Super God Gene – ตอนที่ 2369

ตอนที่ 2369

Super God Gene – ตอนที่ 2369
“นายลองใช้ดาบน้อยของนายเพื่อแก้ไขสถานการณ์แล้วหรือยัง?”
หานเซิ่นรู้สึกตัวขึ้นมาว่ากำลังพูดถึง ‘ดาบน้อย’ ของหนิงเยวี่ย และเขาก็รีบส่ายหัวเพื่อกำจัดความคิดเหล่านั้นไป

หนิงเยวี่ยมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆและพูด “ฉันลองทุกอย่างแล้ว! ฉันลองพยายามทำลายมันและโยนมันทิ้ง ฉันลองแม้กระทั่งขายมัน แต่ไม่ว่าฉันจะทำอะไร ร่างกายของฉันก็ยังคงเป็นแบบนี้ และเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันนอนหลับ เจ้าสิ่งนี่ก็จะมาอยู่บนอกของฉัน ในตอนที่ฉันตื่นขึ้นมา”

“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นดาบที่ชั่วร้าย… นายคิดจะทำยังไง?”
หานเซิ่นรู้ว่าหนิงเยวี่ยเป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาด มันไม่มีทางที่เขาจะติดต่อมาโดยไม่มีเหตุผล

“ดาบเขียวเล่มนี้มาจากเหมืองในซีโน่เจเนอิคสเปช ดังนั้นฉันจึงกลับไปสำรวจสถานที่แห่งนั้นอีกครั้ง และฉันก็พบเรื่องน่าสนใจบางอย่าง เผ่าเฮลล์อยู่ภายใต้การควบคุมของเผ่าพันธุ์อื่น และเผ่าพันธุ์นี้นั้นก็มอบหน้าที่ขุดเหมืองให้กับพวกเขา การสร้างปราสาทและรูปปั้นเป็นเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคือการหาอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายในเหมือง”

หลังจากที่หยุดไปชั่วครู่ หนิงเยวี่ยก็พูดต่อ “เพื่อหาว่าดาบเขียวเล่มนี้คืออะไร พวกเราต้องเริ่มจากเหมืองนั่น”

“ตอนนี้นายควรอยู่ห่างจากซีโน่เจเนอิคสเปชนั่นไปก่อน” หานเซิ่นพูด

“ตอนนี้ฉันอยู่บนดาวของพวก1000สมบัติ ก่อนที่จะจากมาฉันได้ลบร่องรอยทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นไปแล้ว” หนิงเยวี่ยพูด

“นายรู้ไหมว่าใครที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้?” หานเซิ่นพูด

“ฉันไม่รู้ จากการปะติดปะต่อข้อมูลทั้งหมดที่หามาได้ ฉันแค่รู้ว่ามีเผ่าอื่นคอยบ่งการเผ่าเฮลล์ มันไม่มีหลักฐานอะไรที่มาสนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้” หนิงเยวี่ยส่ายหัวของเขา

หานเซิ่นเงียบไปชั่วครู่ “ขอเวลาฉันสักหน่อย ตอนนี้ฉันเองก็กำลังมีปัญหาอยู่ ฉันยังเดินทางออกจากเอ็กซ์ตรีมคิงไม่ได้ ถ้านายรอฉัน ฉันจะหาทางติดต่อกลับไปเมื่อฉันออกจากที่นี่ได้แล้ว”

“โอเค” หนิงเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรมากหลังจากนั้น พวกเขาคุยรายละเอียดกันอีกนิดหน่อยก่อนที่จะวางสายไป

ใบหน้าของหานเซิ่นบิดเบี้ยว เขาอยากจะหัวเราะ แต่เขาไม่สามารถทำได้

โชคดีที่หนิงเยวี่ยเป็นคนสุขุม ถ้าเหตุการณ์อย่างเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับหานเซิ่นล่ะก็ มันก็คงจะทำให้เขาเป็นบ้าไป

หานเซิ่นนำแผนที่ที่เป็นของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงออกมาและมองหาซีโน่เจเนอิคสเปชที่หนิงเยวี่ยพูดถึง แต่มันไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็ค้นหาระบบจักรวาลที่มีซีโน่เจเนอิคสเปชนั้นอยู่และพบว่าระบบจักรวาลนั้นเป็นของเผ่าพันธุ์เล็กๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของปราสาทนภา เผ่าพันธุ์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่เล็กมากๆ ถึงขนาดที่พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก

‘ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเผ่าพันธุ์เล็กๆนี้ ดูเหมือนว่าจะมีผู้คนไม่มากที่รู้เกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคสเปชนั่น’
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘เผ่าเฮลล์และฝ่ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คงจะทำงานกันอย่างลับๆ นี่ไม่มีทางเป็นเขตแดนของพวกเขาไปได้ บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้เป็นพันธมิตรกับปราสาทนภา และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงได้ขุดเหมืองที่นั่นอย่างลับๆ ถ้าพวกเขาลังเลที่จะกลับไปที่ซีโน่เจเนอิคสเปชนั่นอีกครั้ง พวกเราก็ยังมีโอกาสอยู่’

ขณะที่หานเซิ่นคำนึงถึงตัวเลือกของเขา เขาก็เริ่มจะรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ปัญหาใหญ่ของเขาในตอนนี้ก็คือการที่ไม่สามารถออกไปจากเอ็กซ์ตรีมคิงได้ คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่มีทางปล่อยเขาเป็นอิสระ

พลังที่จำกัดของหานเซิ่นก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าถูกขุดออกมาจากซีโน่เจเนอิคสเปชนั้น ซึ่งในอตนนี้เขายังไม่มีพลังพอที่จะรับมือกับพวกมัน ถ้าเขาต้องการจะไปที่นั่น เขาก็ต้องพานกแดงน้อยไปด้วย ไม่อย่างนั้นสถานการณ์ก็อาจจะเลวร้ายขึ้นมา ถ้าพวกเขาต้องไปเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเข้า

ถ้าเขาไปดึงดูดบางสิ่งที่เลวร้ายเหมือนอย่างดาบเขียวของหนิงเยวี่ย หานเซิ่นก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพียงแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกหนาวขึ้นมา

‘ยังไงหนิงเยวี่ยก็ไม่ใช่คนที่จะบุ่มบ่ามทำอะไร ตอนนี้เราควรจะให้ความสนใจกับสถานการณ์ของตัวเองก่อนที่จะทำอะไรอย่างอื่น’ หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะที่คิดแบบนั้น

หานเซิ่นและหลันไห่ซินตกลงเวลาที่จะพบกัน ซึ่งหานเซิ่นเองก็อยากจะเห็นโบราณวัตถุที่เธอพูดถึงนี้เช่นกัน ถ้าเขาได้มันมา มันก็อาจจะมอบพลังให้กับเขา

ถึงแม้หลันไห่ซินจะเป็นคนที่ได้มันไป เธอก็เป็นภรรยาของไป๋อี้ อย่างนั้นแล้วหานเซิ่นที่เป็นคนช่วยเธอก็ควรจะได้รับอะไรบางอย่างจากข้อตกลงนี้อยู่ดี

หานเซิ่นคิดว่าการไปกับหลันไห่ซินไม่ถือว่าเป็นความคิดที่เลวร้ายอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรที่จะถูกลากตัวไป

หานเซิ่นเหลือเวลาไม่มากนักก่อนที่ถึงเวลานัดพบ ในช่วงนั้นแทนที่จะไปที่สวนของกษัตริย์ หานเซิ่นตัดสินใจที่จะศึกษาความลับของศาสตร์ตงเสวียนอยู่ที่บ้านแทน ศาสตร์ตงเสวียนนั้นแตกต่างจากวิชาจีโนอื่นๆ ถึงแม้เขาจะเลื่อนระดับมันได้แล้ว แต่เขาก็ยังต้องทำความเข้าใจถึงวิธีใช้พลังที่ได้มาอยู่ดี พวกมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถใช้ได้ในทันที

หานเซิ่นยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธาตุของศาสตร์ตงเสวียน มันคล้ายคลึงกับออร่าศาสตร์ตงเสวียน แต่เขาสามารถบอกได้ว่ามันมีสิ่งสำคัญบางอย่างที่ต่างออกไป ตอนนี้หานเซิ่นแค่ต้องหาจะว่าสิ่งนั้นคืออะไร

นอกจากนั้นหานเซิ่นยังใช้เวลาเพื่อศึกษาวิญญาณอสูรของหอยสังข์ภูเขา ซึ่งเขาพบว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจ อาณาเขตแสงสีฟ้าที่มันปลดปล่อยออกมานั้นเป็นอะไรที่มหัศจรรย์ แต่เมื่อมันถูกปลดปล่อยใส่สิ่งมีชีวิต มันจะไม่ส่งผลโดยตรง หลังจากที่ทำการศึกษาค้นคว้าอยู่หลายวัน ในที่สุดหานเซิ่นก็ค้นพบบางสิ่ง เขาเข้าใจถึงวิธีการที่แท้จริงที่จะใช้อาณาเขตของหอยสังข์ภูเขา

