Super God Gene – ตอนที่ 2469
มันใช้เวลาพอสมควรเพื่อจะบรรยายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในความจริงแล้ว การต่อสู้จบลงในชั่วพริบตา หานเซิ่นแช่แข็งยอดฝีมือระดับครึ่งเทพ 2 คนและระดับราชันอีก 3 คนในเวลาอันสั้น
“นี่ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม? ทั้งธันเดอร์และชาโดว์ที่เป็นถึงระดับครึ่งเทพถูกแช่แข็งอย่างนั้นหรอ? แม้แต่บาร์เองก็ถูกแช่แข็งเช่นกัน นี่คริสตัลไลเซอร์แข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลยหรอเนี่ย?”
“นี่มันสุดยอดไปเลย หนึ่งหมัดต่อหนึ่งคน เขาเอาชนะยอดฝีมือระดับครึ่งเทพ 2 คนและระดับราชันอีก 3 คนได้อย่างง่ายดาย ไม่แปลกใจเลยที่เขาฆ่าองค์ชายของเอ็กซ์ตรีมคิงได้สำเร็จ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ร่างกายของคริสตัลไลเซอร์วิวัฒนาการได้อย่างรวดเร็วขนาดนั้น? เผ่าคริสตัลไลเซอร์พึ่งพาเทคโนโลยีเป็นหลักไม่ใช่หรอ?”
“นั่นดูจะไม่ใช่พลังน้ำแข็งธรรมดาๆ ถ้ามันเป็นพลังน้ำแข็งธรรมดาๆ บาร์และธันเดอร์ก็คงจะไม่ถูกผนึกอย่างสมบูรณ์แบบนั้นแน่”
…
ทั้งจักรวาลตกตะลึงกับสิ่งที่หานเซิ่นเพิ่งจะทำ การแช่แข็งยอดฝีมือระดับราชันและระดับครึ่งเทพ 5 คนในเวลาชั่วครู่ถือเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
“เขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เราเองก็ต้องพัฒนาตัวเองเช่นกัน”
หลินเฟิงพูดกับตัวเอง เมื่อเห็นการต่อสู้ของหานเซิ่นบนโทรศัพท์ ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะที่เขาเดินไปในภูเขาที่เต็มไปด้วยซีโน่เจเนอิค
หวังอวี่ฮังที่มีอยู่กาน่าอยู่ในอ้อมแขนและกำลังเพลิดเพลินกับอาหารชั้นดี ในระหว่างการต่อสู้บัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน เขาได้เดิมพันทรัพย์สินทั้งหมดของเขาว่าดอลลาร์จะเป็นฝ่ายชนะ การเดิมพันครั้งนั้นทำให้เขาร่ำรวย ตอนนี้เขาสามารถซื้ออะไรหลายๆอย่างที่เขาต้องการได้
“นี่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ จากพวกเราทุกคนทำไมหานเซิ่นถึงเป็นเพียงแค่คนเดียวที่มีชื่อเสียงโด่งดัง? ไม่สิ… เราจำเป็นต้องทำการถ่ายทอดสดตัวเองบ้าง คนบ้านนอกของจักรวาลจีโนแห่งนี้จะได้เห็นถึงความยอดเยี่ยวของเรา”
หวังอวี่ฮังพูดขณะที่มองดูหานเซิ่นแช่แข็งบาร์และคนอื่นๆ ผู้หญิงรอบตัวเขาก็กำลังมองดูการต่อสู้อยู่เช่นกัน พวกเธอต่างก็หลงใหลกับความสามารถของหานเซิ่น ซึ่งนั่นทำให้หวังอวี่ฮังอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม
…
“ไม่เลว เขาเกือบจะทัดเทียมกับข้าแล้ว ถ้าเขาฝึกอย่างหนัก เขาอาจจะถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของข้า” เซี่ยชิงพูด เขาสวมใส่แว่นกันแดดและถือขวดเบียร์อยู่ในมือ เขากำลังใช้สมาธิกับการขับยานอวกาศสุดแพง ข้างกายของเขามีกระดาษและปากกาวางอยู่
ขณะที่เขาขับยานไป ภาพของคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ มันคือภาพคนของสหพันธ์1000สมบัติ หลังจากที่เห็นเซี่ยชิง เขาก็ยิ้มและพูด
“มิสเตอร์เซี่ยชิงเขียนการ์ตูนเล่ม 3 เสร็จหรือยัง? ทั้งจักรวาลกำลังรอคอยภาคต่อของซีรี่ย์เกาหลีรักของท่านประธานผู้เอาแต่ใจ”
“อ้า…เฮ้…อ้า…อะไร…นี่เจ้าพูดว่าอะไรนะ…โอ้ไม่นะ…สัญญาณไม่ดี…อ้า…พายุแม่เหล็ก…โอ้ไม่…โอ้ไม่นะ…” เซี่ยชิงพูด หลังจากนั้นเขาก็ทุบโทรศัพท์เพื่อตัดสาย
“นักเขียนแบบไหนกันที่เขียนเสร็จและส่งงานของพวกเขาตรงตามเวลา?” เซี่ยชิงยกเบียร์ขึ้นมาดื่มและกลับไปมองดูการต่อสู้ของหานเซิ่น
…
ภายในเอ็กซ์ตรีมคิง ชายที่มีร่างกายเหมือนกับภูตผีออกมาจากภูเขาที่ว่างเปล่าลูกหนึ่ง เขาเดินทางออกจากอาณาจักรกษัตริย์และมุ่งหน้าไปที่ระบบเทียนเซีย
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นไป๋อี้หรือหานเซิ่น ครั้งนี้ข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้!” ไป๋อู๋ฉางพูดกับตัวเองขณะที่เดินทางในอวกาศ
หลังจากที่หานเซิ่นแช่แข็งบาร์และคนอื่นๆ เขาก็ตั้งใจจะขโมยของมีค่าของอีกฝ่าย แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงอันตรายบางอย่าง รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของเขา และเขาก็รีบขว้างรูบิคว่านเจียออกไป
ในจังหวะที่หานเซิ่นขว้างรูบิคว่านเจียออกไป ใบมีดที่เหมือนกับเข็มก็ก่อตัวขึ้นจากภาพที่ถูกแสดงบนรูบิคว่านเจีย ใบมีดที่บางเฉียบบินผ่านแก้มของหานเซิ่นไป
มีเงาดำมืดออกมาจากรูบิคว่านเจียตามใบมีดที่เหมือนกับเข็มนั้น คนๆหนึ่งคว้ารูบิคว่านเจียเอาไว้และหันมายิ้มให้กับหานเซิ่น
“เจ้าเป็นใครกัน?” หานเซิ่นขมวดคิ้วและถามสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ออกมาจากรูบิคว่านเจีย
สิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นมีร่างกายของมนุษย์ แต่มีหัวของแกะและปีกที่เหมือนกับค้างคาว แถมเขาก็มีเกล็ดสีดำที่แวววาว
“ข้าคือชาโดว์โกสต์” สิ่งมีชีวิตประหลาดพูดขณะที่เล่นกับรูบิคว่านเจียในมือ
รูบิคว่านเจียยังคงทำงานอยู่ และผู้ชมมากมายก็ตัวแข็งทื่อไป เมื่อพวกเขาได้ยินชื่อชาโดว์โกสต์
ชาโดว์โกสต์มาจากเผ่าโจรสลัด ถึงแม้เขาจะเป็นแค่ครึ่งเทพ แต่ชื่อของเขาก็เป็นที่หวาดกลัวในหัวใจของใครหลายๆคน แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ยังต้องระวังสิ่งมีชีวิตนี้ ชาโดว์โกสต์มีต้นกำเนิดจากเผ่าพันธุ์ที่หายาก แต่พรสวรรค์ของเขามากพอที่จะทำให้ผู้คนของเผ่าพันธุ์ที่สูงกว่าหวาดกลัว
ตราบใดที่วิดีโอถูกถ่ายในสถานที่จริง ชาโดว์โกสต์ก็สามารถเข้าไปในวิดีโอและเดินทางไปยังสถานที่ไหนก็ตามที่ถูกถ่ายเอาไว้ นั่นคือสิ่งที่เขาทำในตอนที่ออกมาจากรูบิคว่านเจีย
