Super God Gene – ตอนที่ 2570
ตอนที่ 2570 รอยสัก
หานเซิ่นหยิบกล่องเครื่องมือขึ้นมาและเริ่มเดินออกไป เขาไม่รังเกียจที่จะทำงานโดยการทำแบบนี้เขาก็จะสามารถเดินสำรวจรอบๆป้อมปราการอวกาศ ซึ่งเขาอาจจะค้นพบอะไรบางอย่าง ในตอนนี้เขาอยากรู้เกี่ยวกับที่นี่
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อรู้ว่าหานเซิ่นต้องการอะไร ดังนั้นพวกเธอจึงหยิบเครื่องมือและเดินตามเขาไปอย่างไม่เต็มใจ แต่ก่อนที่พวกเธอจะได้ออกไปจากบริเวณนั้น จระเข้ระดับเทพเจ้าน้อยก็เข้ามาหยุดพวกเธอเอาไว้ มันยกอุ้งเท้าขึ้นและชี้ไปยังขยะที่กระจัดกระจายอยู่บนชายหาด มันต้องการให้พวกเธอเก็บกวาดชายหาดซะก่อน
หานเซิ่นออกมาจากสระว่ายน้ำพร้อมกับกล่องเครื่องมือ จระเข้ระดับเทพเจ้าไม่ได้ตามเขามา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ต้องไปทำความสะอาดชายหาด เขาเริ่มเดินสำรวจรอบๆป้อมปราการ
ป้อมปราการนั้นอยู่ในสภาพยับเยิน เครื่องจักรส่วนใหญ่ถูกทำลาย หายนะอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ทุกชีวิตในที่แห่งนี้ถึงจุดจบ ถึงเขาจะเห็นเครื่องจักรที่ไม่ถูกทำลายอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าพวกมันเอาไปใช้ทำอะไรได้อยู่ดี
แต่น่าแปลกที่นอกจากจระเข้ปีศาจที่อยู่ในภาชนะคริสตัลแล้ว เขาก็ไม่เห็นร่างของสิ่งมีชีวิตอื่นเลย เขาไม่เห็นแม้แต่เศษกระดูก
‘เมื่อดูจากสภาพของสิ่งก่อสร้างและเครื่องมือที่พังย่อยยับ ที่แห่งนี้คงจะต้องประสบกับหายนะบางอย่าง แต่ทำไมเราไม่เจอร่องรอยอะไรเลย?’
ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิด เขาก็กลับไปยังลานกว้างที่เต็มไปด้วยภาชนะคริสตัล เขาตั้งใจจะไปตรวจสอบที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก
จระเข้ปีศาจที่อยู่ภายในภาชนะยังคงอยู่ในสภาพที่ดี แต่มันกลับไม่แสดงพลังชีวิตใดๆออกมา ส่วนภายในภาชนะที่แตก มันไม่มีอะไรอยู่เลย มันไม่มีร่างกายหรือของเหลวอะไรก็ตามที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในภาชนะ
“แปลกจริงๆ นี่มันหมายความว่าภาชนะคริสตัลพวกนี้ว่างเปล่าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นขมดวคิ้วและเดินหน้าต่อไป
หานเซิ่นมองดูภาชนะคริสตัลทุกชิ้น พวกมันทั้งหมดดูเหมือนกัน และเขาก็คิดว่าอาจจะพลาดอะไรไป
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็มาหยุดอยู่หน้าภาชนะคริสตัลที่แตกชิ้นหนึ่ง ภายใต้ภาชนะคริสตัลที่แตกนั้นเขาพบอะไรบางอย่าง
ใต้คริสตัลที่แตก หานเซิ่นพบมือของคนข้างหนึ่ง มือนั้นมีขนาดใหญ่และผิวค่อนข้างคล้ำ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่มันยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ มันไม่ได้มีร่องรอยของการเน่าเปื่อยเลยแม้แต่น้อย หานเซิ่นคงจะเชื่อว่ามันเป็นมือของคนที่มีชีวิตอยู่ถ้าเขาสัมผัสได้ถึงพลังชีวิต
หานเซิ่นตื่นเต้นกับการค้นพบในครั้งนี้ เขาขยับคริสตัลที่แตกออกไปและเห็นว่าจริงๆแล้วมันเป็นแขนทั้งข้าง แต่มันไม่ได้มีร่างกายติดอยู่ แขนนั้นถูกฉีดขาดบริเวณไหล่
แขนนั้นดูบึกบึนอย่างมาก เมื่อดูจากความยาวของมันแล้ว เจ้าของแขนข้างนี้ก็คงจะสูงราวๆ 2 เมตร เขาคงจะเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งมากๆ
ด้านข้างของแขนใกล้ๆกับกล้ามเนื้อไบเซ็ปส์นั้นมีรอยสักรอยหนึ่งอยู่ มันเป็นภาพของตัวตลกที่มีสีแดงคล้ำ
ตัวตลกในรอยสักนั้นดูเหมือนกำลังกระโดด ขาของมันกางออกราวกับว่ามันเพิ่งจะกระโดดขึ้นมา ใบหน้าของตัวตลกมองออกไปข้างหน้าและบนหมวกของมันมีเขา 2 เขางอกออกมา ดวงตาของมันมีขนาดเล็กและกำลังยิ้มอยู่
หานเซิ่นไม่คิดว่ารอยสักนั้นจะน่าขบขันตรงไหน ตัวตลกนั้นดูประหลาดและรอยยิ้มของมันก็ทำหานเซิ่นรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
หานเซิ่นวางแขนลงและค้นเศษคริสตัลที่แตกต่อ เขาหวังว่าจะเจอร่างกายของแขนข้างนี้ เขาอยากรู้ว่ามันเป็นแขนของใครกันแน่
ชิ้นส่วนที่หักของคริสตัลนั้นหนักยิ่งกว่าเหล็ก แต่หานเซิ่นก็สามารถเขี่ยคริสตัลที่แตกกระจายทั้งหมดออกไปได้อย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าน่าแปลกที่เขาไม่พบร่องรอยอะไรภายใต้ภาชนะคริสตัลที่ถูกทำลายเลย ความจริงแล้วมันไม่มีแม้แต่รอยเลือดด้วยซ้ำ
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบบริเวณนั้น เขาไม่รู้ว่าส่วนที่เหลือของร่างกายนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกหรือว่ามันเพียงแค่ย่อยสลายไปตามการเวลา แต่นอกจากแขนข้างนี้แล้ว มันไม่มีสสารอะไรหลงเหลืออยู่เลย
“แขนข้างนี้ถูกตัดขาดจากที่อื่นและถูกนำมาที่นี่ในภายหลังอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นมองไปรอบๆ ป้อมปราการนั้นเหมือนกับเมืองขนาดใหญ่ ดังนั้นการจะค้นหาให้ทั่วจึงเป็นงานที่ยาก
หานเซิ่นมีแผนที่จะขยายขอบเขตการค้นหาออกไป แต่เมื่อเขาหันกลับมาเพื่อจะหยิบแขนที่ขาดขึ้นมา เขาก็ต้องตกใจ
หลังจากที่หานเซิ่นใช้เวลาประมานสิบนาทีเพื่อเก็บกวาดเศษคริสตัลออกไป ตอนนี้แขนก็เน่าเปื่อยจนเหลือเพียงแค่กระดูก
ผิวคล้ำและกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งนั้นกลายเป็นกองของเหลวเละๆ
หานเซิ่นเคยเห็นซากศพมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สะอิดสะเอียนกับภาพที่เห็นเหมือนกับคนส่วนใหญ่ แต่เขารู้สึกว่ามันแปลกๆ
“แขนนี้ปกติดีมาตลอดหลายปี แต่ทำไมจู่ๆตอนนี้มันถึงได้เน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว?”
