Super God Gene – ตอนที่ 2438
“ท่านเป็นถึงน้องสาวของราชาไป๋และเป็นผู้นำของสปริงเรน นี่ท่านเชื่อในการทำนายจริงๆอย่างนั้นหรอ? บอกเหตุผลที่แท้จริงกับข้าว่าทำไมท่านถึงต้องการจะฆ่าเด็กสาวคนนี้” หานเซิ่นมองไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์อย่างไม่แยแส
คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้พยายามจะโจมตีเขาต่อ เธอมองไปที่หานเซิ่นอยู่สักพัก ก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“การทำนายนั้นมีพลังอำนาจจริงๆ ยอดฝีมือน้อยคนนักที่จะทำนายอนาคตได้จริง แต่มันก็มีคนที่ทำแบบนั้นได้อยู่ โดยเฉพาะพวกเผ่าเวรี่ไฮนั้นเชี่ยวชาญในวิชาการทำนายอย่างมาก”
“แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ท่านจะต้องการเด็กคนนี้” หานเซิ่นพูดพร้อมกับส่ายหัวของเขา
คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหาของหานเซิ่น “ในตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนแอ มันอ่อนแอถึงขนาดที่ไม่ว่าขุนนางคนไหนก็ฆ่านางได้ แต่พลังที่นางแสดงก่อนหน้านี้มันแข็งแกร่งมาก แม้แต่ไนท์วินด์ที่เป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ยังถูกฆ่าตายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว พลังที่ผันผวนอย่างประหลาดแบบนั้นทำให้ข้านึกถึงใครบางคนในตำนานที่เก่าแก่”
“นึกถึงใครกัน?” หานเซิ่นถาม
“ผู้นำของเซเคร็ด” คุณหญิงมิร์เรอร์พูดอย่างช้าๆ
“นั่นเป็นไปได้ยังไง? ถ้าผู้นำของเซเคร็ดมีจุดอ่อนที่เด่นชัดขนาดนั้นจริง เขาก็คงจะถูกฆ่าตายมานับครั้งไม่ถ้วน” หานเซิ่นพูดตอบอย่างไม่อยากเชื่อ
ถ้าผู้นำของเซเคร็ดมีร่างกายที่อ่อนแอแบบนั้นจริงๆ มันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการปกครองจักรวาล เขาบัญชาการผู้คนที่แข็งแกร่งมากมาย ถ้าผู้คนเหล่านั้นค้นพบจุดอ่อนของเขาได้ง่ายๆ มันก็ไม่มีทางที่ผู้นำของเซเคร็ดจะปกครองเซเคร็ดได้เป็นเวลายาวนาน
“แน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่ตำนาน ถึงแม้ร่างกายของผู้นำเซเคร็ดจะอ่อนแอในบางครั้ง แต่เขาก็สวมใส่ชุดเกราะวิเศษอยู่เสมอ แม้แต่คนที่ใกล้ชิดกับผู้นำเซเคร็ดก็ไม่เคยได้เห็นใบหน้าของเขา แถมเขายังเชี่ยวชาญในพลังธาตุอวกาศและกาลเวลาอย่างมาก การจะลอบโจมตีหรือกักขังนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี่หมายความว่ายังไงกันแน่ แต่พลังของเด็กสาวคนนี้มันไม่ปกติ บางทีนางอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้นำเซเคร็ด และถึงพวกเขาจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ข้าก็ยังต้องจำเป็นฆ่านางเพื่อปกป้องกันเอาไว้ก่อน ข้าจะไม่เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงกับนาง”
คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปที่หานเซิ่นและพูดต่อ “เจ้าควรปล่อยนางซะตอนนี้ เพราะนี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า ถ้าเจ้ายังพยายามจะหยุดข้าอีก ข้าก็จะฆ่าเจ้าซะ”
หานเซิ่นมีหลายคำถามที่อยากจะถามเด็กสาว หลายคำถามนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะรู้คำตอบเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะปล่อยให้เธอถูกฆ่าตาย
“ต้องขอโทษด้วย แต่ข้าอยากจะให้เด็กคนนี้มีชีวิตต่อไป” หานเซิ่นพึมพำเบาๆ
คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเพียงแค่ฟันใส่หานเซิ่นด้วยดาบหักในมือ การกระทำของเธอชัดเจนยิ่งกว่าคำอธิบายใดๆ เธอทำการตัดสินใจแล้ว เธอไม่คิดจะยั้งมืออีกต่อไป
ซึ่งเมื่อดูจากการโจมตีในครั้งนี้ของคุณหญิงมิร์เรอร์ มันเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ออมมืออีกต่อไป และหานเซิ่นก็รู้ในเรื่องนั้นดี เขาจึงรับมือกับภัยที่เข้ามาอย่างจริงจัง เขาใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อวิเคราะห์วิชาดาบของคุณหญิงมิร์เรอร์
หานเซิ่นสามารถใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อหยุดอาณาเขตและพลังของคุณหญิงมิร์เรอร์ได้ แต่ถ้าหานเซิ่นใช้มันในสถานการณ์นี้ มันก็มีโอกาสที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย เขาไม่อยากจะทำแบบนั้น นอกซะจากว่ามันจะจำเป็นจริงๆ
วิชาดาบของคุณหญิงมิร์เรอร์นั้นคาดเดาไม่ได้อย่างน่าประหลาด มันไม่ใช่วิชาดาบที่มีพลังเหตุและผล แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงยากจะหลบหลีก เมื่อเขาเห็นคุณหญิงมิร์เรอร์ฟันเข้ามา หานเซิ่นก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งเพื่อหลบหลีกดาบของเธอ
การเคลื่อนไหวของหานเซิ่นนั้นรวดเร็ว เขาว่องไวยิ่งกว่าคุณหญิงมิร์เรอร์ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดาบหักก็ยังคงฟันมาถูกและตัดแขนของเขา
หานเซิ่นมีร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์อยู่ ดังนั้นถึงแม้ร่างกายของเขาจะถูกตัด เขาก็สามารถฟื้นตัวได้ในทันที บาดแผลธรรมดาไม่สามารถทำร้ายเขาได้ แต่ทว่าเมื่อเขาถูกฟันโดยดาบหัก ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขาก็ไม่สามารถรักษาตัวเองได้
“ดูเหมือนว่าดาบหักนี้จะเป็นอาวุธที่แม้แต่ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ก็ต้านทานไม่ได้ เจ้าควรจะคิดเกี่ยวกับวิธีการรับมือดีๆ การฟันครั้งต่อไปจะไม่ได้ตัดแค่แขนของเจ้า”
คุณหญิงมิร์เรอร์พูด หลังจากนั้นเธอก็กวัดแกว่งดาบอีกครั้ง ดาบของเธอโค้งเหมือนกับสายรุ้งและดูเหมือนจะหายไปท่ามกลางการแกว่งเหมือนครั้งก่อนๆ
“ข้าเข้าใจวิชาดาบของท่านแล้ว” หานเซิ่นเคลื่อนไหวและการโจมตีของคุณหญิงมิร์เรอร์ก็ไม่ถูกตัวของเขา
คุณหญิงมิร์เรอร์อึ้งไป เธอแกว่งดาบหักใส่หานเซิ่นอีกครั้ง ดาบสายรุ้งมากมายพุ่งลงมา แต่หานเซิ่นเป็นเหมือนกับผีเสื้อ เขาโบยบินไปมาระหว่างดาบสายรุ้งและหลบหลีกการโจมตีของคุณหญิงมิร์เรอร์ได้ทุกครั้ง แต่หานเซิ่นยังคงอุ้มเด็กสาวเอาไว้อยู่ ดังนั้นเขาไม่สามารถตอบโต้ได้
“นี่คงจะต้องเป็นการรวมกันระหว่างอาณาเขตมิร์เรอร์และวิชาดาบของท่าน เพลงดาบที่เดินทางผ่านโลกกระจกนั้นหลบหลีกไม่ได้ นั่นทำให้คู่ต่อสู้ของท่านไม่รู้ว่าดาบโจมตีเข้ามาจากไหน เพราะพวกเขามองไม่เห็นเส้นทางของใบมีด มันเป็นกระบวนท่าที่ทรงพลัง แต่มันไร้ประโยชน์กับคนอย่างข้า” หานเซิ่นพูดขณะที่ยังคงหลบหลีกการโจมตีของคุณหญิงมิร์เรอร์อย่างใจเย็น
ในที่สุดแล้วคุณหญิงมิร์เรอร์ก็ต้องบังคับตัวเองให้ยอมรับว่าหานเซิ่นมองวิชาดาบของเธอออกจริงๆ การพยายามโจมตีต่อไปเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ ดังนั้นเธอจึงลดดาบลง
“ตอนนี้พวกเราพูดคุยกันได้แล้วใช่ไหม?” หานเซิ่นไม่ต้องการต่อสู้กับคุณหญิงมิร์เรอร์ การทำแบบนั้นจะนำพวกเขาไปสู่สถานการณ์ที่ถูกทำนายเอาไว้
คุณหญิงมิร์เรอร์หัวเราะออกมา “เจ้าคิดว่าหนีจากวิชาดาบมิร์เรอร์ของข้าได้แล้วอย่างนั้นหรอ?”
“ข้ายังหนีไม่พ้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“ถ้าเจ้ายังยืนกรานที่จะขวางทางของข้าล่ะก็ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นอาณาเขตมิร์เรอร์ที่แท้จริง” คุณหญิงมิร์เรอร์พูดก่อนที่จะยกดาบในมือขึ้นอีกครั้ง
หานเซิ่นรู้ว่าคุณหญิงมิร์เรอร์เป็นผู้หญิงที่ฝีมือสูง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลดการป้องกันตัวเองลง ถึงแม้เธอจะหยุดโจมตีแล้วก็ตาม
“ข้าจะใช้ดาบนี้ปิดดวงตาข้างซ้ายของเจ้า” คุณหญิงมิร์เรอร์แกว่งดาบหักของเธอ แต่ครั้งนี้มันไม่ได้มีดาบสายรุ้งที่บิดเบี้ยวผ่านช่องว่างของมิติปรากฏออกมาให้เห็น พลังของดาบฟันมาถูกหานเซิ่นโดยที่ไม่มีการเตือนใดๆ
หานเซิ่นรู้สึกเจ็บปวดดวงตาข้างซ้ายราวกับถูกแทงด้วยเข็ม หลังจากนั้นลูกตาของเขาก็ระเบิด หานเซิ่นไม่เห็นเลยว่าเธอโจมตีมาถูกดวงตาของเขาได้ยังไง
“การโจมตีนี้จะทำลายดวงตาข้างขวาของเจ้า” คุณหญิงมิร์เรอร์พูดอย่างเรียบง่าย หลังจากนั้นเธอก็แกว่งดาบหักของเธออีกครั้ง
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงจนถึงขีดสุด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถระบุถึงพลังที่ผลักดันดาบหักของคุณหญิงมิร์เรอร์ได้
ดวงตาข้างขวาของเขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาราวกับว่ามันถูกตัดด้วยใบมีด มันระเบิดเหมือนกับดวงตาข้างซ้ายและมีเลือดหลั่งไหลออกมาจากเบ้า
เนื่องจากพลังประหลาดของดาบหัก ดวงตาของเขาก็มีเลือดไหลออกมาอย่างไม่หยุด และเลือดของเขาก็ไม่ตกผลึกเช่นกัน
“ปล่อยตัวเด็กสาวคนนั้นไป ไม่อย่างนั้นการโจมตีครั้งต่อไปข้าจะฆ่าเจ้า” คุณหญิงมิร์เรอร์พูดด้วยโทนเสียงที่แข็งกร้าว
ตอนนี้หานเซิ่นตาบอด แต่นั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการสัมผัสของเขา เขายังคงดูใจเย็นขณะที่พูดขึ้นมา
“ข้าควรจะรู้ว่านี่คืออาณาเขตมิร์เรอร์ที่แท้จริง ดวงตาของข้าสะท้อนภาพท่านและดาบของท่าน ดังนั้นท่านจึงทำลายดวงตาของท่านได้โดยใช้ภาพสะท้อนนั่น แต่ตอนนี้เมื่อดวงตาของข้าถูกทำลาย มันยังมีอะไรอย่างอื่นอีกที่จะสะท้อนภาพท่านและดาบของท่าาน? แบบนั้นท่านจะฆ่าข้ายังไง?”
คุณหญิงมิร์เรอร์ถอนหายใจ “เจ้ายังเด็กเกินไป เจ้าคิดว่านั่นคือทั้งหมดที่อาณาเขตมิร์เรอร์ของข้าทำได้อย่างนั้นหรอ?”
หลังจากพูดอย่างนั้นคุณหญิงมิร์เรอร์ก็ยกมือขึ้นและกระจกเก่าแก่บานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างๆเธอ มันมีความสูงพอๆกับตัวเธอ กระจกเก่าแก่บานนั้นหันไปทางหานเซิ่นและสะท้อนภาพของเขา
คุณหญิงมิร์เรอร์แทงดาบไปที่กระจก ดาบหักนั้นแทงทะลุผ่านกระจกไปโดยที่ไม่ได้ทำให้กระจกแตก หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในอก
“เป็นอาณาเขตที่ทรงพลังอะไรอย่างนี้! ขอบคุณที่ไว้ชีวิตของข้า”
หานเซิ่นรู้ว่าดาบนี้ที่คุณหญิงมิร์เรอร์ใช้นั้นสามารถแทงทะลุหัวใจหรือตัดหัวของเขาให้ขาดได้