Super God Gene – ตอนที่ 2338
เมื่อเห็นไป๋ชิงเสียส่งฝ่ามือเข้ามา หานเซิ่นก็ปลดปล่อยหมัดช็อคกิ้งสกายอีกครั้ง
หานเซิ่นอยากจะใช้เทคนิคอื่น แต่ตอนนี้เขากำลังปลอมตัวเป็นไป๋อี้ และเขาก็ยังไม่มีเวลาไปเรียนรู้วิชาอื่นของเอ็กซ์ตรีมคิง เขาโชคดีที่ได้เรียนรู้วิชานี้มาจากรูปปั้นอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิง เพราะการใช้วิชาอื่นอาจจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา
หมัดช็อคกิ้งสกายเป็นเทคนิคที่สมาชิกทุกคนของเอ็กซ์ตรีมคิงเรียนรู้ และถึงมันจะเป็นแค่วิชาพื้นฐาน แต่มันก็ทรงพลังมาก มันเป็นอะไรที่บ้าบ่อถ้าจะเรียกหมัดช็อคกิ้งสกายว่าเป็นวิชาที่ไร้เทียมทาน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สามารถต่อกรกับเทคนิคได้หลากหลายจนน่าประหลาดใจ
ปัง!
หมัดและฝ่ามือปะทะกันอีกครั้ง หมัดช็อคกิ้งสกายของหานเซิ่นป้องกันฝ่ามือของไป๋ชิงเสียเอาไว้ได้สำเร็จ ทำให้ยังไม่มีใครเป็นฝ่ายชนะ
“หมัดช็อคกิ้งสกายของไป๋อี้ป้องกันฝ่ามือแยกวัฏจักรกลางวันกลางคืนของไป๋ชิงเสียได้หรอเนี่ย? วันนี้มันแปลกจริงๆ พวกเราได้เห็นสิ่งแปลกๆหลายอย่าง”
“พวกเขาทั้งคู่เป็นระดับราชันขั้นแรกเหมือนกัน แบบนั้นหมัดช็อคกิ้งสกายจะทำลายฝ่ามือแยกวัฏจักรกลางวันกลางคืนได้ยังไง?”
“ตระกูลไป๋มีสมาชิกที่แข็งแกร่งอยู่มากมายจริงๆ องค์ชายทั้ง 2 คนไม่เคยแสดงฝีมือที่แท้จริงของพวกเขามาก่อน ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเขาทั้ง 2 จะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ พวกเขามีพรสวรรค์กันทั้งคู่ และดูเหมือนว่าการต่อสู้ระหว่างองค์ชายทั้ง 2 เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น”
…
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ไป๋ชิงเสียก็หยุดโจมตีและจ้องมองไปที่หานเซิ่น หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พูด
“เจ้าเป็นคนที่พิเศษมากๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าปลุกรูปปั้นอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมาได้”
“เจ้าเองก็ไม่เลวเช่นกัน” หานเซิ่นยอมรับด้วยการพยักหน้า
ไป๋ชิงเสียเงยหัวขึ้น เขามองไปที่ต้นไม้กษัตริย์และพูด
“ต้นไม้กษัตริย์กำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว ดังนั้นพวกเราควรจะหยุดการต่อสู้เพียงเท่านี้ ถ้าเจ้ามาที่นี่เพื่อรับการคุ้มครองจากคิงอีซ แบบนั้นแล้วพวกเราก็มาตัดสินผลแพ้ชนะด้วยจำนวนพรของคิงอีซ นั่นฟังดูเป็นยังไง?”
“ข้าแค่มาที่นี่เพื่อเดินเล่น ข้าไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะได้รับพรจากคิงอีซหรือไม่” หานเซิ่นพูด
ไป๋ชิงเสียหัวเราะ “เจ้ากลัวแพ้อย่างนั้นหรอ?”
“หา? เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้ากลัวแพ้เจ้าน่ะ?” หานเซิ่นพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตกลง พวกเราจะตัดสินผู้ชนะจากจำนวนพรของคิงอีซ ใครก็ตามที่ได้รับพรของคิงอีซมากที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ” หลังจากที่พูดจบ ไป๋ชิงเสียก็กลับไปบนหัวของมังกรกษัตริย์
หานเซิ่นไม่รู้วิธีที่จะได้รับพรของคิงอีซอะไรนี่ ดังนั้นเขาจึงแกล้งทำเป็นมองไปที่ไป๋ชิงเสียด้วยสีหน้าดูถูก หลังจากนั้นเขาก็บินไปนั่งลงบนหัวของมังกรกษัตริย์อีกตัว
เมื่อเห็นไป๋ชิงเสียหลับตาลงขณะที่นั่งบนหัวของมังกรกษัตริย์ หานเซิ่นก็แกล้งทำตาม กิเลนโลหิตนั่งลงถัดไปจากเขา
“ทั้งไป๋ชิงเสียและไป๋อี้ต้องการได้การคุ้มครองจากคิงอีซ พวกเขาจะได้รับพรจากคิงอีซมากเท่าไหร่กัน”
“ในอดีตข้าคงจะคิดว่าพวกเขาโชคดีมากแล้วที่ได้รับ 1 หรือ 2 พรจากคิงอีซ แต่ตอนนี้มันยากที่จะบอกได้ พวกเขาทั้งคู่ซ่อนฝีมือที่แท้จริงมาโดยตลอด และมันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการสร้างความประทับใจต่อทุกคน พวกเขาคงจะยังซ่อนพลังส่วนใหญ่ของตัวเองเอาไว้”
“เจ้าพูดถูก ข้าไม่เคยคิดว่าก่อนว่าพวกเขาทั้ง 2 จะซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้แบบนั้น ดูเหมือนว่านี่จะเป็นยุคสมัยที่แข็งแกร่งที่สุดของเอ็กซ์ตรีมคิง”
“ยิ่งคนของราชวงศ์แข็งแกร่งมากเท่าไร การต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ก็จะดุเดือดขึ้นตามไปด้วย ข้าไม่รู้ว่านั่นเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่”
ใบไม้ของต้นไม้กษัตริย์เริ่มเรืองแสงขึ้นมา แต่มีคนของราชวงศ์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไปมองหามังกรกษัตริย์รากแก้วเพื่อฝึกวิชา พวกเขาส่วนใหญ่ยังคงจะมองดูหานเซิ่นกับไป๋ชิงเสีย
ทุกใบไม้บนต้นไม้กษัตริย์มีอักษรคิงอีซอยู่ และเมื่อต้นไม้กษัตริย์ตื่นขึ้น คิงอีซบนใบไม้ก็เรืองแสงสว่างไสว ภายใต้แสงของพวกมันใบไม้นั้นดูเหมือนกับทองคำ
คิงอีซนั้นเป็นโลหิตชีพจรของใบไม้ และใบไม้ทุกใบของต้นไม้กษัตริย์ก็มีโลหิตชีพจรที่แตกต่างกันออกไป เมื่อเวลาผ่านไปโลหิตชีพจรก็สว่างไสวขึ้น คิงอีซกลายเป็นสัญลักษณ์สีทองที่ส่องสว่างบนใบไม้ทองคำและแต่ละสัญลักษณ์ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน
บางสัญลักษณ์ร้อนแรงราวกับไฟ บางสัญลักษณ์เหมือนกับน้ำที่ไหลเชี่ยว บางสัญลักษณ์เป็นผืนดินที่หนักอึ้งและบางสัญลักษณ์นั้นล้ำลึกราวกับเหว
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่สามารถอ่านคิงอีซได้ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังของพวกมัน เขาสามารถเข้าใจได้ว่าพวกมันมีความหมายว่าอะไร
มันไม่ใช่เพราะว่าหานเซิ่นเก่งในการเรียนรู้ แต่มันเป็นเพราะพลังของแต่ละคิงอีซเชื่อมต่อกับสสารนั้นๆ พวกมันมีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่าตัวอักษรที่ขยุกขยิกจนอ่านไม่ออก หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องเรียนรู้พวกมัน เขาแค่จำเป็นต้องเห็นรูปร่างของสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคิงอีซ และเขาก็จะสามารถเข้าใจถึงความหมายของพวกมัน
“โลกนี้นั้นกว้างใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่ที่นี่ได้ แม้แต่ใบไม้ของต้นไม้กษัตริย์ก็เชื่อมต่อกับโลกใบนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันรวมทุกทิ้งทุกอย่าง ช่างน่ามหัศจรรย์อะไรขนาดนี้”
หานเซิ่นถอนหายใจ หลังจากนั้นเขาก็คิดกับตัวเอง ‘ถ้าเราเด็ดมันกลับเข้าไปในสหพันธ์ มันจะยังเรืองแสงอยู่ไหมนะ?’
ต้นไม้กษัตริย์ตื่นขึ้นมาและคิงอีซก็ส่องแสงสว่างไสว มังกรกษัตริย์ใกล้เคียงทะยานขึ้น หลังจากนั้นก็ดำลงไปในพื้นดิน
มังกรกษัตริย์รอบๆพวกเขาทั้งหมดพากันดำลงไปในผืนดิน หลังจากนั้นมังกรกษัตริย์ของพวกเขาทั้งคู่ก็เริ่มเคลื่อนไหว แต่ทว่ามังกรกษัตริย์ของพวกเขาไม่ได้ลงไปใต้ดินเหมือนกับมังกรตัวอื่นๆ มันทะยานขึ้นสู่ด้านบนของต้นไม้แทน
หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาหันไปมองและสังเกตเห็นว่าไป๋ชิงเสียยังคงนั่งหลับตาอยู่บนหัวของมังกรกษัตริย์และปล่อยให้มันพาเขาทะยานขึ้นไป
กิ่งก้านของต้นไม้กษัตริย์เป็นเหมือนกับท้องฟ้าทองคำ และคิงอีซก็ส่องแสงระยิบระยับราวกับดวงดาวสีทอง มังกรกษัตริย์ทั้ง 2 ทะยานสูงขึ้นไปเรื่อยๆราวกับว่ามันจะพุ่งออกไปสู่อวกาศ
ถ้าคนๆหนึ่งไม่ได้มาเห็นมันด้วยตาตัวเอง มันก็เป็นอะไรที่ยากจะจิตนาการได้ถึงความสวยงามของมัน
หานเซิ่นยืนอยู่บนหัวของมังกรกษัตริย์และจ้องมองคิงอีซที่เฉิดฉาย มันเหมือนกับว่าเขาอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน
มังกรกษัตริย์ทั้ง 2 หยุดเคลื่อนที่หลังจากที่มาถึงได้ครึ่งทาง เพราะยังไงซะพวกมันก็เป็นแค่รากของต้นไม้กษัตริย์ พวกมันต้องแยกตัวเองจากต้นไม้กษัตริย์เพื่อทะยานไปไกลมากกว่านี้
ไป๋ชิงเสียลืมตาและลุกขึ้นยืน เขามองไปที่คิงอีซและพูด “คนที่อาวุโสกว่าควรเริ่มก่อน ดังนั้นเชิญเจ้าลงมือ”
“ข้าแค่ชมทิวทัศน์เท่านั้น เชิญเจ้าเริ่มก่อน” หานเซิ่นพูด
เขาไม่รู้ถึงวิธีที่จะได้รับการยินยอมและการคุ้มครองจากคิงอีซ
ไป๋ชิงเสียไม่ปฏิเสธที่จะเริ่มก่อน เขามองไปที่คิงอีซ หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มเรืองแสงสีขาวออกมา แสงสีขาวนั้นเข้มขึ้นขึ้นเรื่อยๆและมันก็ทำให้ร่างกายของไป๋ชิงเสียสว่างไสว มันดูเหมือนกับว่าเขากลายเป็นหินหยกที่โปร่งใส
“ร่างกายแห่งราชัน?” หานเซิ่นหลี่ตา ไป๋ชิงเสียยังคงยืนอยู่บนหัวของมังกรกษัตริย์ ขณะที่ร่างกายของเขาสว่างไสว มันเหมือนกับว่าทั้งร่างของเขาห่อหุ้มด้วยแสงแห่งเทพ มันไม่ใช่แค่เนื้อหนังของเขาเท่านั้น แม้แต่ผมของเขาก็ดูเหมือนกับหยก
เมื่อพลังของร่างกายแห่งราชันของไป๋ชิงเสียแพร่ขยายออกไป คิงอีซบนใบไม้ของต้นไม้กษัตริย์ก็เริ่มตอบสนอง ใบไม้เริ่มสั่นไหวราวกับว่ามันถูกพัดด้วยสายลมที่ไม่ส่งผลกระทบต่ออะไรอย่างอื่น