หานเซิ่นตรวจดูแขนที่เน่าเปื่อยด้วยการจ้องไปที่มัน ตอนนี้มีเพียงแค่กระดูกเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ แต่เขาค้นพบบางสิ่งที่พิเศษมากเกี่ยวกับมัน
รอยสักตัวตลกบนผิวหนังไม่ได้หายไป มันยังคงอยู่บนกระดูกในตำแหน่งเดิมและมันก็ยังคงมีรอยยิ้มที่น่าขนลุก
เนื้อหนังที่ย่อยสลายไปเผยให้เห็นรอยสักอื่นอีกด้วยเช่นกัน บนผิวหนังแสดงให้เห็นแค่รอยสักของตัวตลกเท่านั้น แต่บนกระดูกมีรอยสักอื่นอยู่ด้วย
“ตัวอักษรของคริสตัลไลเซอร์?” หานเซิ่นทั้งตกใจและดีใจ เขามองไปที่ตัวอักษรและพบว่าพวกมันเล็กเกินกว่าที่จะอ่านได้ ถ้าไม่ใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง เขาก็คงต้องมีกล้องจุลทรรศน์ชั้นสูงเพื่ออ่านข้อความที่ถูกสลักเอาไว้
หานเซิ่นได้เรียนรู้ภาษาของคริสตัลไลเซอร์มาจากสเตย์อัพเลท ดังนั้นเขาสามารถอ่านพวกมันได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มอ่านมัน เขาก็ยังคงคิดว่าน่าแปลกที่คนๆหนึ่งจะสลักตัวอักษรที่กระดูกของตัวเอง
แถมแขนก็ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ คนๆหนึ่งจะสลักไปที่กระดูกโดยไม่ทำร้ายผิวหนังและกล้ามเนื้อของมันได้ยังไงกัน?
หานเซิ่นหยิบกระดูกขึ้นมาและเช็ดมันจนสะอาดเพื่อที่เขาจะได้มองมันชัดๆ กระดูกนั้นซีดเผือกและเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตอะไร แต่เขาสามารถบอกได้ว่ารอยสักตัวตลกและตัวอักษรนั้นเป็นผลงานจากเครื่องจักร มันเกิดจากการสลักไม่ใช่การประทับ
‘เกิดอะไรขึ้นที่นี่? คนๆหนึ่งจะใช้เครื่องจักรเพื่อสลักตัวอักษรบนกระดูกของตัวเองได้ยังไง? นี่มีใครคนอื่นมาสลักอักษรพวกนี้เอาไว้หลังจากที่คนๆนี้ตายไปแล้วอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิด
“ตัวทดลองM67มีการเปลี่ยนแปลกที่ผิดปกติ ผลทดลองไม่ทราบ การสร้างเทพหมายเลข 7586 ล้มเหลว…” หานเซิ่นอ่านมัน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นรายงานการทดลองบางอย่าง
หานเซิ่นไม่รู้ “M67” หมายถึงอะไร แต่เมื่อดูจากเนื้อหาแล้ว มันดูเหมือนว่าคริสตัลไลเซอร์พยายามจะสร้างเทพและมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับตัวทดลอง หลังจากนั้นการทดลองก็จบลง
และมันยังมีหมายเลขที่หานเซิ่นไม่เข้าใจถึงความสัมพันธ์ พวกมันเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่M67นั้นกลายพันธุ์ เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวอักษรทั้งหมดนี้ถึงถูกสลักเอาไว้บนกระดูกส่วนแขน
“คนพวกนี้บ้าไปแล้วหรือยังไง? ข้อมูลพวกนี้ควรจะเก็บเอาไว้ในฐานข้อมูลของคริสตัลไลเซอร์ ทำไมพวกเขาถึงต้องสลักลงบนกระดูกด้วย? มันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่พวกเขาทำแบบนี้” หานเซิ่นจ้องมองไปที่ตัวอักษรบนกระดูกอย่างครุ่นคิด
แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงคำรามเบาๆจากจระเข้ระดับเทพเจ้าน้อย มันกวัดแกว่งหางด้วยความรำคาญขณะที่เดินเข้ามาหาเขา มันส่งเสียงขู่อีกครั้งราวกับว่ามันกำลังเร่งเขา ดูเหมือนว่ามันไม่ชอบใจที่หานเซิ่นนั่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานโดยไม่ทำอะไร