ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King – ตอนที่ 772 : ทฤษฎีสู่ความจริง

ตอนที่ 772 : ทฤษฎีสู่ความจริง

ฉินหยุนนำเอาหนังสัตว์ออกมาสี่ผืน วางพวกมันซ้อนไว้ด้วยกัน ผู้คนต่างไม่ทราบว่าฉินหยุนคิดทำอันใด กระนั้นพวกเขาล้วนคิดเห็นเช่นเดียวกัน นั่นคือเรื่องราวแปลกประหลาด

เจี้ยนหลิงหลงที่อยู่ไม่ไกลนัก นางเอ่ยถามผ่านเสียงสื่อสาร “ฉินหยุน เจ้าคิดทำอะไร? เลิกเสียเวลา เร่งรีบแกะสลักไป หากไม่แล้ว เจ้าจะไม่อาจเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกได้!”

เมื่อครู่ นางย่อมได้เห็นถึงความเร็วการแกะสลักของฉินหยุนที่เชื่องช้า หากนำตรงนี้มาตีแผ่ เขาย่อมไม่มีทางเข้าถึงสามอันดับแรก ดังนั้น คำของนางจึงเป็นเพียงการปลอบประโลม

ฉินหยุนทราบกระจ่างชัดดี ถึงความแตกต่างระหว่างตนเองและอาจารย์จารึกเต๋า ดังนั้นแล้ว เขาจึงได้แต่ต้องวิธีการอื่น

“พี่สาวหลิงหลง ข้าอาจไม่ถึงสามอันดับแรก ดังนั้นท่านทำให้ดีที่สุดเผื่อข้าด้วย!”

เขากล่าวคำจบ จึงเริ่มทำการแกะสลักอักขระลึกล้ำลงบนแผ่นหนังสัตว์ที่ซ้อนทับ เพราะตัวเขาไม่มั่นใจว่ามันสามารถสำเร็จได้หรือไม่ กระนั้น เขาโยนความคิดเรื่องสำเร็จหรือล้มเหลวไปแล้ว เพียงแต่ตั้งมั่นแกะสลักอักขระลึกล้ำ มีแต่วิธีเช่นนี้ จึงทำให้เขาสามารถนำเสนออักขระลึกล้ำที่ความวิจิตรระดับสูง

ยามที่แกะสลัก ฉินหยุนจะใช้งานความสามารถเทวะทะลุทะลวงออกไปพร้อมกัน นอกจากนี้แล้ว เขายังปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณโลหิตออกมาให้มากขึ้น ด้วยวิธีการนี้ มันจะทำให้เขาสามารถแกะสลักหนังสัตว์ทั้งสี่แผ่นในคราวเดียว ตัวเขาเพียงเริ่มได้ครู่หนึ่งกลับเกิดความยินดีขึ้นภายใน เพราะวิธีการนี้คล้ายสามารถเป็นจริง

“แม้ใช้พลังจิตมหาศาล ทว่ามันเพิ่มความเร็วได้มากล้ำ บางทีนี่อาจเป็นแนวทางที่เราจะใช้สร้างยันต์จำนวนมากในภายหน้า!” ฉินหยุนเกิดความตื่นเต้นยินดีภายใน

“หากฝึกฝนและสั่งสมประสบการณ์ให้มากกว่านี้ เจ้าย่อมทำได้รวดเร็วมากขึ้น! นี่ค่อนข้างเหมาะสมกับการทำยันต์ลึกล้ำจำนวนมากยิ่งนัก!” หลิงหยุนเอ๋อยิ้มกล่าว “เสี่ยวหยุน วิถีจารึกแห่งเต๋าและวิถียุทธ์แห่งเต๋าล้วนเป็นเช่นเดียวกัน ทั้งสองต่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เจ้าที่มีความรู้ผสมผสานของทั้งสอง ย่อมต้องเกิดความเชี่ยวชาญต่อพวกมันที่เป็นหนึ่งเดียวกันยิ่งกว่าผู้ใด!”

