Super God Gene – ตอนที่ 2305
‘การโจมตีของอาวุธทั้ง 18 จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีครั้งแรกอยู่ในระดับเดียวกับการโจมตีเต็มกำลังของดยุกคนหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ดยุกคนหนึ่งจะทำลายพลังของหอกนั้นได้ด้วยพละกำลัง ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาถือว่าไม่เลว’ ผู้หญิงในห้องควบคุมคิด
ความแข็งแกร่งทางร่างกายระดับนั้นถือว่าธรรมดาสำหรับคนของเอ็กซ์ตรีมคิง แม้แต่ไป๋เวยที่เพิ่งกลายเป็นดยุกก็สามารถทำเหมือนกันได้ด้วยหมัดเอ็กซ์ตรีมคิง การโจมตีของหานเซิ่นจึงไม่ได้แปลกอะไรสำหรับผู้หญิงคนนั้น
เธอชอบผู้ชายที่ฉลาดและกล้าหาญ เธอไม่ชอบคนที่บุ่มบ่ามจะต่อสู้โดยไม่ใช่อะไรอย่างอื่นนอกจากพละกำลัง
เธอเชื่อว่าความแข็งแกร่งของคนๆหนึ่งมีหลายรูปแบบ ถ้าสติปัญญาและจิตใจของคนๆหนึ่งอ่อนแอ มันก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
เมื่อหมัดของหานเซิ่นทำลายหอกไปแล้ว อาวุธอีกอย่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาเขาทันที
ครั้งนี้ที่จู่โจมเข้ามาคือมีดเล่มหนึ่ง และเมื่อมีดพุ่งตรงเข้ามาหาหานเซิ่น มันก็มาในรูปแบบของเสือที่เตรียมพร้อมจะกลืนกินทั้งโลกใบนี้ มันคำรามเข้าใส่หานเซิ่น
ปัง!
หานเซิ่นชกหมัดออกไปทำลายมีด พลังจากการปะทะกันไม่แม้แต่จะทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้บนหมัดของหานเซิ่น มันยังคงเป็นหยกขาวที่แวววาว
อาวุธทั้ง 18 จู่โจมหานเซิ่นตามกันมา อาวุธแต่อันมีพลังพิเศษของตัวเอง หอกเป็นความแม่นยำ ขณะที่มีดเป็นความแข็งแกร่ง ต่อไปคือดาบที่สามารถสร้างความเจ็บปวดที่ทรมาน ทุกการจู่โจมจากอาวุธแต่ละอันจะเข้ามาในรูปแบบที่ร้ายกายและมีประสิทธิภาพ
โดยปกติแล้วเหล่าองค์ชายและองค์หญิงจะสามารถเลือกต่อสู้ได้ว่าจะต่อสู้ด้วยตัวเองหรือให้องครักษ์สู้แทนขึ้นอยู่กับธาตุของอาวุธที่เข้ามา เพื่อเลือกนักสู้ที่ดีที่สุดที่จะรับมือกับอาวุธนั้นๆ
แต่หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไรในเรื่องนั้น มันไม่สำคัญว่าอาวุธแต่ละอันจะจู่โจมเขาด้วยพลังแบบไหน เขาสามารถบดขยี้พวกมันได้ด้วยการแกว่งหมัด ตอนนี้อาวุธ 8 อันถูกทำลายด้วยหมัดของหานเซิ่น ขณะที่เท้าของเขายังคงปักหลักอยู่ที่เดิม
“ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาไม่เลว แต่ถ้าเขาคิดจะใช้พลังของร่างกายทนต่อการโจมตีทั้ง 18 ครั้งล่ะก็ นั่นก็เป็นความพยายามที่ไร้เดียงสามากๆ ถึงไผ่เดียวดายจะมาอยู่ที่นี่ เขาก็ทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้” ผู้หญิงในห้องควบคุมดูช็อค
มันมีหลายคนที่สามารถทำลายอาวุธ 8 อันติดต่อกันได้ แต่หานเซิ่นทำเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ซึ่งมันไม่ใช่ดยุกทุกคนจะสงบอยู่ได้ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น
มันเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวที่ดยุกคนหนึ่งสามารถแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ปลุกร่างแอสทรอลให้ตื่นขึ้นมา
ไป๋เวยยืนอยู่ด้านหลังหานเซิ่น เธอดูสับสนเล็กน้อย เธอเข้าใจว่าอาวุธทั้ง 18 จะทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่มั่นใจว่าจะรับการโจมตี 9 ครั้งหลังได้ ดังนั้นเธอจึงอยากจะให้หานเซิ่นเป็นคนรับพวกมัน ขณะที่เธอรับการโจมตี 9 ครั้งแรก
แต่หานเซิ่นขอเริ่มก่อน เธอเลยกังวลว่าหานเซิ่นจะแข็งแกร่งไม่พอที่จะรับพวกมันทั้งหมดได้
เพราะยังไงซะหานเซิ่นก็มีแค่ร่ายกายระดับดยุก เขาไม่ได้มีร่างแอสทรอลที่จะใช้พลังของดวงดาวได้ และเขาก็ไม่มีร่างเซเลสเทียลที่สามารถใช้พลังของจักรวาลเพื่อฟื้นฟูตัวเองได้เช่นกัน
มันเห็นได้ชัดว่าหานเซิ่นมีแผนที่จะรับการโจมตีทั้ง 18 ครั้ง ไป๋เวยไม่คิดว่าเธอจะทำอะไรแบบนั้นได้ เพราะถ้าเธอทำได้ เธอก็คงจะไม่ขอความช่วยเหลือจากหานเซิ่น
แต่ดูเหมือนว่าความกังวลของไป๋เวยจะไม่เป็นจริง อาวุธทั้ง 18 จู่โจมตามกันเข้ามาติดๆ แต่หานเซิ่นก็ยังมั่นคงราวกับขุนเขา หนึ่งหมัดต่อหนึ่งอาวุธ เขาทำลายทุกอาวุธด้วยกำปั้นของเขา
มันไม่สำคัญว่าอาวุธแต่ละอันจะโจมตีเข้ามาด้วยพลังแบบไหน พวกมันไม่สามารถหนีไปจากหมัดที่ทรงพลังของหานเซิ่นได้
อาวุธนับสิบถูกทำลายโดยหานเซิ่น แต่เขาก็ยังทำเหมือนกับว่าไม่ได้มีเรื่องผิดปกติอะไรเกิดขึ้น ไป๋เวยจ้องมองหานเซิ่นด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ผู้หญิงในห้องควบคุมก็มองเขาอย่างแปลกๆ
ตูม!
เมื่อหานเซิ่นชกใส่อาวุธอันสุดท้าย ผู้หญิงในห้องควบคุมก็ดูอึ้งไป
“ไม่แปลกใจเลยที่เขาถูกบอกว่าอยู่ในระดับเดียวกับไผ่เดียวดาย เขาผ่านการทดสอบโดยพึ่งแค่พลังทางร่างกายจริงๆซะด้วย เขาเป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่คนอย่างนั้นจะพบว่าตัวเองถูกกำราบโดยศัตรูที่ระดับเหนือกว่า เพราะยังไงซะเขาก็เป็นคนที่บุ่มบ่าม”
หลังจากนั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหัวเราะและพูดกับตัวเอง “นี่ถือเป็นเรื่องดี! คนที่ใช้แต่พละกำลังจะถูกควบคุมได้ง่าย เขาจะสร้างปัญหาอะไรไม่ได้มาก แบบนั้นเขาก็ถือว่าเป็นราชองครักษ์ที่เหมาะสมคนหนึ่ง ไป๋เวยเลือกคนได้ดี”
หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องควบคุมไป ตอนนี้เมื่อไป๋เวยและหานเซิ่นเข้าไปในสุสานทหารและกษัตริย์ กล้องวงจรปิดก็จับภาพของพวกเขาไม่ได้อีก ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะอยู่ต่อ
เมื่อกัปตันของสถานีอวกาศเห็นผู้หญิงคนนั้นจากไป เขาก็ปาดเหงื่อบนหน้าผาก
“โชคดีที่มิสเตอร์มิร์เรอร์ไม่โกรธอะไรพวกเรา”
การเป็นน้องสาวของราชาไป๋ทำให้ผู้หญิงคนนั้นมีชื่อเสียงมากๆ กษัตริย์คนก่อนนั้นให้เธออภิเษกสมรสกับยอดฝีมือระดับเทพเจ้าของเอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่ง แต่ผ่านไปไม่นานชายคนนั้นก็เสียชีวิตไปในการต่อสู้ ซึ่งเธอไม่คิดจะอภิเษกสมรสอีกตั้งแต่นั้นมา
ในหมู่เอ็กซ์ตรีมคิง ชื่อของเธอจะถูกพูดด้วยเสียงกระซิบเท่านั้น ผู้คนไม่ได้หวาดกลัวพลังของเธอเอง แต่พวกเขาหวาดกลัวเธอเพราะเธอรับผิดชอบองค์กรลับของราชาไป๋ที่มีชื่อว่าสปริงเรน เธอเป็นผู้หญิงที่ราชาไป๋ไว้ใจมากที่สุด เธอตั้งชื่อองค์กรของเธอว่าสปริงเรน แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไร
หานเซิ่นทำลายอาวุธทั้ง 18 อัน และอสูรเฝ้าสุสานก็กลับไปเป็นรูปปั้นอีกครั้ง ตอนนี้เขาและไป๋เวยสามารถเดินผ่านลานกว้างและเข้าไปในสุสานได้
ไป๋เวยมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ เขาเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง แต่เขากลับสามารถเอาชนะอาวุธทั้ง 18 อันได้ด้วยตัวคนเดียว ในเอ็กซ์ตรีมคิงมีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ แต่หานเซิ่นดูเหมือนจะสามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย เขาเป็นคนที่แข็งแกว่งกว่าที่เธอคิดเอาไว้ในตอนแรก
“พวกเราจะเอาอาวุธไปได้ยังไง?” หานเซิ่นถามขณะมองไปที่ป้ายหลุมศพในสุสาน
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้สนใจสมบัติซีโน่เจเนอิค แต่เขาก็ไม่คิดจะพลาดของฟรีไป
ไป๋เวยมองไปที่ป้ายหลุมศพรอบๆตัวและพูด
“หลุมศพที่มีสัญลักษณ์รูปมงกุฎสลักอยู่คือสุสานของคนที่เป็นสมาชิกของราชวงศ์ เจ้าจะเอาอาวุธที่ฝังอยู่ในนั้นไปไม่ได้ แต่อาวุธในหลุมศพอื่นเอาไปได้ เพียงแค่เปิดหลุมศพและหยิบอาวุธที่ฝังอยู่ออกมา”
“มันง่ายขนาดนั้นเลย?” หานเซิ่นถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ไป๋เวยส่ายหัว “มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น พวกเราไม่รู้ว่าใครถูกฝังอยู่ในหลุมศพไหน เพราะแบบนั้นพวกเราถึงไม่รู้ว่าหลุมศพไหนเก็บอาวุธที่ดีอยู่ เมื่อเจ้าเปิดหลุมศพออกแล้ว มันไม่สำคัญว่าอาวุธที่อยู่ข้างในจะดีหรือไม่ เจ้าจะต้องเอามันไป มันไม่มีการเปลี่ยนไปเอาอันอื่น เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ไป๋เวยก็พูดต่อ “ยังโชคดีที่เหตุผลหลักที่พวกมามาที่นี่คือการได้รับสิทธิเข้าไปในสวนของกษัตริย์ ข้าจะดีใจถ้าได้รับสมบัติชั้นสูง แต่ถ้านั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะได้รับ มันก็ไม่เป็นไร”
“ไหนๆพวกเราก็มาที่นี่แล้ว พวกเราก็ต้องเอาอาวุธไปสักอันไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี” หานเซิ่นหัวเราะขณะที่มองไปที่หลุมศพ
หานเซิ่นไม่ชอบการพึ่งดวงเช่นกัน และเขาก็ไม่สามารถทำการคำนวณได้อย่างกุนซือไวท์ ดังนั้นเขาจึงคิดจะใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจดูหลุมศพแต่ละหลุม