นอกปราสาทใต้น้ำ เหล่าขุนนางของเผ่าไซเรนเริ่มจะมารวมตัวกัน รวมทั้งหมดแล้วพวกเขามีกันอยู่ราวๆ 2 ร้อยคนด้วยกัน มันมีไซเรนระดับราชัน 5 คนและระดับครึ่งเทพหนึ่งคนปะปนอยู่ด้วย

หลันไห่ซินเองก็เป็นระดับราชัน ผู้เหลือรอดของเผ่าไซเรนนั้นถือว่าไม่เลวเลย แต่พวกเขาไม่ได้ทำงานให้กับหานเซิ่น พวกเขาฟังแค่คำสั่งของหลันไห่ซินเท่านั้น

ไป๋อี้เป็นเลือดบริสุทธิ์รุ่นสุดท้าย และเขาก็เป็นสามีของหลันไห่ซิน แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับเหล่าไซเรนแล้ว เขาไม่ได้มีความสำคัญอะไร

ถ้าหานเซิ่นไม่ได้แสดงความก้าวหน้าที่น่าประทับใจในช่วงนี้ พวกเขาก็คงจะยังมองหานเซิ่นด้วยความดูถูก

หลันไห่ซินพาเป่าออกไปที่แถวหน้าสุด เมื่อเห็นหานเซิ่นและกิเลนโลหิตเดินเข้ามา เป่าเอ๋อก็ดูหวาดกลัว เธอหนีไปซ่อนด้านหลังของหลันไห่ซิน

“ไม่ต้องกลัว ตราบใดที่พี่สาวอยู่ที่นี่ พี่จะไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายหนูได้” หลันไห่ซินพูดปลอบและลดตัวลงเพื่อกอดเป่าเอ๋อ

‘เป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์อะไรอย่างนี้… มันคงจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายถ้าเธอไม่ได้มีอาชีพเป็นนักแสดง’ หานเซิ่นอยากจะร้องไห้กับภาพที่เห็น การแสดงของเป่าเอ๋อนั้นดีเกินไป ถ้าเขาไม่ได้รู้จักเป่าเอ๋อล่ะก็ เขาก็คงจะถูกหลอกอย่างสนิทใจ

หานเซิ่นหัวเราะออกมาและมองไปที่เป่าเอ๋อ “อย่าลืมว่านั่นเป็นลูกสาวของข้า ข้าขอเตือนเจ้า อย่าแตะต้องเป่าเอ๋อเป็นอันขาด”

เมื่อเห็นว่าเป่าเอ๋อยังคงหวาดกลัวและหลบซ่อนอยู่ด้านหลังของเธอ หลันไห่ซินก็หันมาจ้องหานเซิ่นและพูด “โอเค แต่เจ้าจะพานางกลับไปกับเจ้าไม่ได้”

หานเซิ่นมองไปที่เป่าเอ๋อและเลียริมฝีปากของเขา

“พวกเราจะไปพร้อมกัน พวกเราจะทิ้งนางเอาไว้ที่นี่ไม่ได้ ไม่ต้องกังวล นางจะไม่รบกวนอะไรพวกเรา” หลันไห่ซินจูงมือเป่าเอ๋อไปข้างหน้าและเมินเฉยต่อหานเซิ่น

หานเซิ่นยักไหล่และขี่กิเลนโลหิตตามหลังเธอไป

ไซเรนตามพวกเขามาอย่างเป็นระเบียบ พวกเขาทุกคนดูตื่นเต้น

“องค์ชาย ข้าขอรออยู่ที่นี่ได้ไหม?” ลิลลี่ยืนอยู่ด้านหลังของหานเซิ่นและขออนุญาตของเขาอย่างเบาๆ

“เจ้าไม่อยากไปอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองลิลลี่อย่างแปลกๆ

ลิลลี่กำลังจะตอบ แต่ทันใดนั้นหญิงแก่เผ่าไซเรนที่อยู่ข้างๆหลันไห่ซินก็พูดขึ้นมา
“นี่เป็นวันสำคัญของเผ่าไซเรน พวกเราทุกคนจำเป็นต้องไปเข้าร่วม นอกซะจากเจ้าไม่ใช่หนึ่งในพวกเรา?”

ลิลลี่ลดหัวลงต่ำและไม่พูดอะไรอีก

Super God Gene

Super God Gene

Status: Ongoing
 ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม”

Show less 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท