็ไม่มีซากศพของพวกแมงมุมเลยแม้แต่ตัวเดียว!” ยวิ๋นอี้มองไปที่ร่างของแมงมุมและขมวดคิ้ว
“มันเป็นเพราะพวกเราไม่ได้แตะต้องพวกแมงมุม” มีเสียงดังขึ้นมา หลังจากนั้นดราก้อนและบุดด้าหลายคนก็เดินออกมา แต่ทว่ามันไม่มีวี่แววของเดสทรอยเยอร์
จู่ๆสถานการณ์ก็ตึงเครียดขึ้นมา ศิษย์ของปราสาทนภาตั้งท่าเตรียมต่อสู้ แต่พวกเขาสังเกตเห็นว่าคนของบุดด้าและดราก้อนได้รับบาดเจ็บ มันดูเหมือนว่าพวกเขาเพิ่งจะผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา
“อย่ากังวลไป ในตอนนี้พวกเราไม่ใช่ศัตรูของพวกเจ้า” ดราก้อนไนน์พูดขึ้นมา
“ดราก้อนเอท พวกเจ้าหมายความว่ายังไง?” ข่านมองไม่เห็นดราก้อนไนน์ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงถามดราก้อนเอท
ดราก้อนเอทพูดอย่างสงบ “เดสทรอยเยอร์หลอกพวกเรา พวกเขาคุ้นเคยกับที่นี่อยู่แล้ว และพวกเขาก็รู้ถึงความลับของมัน พวกเขาจงใจหลอกพวกเราไปยังส่วนที่เป็นอันตราย ทำให้พวกเราหลายคนถูกฆ่า หลังจากนั้นพวกเขาก็หายเข้าไปในปราสาท พวกเราไม่รู้ว่าพวกเขาพยายามจะทำอะไรกันแน่”
“อมิตตาพุทธ! ไม่ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังวางแผนอยู่คืออะไร มันก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเรา ดูเหมือนทางเดสทรอยเยอร์ไม่อยากให้คนอื่นรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่” บุดด้ามาร์ควิสคนหนึ่งพูด
“เจ้ากำลังจะบอกว่าเมืองแห่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับเดสทรอยเยอร์อย่างนั้นหรอ? ข้าคิดว่าเบรกสกายคือประชากรดั้งเดิมของที่นี่ซะอีก” ข่านพูดอย่างคลางแคลงใจ
“เมื่อพวกเขาไปที่ด้านหลังของปราสาท พวกเราไปเจอกับรูปปั้นที่มี 3 หัวและ 6 แขน มันดูเหมือนกับเผ่าเดสทรอยเยอร์ไม่มีผิด ถ้าสมมติฐานของพวกเราถูกต้องล่ะก็ ครั้งหนึ่งเดสทรอยเยอร์อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเบรกสกาย” ดราก้อนเอทพูด
“ถ้านั่นเป็นความจริง พวกเรากำลังตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง เดสทรอยเยอร์พยายามจะฆ่าพวกเราทั้งหมดเพื่อเก็บความลับเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาคงจะไม่ปล่อยให้พวกเราหนีรอดไปได้แน่” ยวิ๋นอี้พูด
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้องโถง “พวกเจ้าเข้าใจถูกแล้ว! อย่าแม้แต่จะคิดหนีไป ไหนๆตอนนี้พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ แบบนั้นแล้วทำไมไม่ตายอยู่ที่นี่เลย?”
เสียงนั้นทำให้ทุกคนตกใจ พวกเขามองไปรอบๆอยู่เป็นนาทีก่อนที่จะรู้ตัวว่าจริงๆแล้วมันดังมาจากรูปปั้น
ขณะที่รูปปั้นโลหะพูด ร่างกายของมันก็เริ่มเคลื่อนไหว รูปปั้นที่ก่อนหน้านี้อยู่ในท่านั่ง ตอนนี้ยืนขึ้นมา ส่วนบนของรูปปั้นทะลุเพดานขึ้นไป มันชกหมัดลงมาพร้อมกับทำลายหลังคาด้านบน
เมื่อเห็นรูปปั้นชกหมัดลงมาหาพวกเขา ทุกคนก็เคลื่อนที่เพื่อหลบหลีกมัน แต่หมัดไม่ใช่ภัยอย่างเดียวที่พวกเขาต้องกังวล เพราะเมื่อหลังคาด้านบนถูกทำลาย พวกซีโน่เจเนอิคที่ดูเหมือนกับแมลงปอก็เริ่มบินผ่านช่องว่างบนเพดานลงมา
ภายในปราสาทตกอยู่ในความโกลาหล รูปปั้นโลหะชกใส่หลังคาอีกหลายครั้ง และทำให้ทั้งปราสาทเกือบจะพังยับเยิน
หานเซิ่นและคนอื่นๆพยายามโจมตีใส่รูปปั้นโลหะ แต่การโจมตีของเขาแทบจะไม่ทิ้งรอยขีดข่วนเอาไว้เลย พวกเขาจึงตัดสินหนีออกไปทางช่องว่างที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้มันมีซีโน่เจเนอิคจำนวนมากโบยบิยอยู่บนอากาศ ทำให้การหนีของพวกเขาเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก
ขณะที่พวกเขาพยายามจะหนีไป มันก็เกิดระเบิดขึ้นรอบๆ รูปปั้นไจแอนท์โลหะลุกขึ้นมาจากสิ่งก่อสร้างที่ถูกทำลายและหันมาทางพวกเขา หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าหนึ่งในรูปปั้นโลหะสูงอย่างน้อยหนึ่งพันเมตร มันมี 3 หัวและ 6 แขน ซึ่งมันดูเหมือนกับเดสทรอยเยอร์ไม่มีผิด
ตอนนี้ทั้ง 4 เผ่าพันธุ์พยายามวิ่งหนีเอาตัวรอด ซีโน่เจเนอิคโลหะนับไม่ถ้วนไล่ล่าพวกเขาอย่างไม่ลดละ แถมเหล่ารูปปั้นโลหะก็น่ากลัวเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้ ความแข็งแกร่งของพวกมันสามารถเทียบได้กับระดับราชัน
รูปปั้นโลหะที่ไล่หานเซิ่นอยู่อ้าปากกว้างและพ่นไฟออกมาราวเพลิงจากขุมนรก
ไม่ไกลออกไปมีไจแอนท์สีฟ้าที่ดูชั่วร้ายอยู่ แสงเทพส่องสว่างออกจากอกของมัน หลังจากนั้นมันก็ปลดปล่อยลำแสงที่ยาวกว่า 50 เมตรออกมา
ไจแอนท์ตัวอื่นๆก็ปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาเช่นกัน ดวงตาของพวกมันเรืองแสงสีแดงและตรงเข้าไปหาหานเซิ่นกับคนอื่น
ทั้ง 4 เผ่าพันธุ์เริ่มรู้สึกสิ้นหวัง ถึงมันจะมีมาร์ควิสหลายคนที่แข็งแกร่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็เป็นแค่มาร์ควิส พวกเขาไม่สามารถต่อสู้กับรูปปั้นไจแอนท์โลหะได้
แถมมันยังมีซีโน่เจเนอิคแมลงปออีกจำนวนมาก และพวกเขาก็ไม่สามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้ด้วย
“ทุกคนมาอยู่ใกล้ๆ ข้า!” หานเซิ่นรู้ตัวว่าพวกเขาไม่มีหวังจะต่อสู้กับพวกมันได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรีบให้ศิษย์ของปราสาทนภาทุกคนมารวมตัวกันรอบๆเขา อวี้เอียะส่งคำสั่งของหานเซิ่นไปสู่สมาชิกทุกคนผ่านเครื่องหมายดาบ
ศิษย์ของปราสาทนภารีบพากันมารวมตัวรอบๆหานเซิ่น เมื่อข่านเห็นอย่างนั้น เขาก็พาเดม่อนที่เหลือรอดอยู่ไปหาหานเซิ่นด้วยเช่นกัน
ทางดราก้อนและบุดด้าก็ทำแบบเดียวกัน พวกเขาบีบค่ายกลของตัวเองลงเรื่อยๆเพื่อจัดการกับซีโน่เจเนอิคแมลงปอที่เข้ามาใกล้ แต่พลังที่เหมือนกับเปลวไฟจากขุมนรกไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะป้องกันได้ ด้วยเหตุนั้นการหนีไปจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ตูม!
เปลวไฟของรูปปั้นโลหะพุ่งเข้ามาหาพวกเขาเหมือนกับลำแสง แต่มันไม่ได้เผาผลาญพวกเขา จู่ๆก็มีใบเสมาสีปรากฏขึ้นมาและป้องกันทุกคนจากเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัว
เปลวไฟของรูปปั้นถูกปลดปล่อยเข้าไปใส่ใบเสมาของหานเซิ่นอย่างเต็มกำลัง แต่มันก็ไม่ได้ผล พวกมันไม่สามารถทำลายใบเสมาได้
รูปปั้นโลหะหลายสิบตัวล้อมพวกเขาเอาไว้ พวกมันวนเวียนรอบๆใบเสมาราวกับปีศาจที่หิวกระหาย