ฉินหยุนพยักหน้ารับ

เวลานี้ การกระทำของเขากลายเป็นดึงดูดความสนใจของอาจารย์จารึกเต๋าทั้งหลาย โดยเฉพาะบรรดาอาจารย์จารึกเต๋าที่อยู่นอกเวทีแข่งขัน พวกเขาคิดอยากทราบ ว่าฉินหยุนกำลังทำอันใด มันคล้ายตัวเขายอมปล่อยวางการแข่งขัน กระนั้นสีหน้าและการกระทำกลับเคร่งเครียดจริงจัง

อย่างรวดเร็ว กว่าหนึ่งชั่วยามได้ผ่านพ้นไป

อาจารย์จารึกเต๋าทั้งหลายได้แกะสลักไข่มุกผลึกแก้วที่สองเสร็จเรียบร้อย และมีจำนวนหนึ่งที่สำเร็จถึงสาม พวกเขาเริ่มทำการแกะสลักลูกที่สี่ เจี้ยนหลิงหลงเองก็เริ่มลูกที่สี่แล้ว นางเพียงช้ากว่าอาจารย์จารึกเต๋าเหล่านั้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

และฉินหยุนที่ใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง เพื่อแกะสลักอักขระลึกล้ำลงบนแผ่นหนังสัตว์ทั้งสี่ผืนในเวลาเดียวกัน ตัวเขาได้เข้าไปร้องขอไข่มุกสี่ลูกจากเจี้ยนสือเทียน!

“เจ้าปีศาจน้อย นี่เจ้าทำอันใดลงไป? เจ้าแกะสลักอักขระลึกล้ำเช่นเดียวกันบนแผ่นหนังสัตว์ถึงสี่ผืนได้ในคราวเดียว!”

“เป็นเคล็ดวิชาลับของข้า!” ฉินหยุนกล่าวพลางนำหนังสัตว์ผืนหนึ่งมาห่อรอบไข่มุก

และตอนนี้เอง หลายคนคล้ายตระหนักได้ว่าเขาคิดทำอันใด! แท้ที่จริง เป็นเขาคิดพยายามโอนถ่ายอักขระจากแผ่นหนังสัตว์เข้าไปยังไข่มุก!

หากทำได้สำเร็จ เช่นนั้นเท่ากับเขาทำสำเร็จถึงสี่ครั้งในคราวเดียว เคล็ดวิชาเช่นนี้ กล่าวได้ว่าท่ามกลางบรรดาอาจารย์จารึกทั้งหลายที่นี้ ไม่เคยมีแม้ผู้ใดได้เคยทราบว่ามีอยู่ เจี้ยนหลิงหลงเองก็ไม่ยกเว้น นางไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะถึงขั้นทราบวิชาอันปราดเปรื่องเช่นนี้!

“เจ้าหนู วิธีการนอกรีตถือเป็นการเดินออกนอกเส้นทาง! วิธีการคิดของเจ้าดูดี ทว่าเจ้ายังอ่อนต่อโลกเกินไป!” อาจารย์จารึกเต๋าผู้หนึ่งแค่นเสียงกล่าว

“เจ้าสามารถแกะสลักอักขระบนแผ่นหนังสัตว์สี่ผืนในเวลาเดียวกัน นี่เป็นเคล็ดวิชาที่ดีล้ำอย่างแท้จริง! กระนั้น หากเจ้าคิดอยากโอนย้ายอักขระจากแผ่นหนังสัตว์ไปยังอุปกรณ์ เรื่องราวเช่นนั้นคงมีแต่เพียงในโลกความฝันแล้ว!”

“เจ้าปีศาจน้อย ไม่ใช่พวกเราไม่เคยคิดวิธีการเช่นเดียวกับที่เจ้าคิด ทว่ามีหลายคนได้ลองพยายามและฝึกฝนดูแล้ว กระนั้นกลับไม่เคยมีผู้ใดทำได้สำเร็จ!”

“เหอะเหอะ นี่ทำข้านึกถึงสมัยยังหนุ่มไม่ผิดเพี้ยน!”

“ยามยังหนุ่มผู้ใดบ้างไม่มีความฝัน? เพื่อหาทางลัด พวกเราย่อมคิดหาวิธีแปลกประหลาดทั้งหลายนำมาลองใช้!”

บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าที่ยืนรายล้อมรับชมจากข้างเวที เวลานี้ต่างอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องราวของตนเองครั้งยังเยาว์ ยามนั้น พวกเขาต่างเกิดความคิดอันปราดเปรื่องและวิธีการประหลาดออกมามากมาย ทว่าภายหลังเวลาผ่านไป พวกเขาค่อยตระหนักเผชิญกับความเป็นจริง จากนั้น พวกเขาล้วนตัดสินใจเดินสู่หนทางเส้นเดิมที่รุ่นก่อนได้สร้างไว้

ฉินหยุนวางแผ่นหนังสัตว์ไว้ด้านบนไข่มุกผลึกแก้วครึ่งตัวคน จากนั้น เขาจึงใช้เคล็ดวิชาลับของเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ เพื่อทำการควบแน่นพลังส่งถ่ายวิญญาณพิเศษ เพื่อทำการเคลื่อนย้ายอักขระลึกล้ำสู่ภายในไข่มุกผลึกแก้ว

ด้วยอักขระลึกล้ำเป็นสิ่งที่ฉินหยุนแกะสลักโดยพลังจิตวิญญาณโลหิต ตอนนี้ มันจึงสามารถตอบรับพลังส่งถ่ายวิญญาณอย่างราบลื่น

แน่นอนว่าอักขระลึกล้ำย่อมต้องมีเสถียรภาพระหว่างการเคลื่อนย้าย โดยครั้งนี้ เป็นหลิงหยุนเอ๋อปลดปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงพิเศษพันธนาการรอบอักขระลึกล้ำเอาไว้ เพื่อไม่ให้ความผันแปรภายนอกใดเข้าทำลายอักขระลึกล้ำได้

ขั้นตอนดังกล่าวถือว่ายากที่สุด เพราะหากอักขระลึกล้ำผันแปรแม้เพียงนิด เช่นนั้นระดับความวิจิตรจะร่วงหล่นอย่างมหาศาล กระทั่งอาจเกิดปัญหากับรากฐานของอักขระ

กระบวนการเคลื่อนย้ายอักขระโดยไม่มีการแตะต้อง มันจำเป็นต้องใช้พลังจิตเพ่งสมาธิอย่างมหาศาล รวมถึงความแม่นยำในการใช้พลังจิตควบคุม ฉินหยุนคือผู้ลงมือ คิ้วของเขาขมวดแน่นและผุดเม็ดเหงื่อปรากฏ

แม้ภายนอกมีแต่เสียงดังรบกวน รวมถึงยังมีแต่ออร่าผันแปรอยู่ทั่ว เขาก็ยังคงสภาวะสงบอย่างน่าทึ่งเอาไว้ได้ ตอนนี้ เขารู้สึกได้ว่าตนเองราวกับอยู่ในห้วงอวกาศกว้างใหญ่สีขาวโพลน มันมีแต่ตัวเขา ไข่มุกผลึกแก้ว และอักขระลึกล้ำ ทุกสิ่งอย่างรอบด้านล้วนเลือนหายอย่างไร้ร่องรอย

สภาวะนี้คือความสงบอย่างถึงที่สุด เจตนาตั้งมั่นจนไม่สนอื่นใดในโลกหล้า เขากระทั่งได้เห็นกระแสลมหลากสีสันที่พัดผ่าน เหล่านี้คือออร่าแห่งสวรรค์และปฐพี พวกมันคือพลังวิญญาณทั้งหลาย ด้วยตัวเขารับรู้ถึงกระแสลมเหล่านี้ คิดสกัดพวกมันออกไปย่อมไม่ใช่เรื่องยาก เช่นนี้ มันจะยิ่งทำให้เขาเคลื่อนย้ายอักขระลึกล้ำได้อย่างแม่นยำ

ครั้งที่เขาได้รับเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ แม่เฒ่าเฉียวได้บอกกล่าวต่อเขา ว่าการผสมผสานระหว่างอักขระและขัดเกลาวิญญาณคือที่สุด และตอนนี้ เขาได้เข้าใจถึงความหมายนั้นแล้ว อักขระลึกล้ำบนแผ่นหนังสัตว์ที่ปิดไว้ด้านบนไข่มุกผลึกแก้วได้เลือนหายในห้วงเวลานี้! และจากนั้น อักขระจึงเริ่มไปปรากฏที่ไข่มุกผลึกแก้ว! เป็นเขาทำได้สำเร็จ!

บรรดาอาจารย์จารึกที่นี้ต่างพบเห็น พวกเขานิ่งอึ้งตาค้าง แต่ละคนต่างคิดว่าเรื่องราวยากเกินเชื่อแม้ได้พบเห็นกับตาตนเอง

เจี้ยนหลิงหลงและอาจารย์จารึกอีกหลายคน ล้วนอยู่ระหว่างการแกะสลักอักขระลึกล้ำ กระนั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องละความสนใจ มองไปยังอักขระลึกล้ำที่ปรากฎในไข่มุกของฉินหยุน

ระดับความวิจิตรแทบไม่ต้องกล่าวขานถึง ตัวเขาเวลานี้ ได้ทำให้ความฝันของผู้คนครั้งยังเยาว์กลายเป็นจริงขึ้นมา! อักขระที่แผ่นหนังสัตว์ มันถูกเคลื่อนย้ายสู่ภายในไข่มุก! เรื่องราวนี้ยากเกินจินตนาการได้ถึงว่าจะเกิดขึ้นจริง อาจารย์จารึกทั้งหลายเพียงแต่เคยคิดและลองทำ ทว่าครั้งนี้มีคนผู้หนึ่งทำแนวคิดนั้นจนสำเร็จขึ้นมาได้!

ฉินหยุนยิ้มยินดี เขาเคลื่อนกายพร้อมลงมือครั้งถัดไป ทุกเวลามีค่า ดังนั้นเขาจึงต้องรวดเร็ว ด้วยระยะเวลาที่เหลือ เขาย่อมต้องลงอักขระที่ตัวไข่มุกได้สำเร็จทั้งหมด! เรื่องนี้เป็นการนำความร้อนรนมาสู่บรรดาอาจารย์จารึกเต๋า เมื่อครู่พวกเขาต่างคิด ว่าเจ้าปีศาจน้อยตรงหน้าได้ยอมแพ้ไปแล้ว และวิธีการคิดของเขามันผิดจารีตและแนวทาง ทว่าตอนนี้ แนวคิดผิดจารีตนั้นกลับกลายทำให้เกิดผลไม้สุกปลั่งขึ้นมา!

ฉินหยุนที่ลงมือครั้งแรกสำเร็จย่อมได้รับประสบการณ์ ครั้งถัดมาจึงยิ่งราบลื่นยิ่งกว่า แม้พลังจิตถูกเรียกใช้มหาศาล กระนั้นเขาก็ยังสามารถทำต่อไปได้จนสุดทาง การแข่งขันใกล้หมดเวลา ฉินหยุนทำการเคลื่อนย้ายอักขระจากหนังสัตว์ทั้งสี่แผ่นสู่ไข่มุกผลึกแก้วทั้งสี่ได้สำเร็จ! รวมเข้ากับหนึ่งลูกที่ทำสำเร็จก่อนหน้า รวมแล้วเท่ากับเขาทำสำเร็จถึงห้า! และบรรดาอาจารย์จารึกเต๋าที่ออกนำหน้าไปแต่แรก เวลานี้เพียงทำสำเร็จได้มากที่สุดคือสี่

“ข้าทำสำเร็จเรียบร้อยแล้ว!”

ฉินหยุนมองทางเจี้ยนสือเทียนพร้อมหัวเราะเริงร่ากล่าวคำ ตัวเขาเวลานี้แท้จริงใช้พลังออกแทบหมดสิ้น ดวงตาเผยแต่ความเหนื่อยล้า กระนั้น พลังจิตของเขาสามารถฟื้นคืนด้วยอัตราสูงล้ำ ดังนั้นเขาจึงสามารถอดทนต่อ บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าที่ทุ่มสุดตัวสู้กับเวลา ตอนนี้ต่างต้องนิ่งค้างพร้อมสบถก่นด่าในใจไม่รู้จบ

พวกเขาต้องแกะสลักอักขระด้วยความขื่นขม ดีที่สุดและทุ่มสุดตัวออกมาได้เพียงสี่ กระนั้น ปีศาจน้อยตรงหน้าผู้ซึ่งยังไม่ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ กลับใช้วิธีนอกคอกจนทำสำเร็จได้ถึงห้า! นี่หมายความถึงการแข่งขันครั้งนี้ ผู้ที่จะได้รับอันดับหนึ่งไปครอง ย่อมเป็นเจ้าปีศาจน้อยตรงหน้า!