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด เมื่อชาโดว์โกสต์เข้าไปในวิดีโอแล้ว เขาสามารถเผยตัวเองออกมาได้ทุกเมื่อโดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ
ลองจินตนาการถึงตอนที่กำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อนหรือคนรักผ่านโทรศัพท์ และจู่ๆก็มีดาบพุ่งออกมาจากหน้าจอ มันมีน้อยคนนักที่จะตอบสนองต่อภัยอันตรายอย่างกะทันหันได้เร็วพอ
ใครจะรู้ว่ามียอดฝีมือระดับราชันหรือครึ่งเทพมากมายเท่าไหร่ที่ถูกฆ่าด้วยวิธีการแบบนั้น หลายคนอาจจะไม่มีโอกาสได้รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาถูกฆ่าตายยังไง มันเป็นอะไรที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้
“ชาโดว์โกสต์หมายตาเขา หานเซิ่นกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
“ไม่มีทาง หานเซิ่นตอบสนองอย่างรวดเร็วแบบนั้นได้ยังไง? เขาถือรูบิคว่านเจียเอาไว้ แต่เขาก็ยังหลีกเลี่ยงการลอบโจมตีของชาโดว์โกสต์ได้อย่างนั้นหรอ?”
“หานเซิ่นเพิ่งจะแช่แข็งศัตรูที่แข็งแกร่ง 5 คนไป หลังจากนั้นเขาก็ควรจะผ่อนคลายและลดการป้องกันของตัวเองลง แต่เขากลับหลบหลีกการลอบโจมตีของชาโดว์โกสต์ได้ นี่เขาหลบด้วยสัญชาตญาณ หรือเขารู้อยู่แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น?
“ไม่ว่าจะอย่างไหน มันก็เป็นอะไรที่น่ากลัว”
ชาโดว์โกสต์หมุนรูบิคว่านเจียในฝ่ามือขณะที่จ้องมองไปที่หานเซิ่น
“พวกเราไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกัน และมันก็ไม่ได้มีใครที่จ้างให้ข้ามาฆ่าเจ้า แต่ทว่าค่าหัวที่ทางเอ็กซ์ตรีมคิงตั้งเอาไว้นั้นเป็นอะไรที่ยั่วยวนเกินไป วันนี้ข้าจึงต้องลำบากตัวเองเพื่อมาฆ่าเจ้า”
หานเซิ่นไม่เคยได้ยินชื่อของชาโดว์โกสต์มาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จักว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายออกมาจากวิดีโอของรูบิคว่านเจีย หานเซิ่นก็รู้ว่าเขามีพลังแบบไหน
“เมื่อครู่นี้เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าในตอนนี้เจ้าจะจัดการข้าได้?” หานเซิ่นถาม
“เจ้าคิดว่านั่นคือพลังทั้งหมดที่ข้ามีหรือยังไง? ให้ข้าแสดงพลังที่แท้จริงของข้าให้เจ้าได้เห็น”
หลังจากนั้นชาโดว์โกสต์ก็หยิบเอากล้องอีกอันออกมา มันมีเสียงถ่ายภาพดังขึ้นพร้อมกับแสงแฟลช
หานเซิ่นพยายามจะหลบ แต่เขาไม่รู้ว่าพลังของอีกฝ่ายมาจากทางไหนกันแน่ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะเคลื่อนตัวหลบไปทางไหนดี
หลังจากแสงแฟลชนั้น ร่างกายของหานเซิ่นก็หายไป และกล้องของชาโดว์โกสต์ก็แสดงภาพของหานเซิ่น
แต่ในภาพนั้น หานเซิ่นสามารถเคลื่อนไหวและพูดได้ มันเหมือนกับภาพวิดีโอ
แสงแฟลชนั้นทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าสิ่งต่างๆนั้นเลือนราง ทุกอย่างรอบตัวของเขาเป็นสีเทา และมันก็มีเงาอยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งเงานั่นก็คือชาโดว์โกสต์