แม้เจี้ยนหลิงหลงยินดียิ่ง ทว่าภายในก็ยังต้องทึ่ง ตัวนางคิดอยากได้ทราบเคล็ดวิชาลับนี้เช่นเดียวกัน

เวลานี้ ทุกผู้คนต่างคิดอยากทราบถึงเคล็ดวิชาลับดังกล่าว เพราะมันคือการทำสิ่งที่ในอดีตไม่อาจทำได้ ให้เกิดสำเร็จเป็นจริงขึ้นมาได้

เวลาใกล้หมด เจี้ยนหลิงหลงและอาจารย์จารึกเต๋าอีกห้าคนแกะสลักไข่มุกลูกที่สี่ได้สำเร็จ และฉินหยุนสำเร็จถึงห้า อันดับหนึ่งย่อมตกแก่เขา!

“จ้าวสำนักดาบ ไข่มุกของเขาผ่านมาตรฐานหรือไม่? ระดับความวิจิตรเล่า?” ชายชรากล่าวถาม ตัวเขาเวลานี้ไม่อาจสะกดกลั้นความร้อนรน

“ข้ายังไม่ทราบ และกำลังคิดไปตรวจสอบดู” เจี้ยนสือเทียนนำเอาอุปกรณ์ที่คล้ายกระจกออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปทดสอบ

หลังได้ทดสอบ สีหน้าของเขาเผยอาการตื่นตะลึง เขากล่าวออกด้วยน้ำเสียงประหลาดใจสุดขีด “ความวิจิตรระดับที่เจ็ด!”

แกะสลักอักขระลึกล้ำระดับราชันด้วยความวิจิตรระดับที่เจ็ด กล่าวได้ว่าฝีมือสูงล้ำแล้ว

บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าทั้งหลายล้วนไม่เชื่อ พวกเขาก้าวเดินเข้ามาพร้อมทดสอบด้วยอุปกรณ์ของตนเอง ผลลัพธ์การทดสอบเป็นเช่นเดียวกันหมด ไข่มุกทั้งห้าลูก มันมีระดับความวิจิตรที่เจ็ดเหมือนกันทั้งห้าลูก! เรื่องนี้ยิ่งทำให้ผู้คนได้อุทานร้องตระหนกตกใจกันอีกครั้ง!

“เจ้าปีศาจน้อยผู้นี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวลึกล้ำ? เขายังเยาว์เพียงนี้ กระนั้นกลับมีระดับความวิจิตรสูงส่ง!”

“ปีศาจน้อยบัดซบผู้นี้ถึงขั้นมีจารึกวิญญาณ!”

“สวรรค์ไร้ดวงตา พวกเราฝึกฝนขมขื่นกันนับพันพันปี กระนั้นกลับไม่อาจเอาชนะเจ้าปีศาจน้อยผู้มีจารึกวิญญาณได้!”

“อา… โชคชะตาชีวิตช่างเล่นตลกยิ่งนัก!”

บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าต่างคร่ำครวญกันออกมาด้วยความโศก

พวกเขากล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อไม่ให้ผู้อื่นกล่าวว่าพวกเขาย่ำแย่กว่าปีศาจน้อยตรงหน้าที่มีจารึกวิญญาณ เนื่องด้วยจารึกวิญญาณ มันคือสิ่งท้าทายสวรรค์ประการหนึ่ง ดังนั้นแล้ว เวลานี้พวกเขาจึงได้แต่ต้องปลอบใจตนเอง ต่อจารึกวิญญาณท้าทายสวรรค์ของเด็กหนุ่มตรงหน้า

กระทั่งเจี้ยนหลิงหลง หยางฉีเย่ว์ และผู้อื่นที่ทราบเบื้องหลัง ยังคิดว่าฉินหยุนมีจารึกวิญญาณจ้าวลึกล้ำในครอบครอง และแม้ฉินหยุนไม่มีในครอบครอง เขาก็ไม่คิดกล่าวปฏิเสธ เพราะหากไม่มี นั่นหมายความถึงเขาจะมีฝีมืออันเลิศล้ำจนเกินไปขนาดผิดสังเกตได้

เพราะหลายคนสำเร็จไข่มุกผลึกแก้วสี่ลูก ดังนั้นอันดับจึงต้องตัดสินด้วยระดับความวิจิตร หลังตรวจสอบเรียบร้อย ผู้ซึ่งไม่เข้าใจเรื่องอักขระ จึงได้ทราบว่าเหตุใดบรรดาอาจารย์จารึกเต๋าต่างโศกา เพราะระดับความวิจิตรของอักขระลึกล้ำที่พวกเขาลงมือ เพียงอยู่ระดับที่ห้าหรือหก

เนื่องด้วยเป็นการแข่งขันความเร็วเป็นหลัก พวกเขาจึงไม่อาจควบคุมระดับความวิจิตร สำหรับอาจารย์จารึกเต๋าเหล่านี้ ระดับความวิจิตรที่ห้าหรือหกกล่าวได้ว่าน่าพึงพอใจมากแล้ว

มีแต่เจี้ยนหลิงหลงที่ดีกว่า ไข่มุกผลึกแก้วของนางลูกหนึ่งมีความวิจิตรระดับที่เจ็ด ผู้อื่นล้วนสูงสุดกันที่หก ดังนั้นนางจึงได้รับอันดับสอง

ฉินหยุนค่อนข้างหวาดกลัวยามได้เห็นระดับความวิจิตรของอาจารย์จารึกเต๋าเหล่านี้ ความแตกต่างนี้มากเกินไป สาเหตุที่ความวิจิตรของเขาสูงเพียงนี้ก็เพราะปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต ตัวปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต มันสามารถเพิ่มระดับความวิจิตรได้ถึงสองระดับ มันคือของวิเศษชิ้นหนึ่งก็ว่าได้

ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงอยู่กลุ่มเดียวกัน ทั้งยังครองอันดับหนึ่งและสองร่วมกัน

อันดับหนึ่งจะได้รับอักขระตะวัน ส่วนอันดับสองจะได้รับอักขระจันทราและอักขระเต๋า และความสัมพันธ์ของคนทั้งสองค่อนข้างดี ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องแบ่งปันอักขระซึ่งกันและกันอย่างแน่นอน

ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King

ราชันเทพเก้าสุริยัน Nine Sun God King

Status: Ongoing
ถูกจัดฉาก! ถูกใส่ร้าย! กล่าวหาว่าฝึกฝนวิชายุทธ์ของปีศาจอันชั่วร้าย!
เหล่านี้ล้วนเป็นแผนการเขี่ยเขาทิ้งพ้นจากตำแหน่งที่ได้รับโดยกำเนิด
ก่อนจะแต่งตั้งจักรพรรดินีพระองค์ใหม่ขึ้นโดยเหล่าข้าราชบริพารเฒ่า
อีกทั้งยังพรากเอาพรสวรรค์ที่เขามีแต่กำเนิดไปจนสิ้น! ฉินหยุน อดีตองค์ชายรัชทายาทแห่งจักรวรรดิเทียนฉิน
เขาสืบทอดเคล็ดวิชายุทธ์ของโลกเก้าตะวัน มรดกเคล็ดวิชายุทธ์อันล้ำค่าคือคลังอาวุธของเขา
ทั้งเขายังคลั่งที่จะแกะสลักความลึกล้ำของโลกด้วยปลายนิ้ว กระทั่งว่ามีศัตรูรายล้อมและหญิงงามมากมาย
แต่ฉินหยุนก็ยังไม่พอใจ เขาต้องการไปให้เหนือยิ่งกว่าเก้าตะวันเพื่อเข้าสู่ความยิ่งใหญ่แห่งดาราจักร เพื่อให้ได้กลายเป็น ราชันเทพ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท