Super God Gene – ตอนที่ 2575
ตอนที่ 2575 แอลกอฮอล์
หานเซิ่นกลับไปที่บ้านในสหพันธ์ เขาอยากจะลองให้กราสเซสวิเคราะห์หานหลิงเอ๋อลูกสาวของเขา แต่ทันทีที่ลอง เขาก็ถูกบังคับให้ยอมรับว่าไม่สามารถบอกถึงศักยภาพที่มนุษย์คนหนึ่งมีได้ กราสเซสบอกว่ายีนของมนุษย์ไม่เสถียรและไม่สามารถทำการวิเคราะห์ได้
“ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้พวกเผ่าพันธุ์ชั้นสูงถึงไม่ต้องการตัวเรา นี่ยีนของมนุษย์ไม่เสถียรถึงขนาดนั้นเลยหรอ?” หานเซิ่นสงสัย
“พ่อ…อุ้ม อุ้ม…” หลิงเอ๋อพูดได้แล้ว เธอยื่นมือออกมาขณะที่เธอวิ่งมาหาหานเซิ่น
“ลูกสาวของพ่อ มาให้พ่อหอมแก้มเร็วเข้า” หานเซิ่มยกหลิงเอ๋อขึ้นและหอมเธอที่แก้ม
ในตอนที่หานเซิ่นไม่ได้ถูกจับตัวไป เขาก็มักจะกลับมาที่บ้านเป็นประจำเพื่อพักผ่อน แต่เขาติดอยู่ในคอร์แอเรียเป็นเวลาหลายวัน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้เห็นหน้าครอบครัวเลย
หลิงเอ๋อเป็นเด็กดี หลังจากที่เธอเกิดขึ้นมา เธอไม่ได้ใช้ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเธออีกเลย นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจ
เด็กกับพลังที่มากเกินไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เข้ากัน หลิงเอ๋อยังคงไม่รู้ว่าพลังของตัวเองแข็งแกร่งถึงขนาดไหน และเธอก็ยังไม่รู้วิธีที่จะใช้พวกมัน ดังนั้นถ้าเธออารมณ์ไม่ดีขึ้นมา มันก็จะเป็นอะไรที่อันตรายและน่ากลัว
โชคดีที่หลิงเอ๋อมีบุคลิกสงบเสงี่ยมและครอบครัวของเขาก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี ดังนั้นมันจึงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในช่วงที่เขาไม่อยู่
หานเซิ่นหวังว่าหลิงเอ๋อจะเติบโตเหมือนกับเด็กปกติทั่วไป เขาอยากให้เธอมีชีวิตวัยเด็กที่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เขาไม่อยากให้เธอต้องประสบกับความยุ่งยากของชีวิตเร็วเกินไป
หานเซิ่นพักอยู่ที่บ้านหนึ่งคืน และในวันต่อมาเขาก็ขนถังไวน์กลับเข้าไปในคอร์แอเรีย ตอนนี้จระเข้น้อยอนุญาตให้เขาออกมาได้ นั่นก็หมายความว่าเขาจะออกมาได้อีกครั้งในอนาคต ยังไงซะตอนนี้หานเซิ่นก็ไม่ได้รีบร้อนจะออกไปจากที่นั่น เขาอยากจะใช้เวลาเพื่อตรวจค้นป้อมปราการของคริสตัลไลเซอร์ต่อไปอีกสักพัก
หานเซิ่นกลับเข้าไปในคอร์แอเรีย เมื่อเขามาถึง จระเข้น้อยก็วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างเร่งเรียบ มันส่งเสียงคำรามใส่เขาซ้ำๆ บางทีมันอาจจะกำลังบ่นเขาว่าช้าเกินไป
“ที่ข้ามาช้าก็เพราะพยายามตามหาไวน์มาให้กับเจ้า ของดีแบบนี้มันจำเป็นต้องใช้เวลาสักพัก” หานเซิ่นเปิดถังไวน์และปล่อยให้กลิ่นโชยออก
ดวงตาของจระเข้น้อยเป็นประกายขึ้นมา มันหยุดบ่นหานเซิ่นและกระโดดลงไปในถังไวน์
ไอน้ำจำนวนมากออกมาจากถังไวน์ และหลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที ไวน์ก็แห้งเหือดไปจนหมด จระเข้น้อยกระโดดกลับออกมา ก่อนที่หานเซิ่นจะเปิดถังไวน์ต่อไปได้ จระเข้น้อยก็กระโดดเข้าไปข้างในแล้ว
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าจระเข้น้อยไม่ได้ต้องการจะดื่มไวน์ มันเพียงแค่ต้องการอาบน้ำภายในนั้น
“เคยได้ยินว่าผู้หญิงชื่นชอบการอาบน้ำนม แต่ไม่เห็นเคยได้ยินว่าจระเข้ชอบการอาบในไวน์มาก่อนเลย”
หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ขณะที่เขามองดูความตื่นเต้นของจระเข้น้อย เกล็ดของมันร้อนมากๆและไวน์ก็เกือบจะระเหยในทันทีที่จระเข้น้อยกระโดดเข้าไปในถัง
ในเวลาอันสั้นมันกระโดดลงไปในถังไวน์หลายถัง และเมื่อจระเข้น้อยออกมาจากถังไวน์สุดท้าย มันก็คำรามเบาๆใส่หานเซิ่น ดูเหมือนว่ามันยังต้องการเพิ่มอีก มันต้องการให้หานเซิ่นกลับไปเอาไวน์มาเพิ่ม
“นี่เป็นสมบัติที่หาได้ยากมากๆ มันใช้เวลากว่าที่ข้าจะรวบรวมพวกมันมาได้ ดังนั้นถ้าเจ้าต้องการเพิ่มอีก เจ้าก็ต้องรออีกสักพัก” หานเซิ่นพูด
หานเซิ่นยังมีถังไวน์ในโกดังอีกหลายถัง และเขาสามารถซื้อมาเพิ่มได้เรื่อยๆ แต่เขาไม่อยากจะตามใจจระเข้น้อยจนเกินไป เขาต้องมองการไกลเอาไว้
หานเซิ่นนำไวน์ 2-3 ถังมาให้กับจระเข้น้อยทุกๆวัน มันเพียงพอที่จะทำให้จระเข้น้อยมีความสุข แต่มันไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของจระเข้น้อย
ตอนนี้หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องทำงานอีกต่อไปแล้ว จระเข้น้อยแค่ต้องการให้เขานำไวน์มาให้มันทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังคงทำงานเก็บกวาดตามเดิม นั่นเป็นเพราะเขาต้องการจะตรวจสอบป้อมปราการแห่งนี้ให้ทั่ว
แต่ตั้งแต่ที่หานเซิ่นพบกราสเซส เขาก็ไม่พบอะไรอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์อีกเลย นั่นทำให้เขารู้สึกไม่ผิดหวัง เขาทำงานในป้อมปราการเป็นเวลาหนึ่งเดือน แต่เขาก็ยังไม่พบอะไรที่น่าสนใจ ในระหว่างนั้นกายหยกของเขาก็พัฒนาถึงขั้นที่ 9 และเขาไม่สามารถเพิ่มระดับของมันได้อีกถึงแม้เขาจะกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันเข้าไปเพิ่ม
หลังจากนั้นเขาก็หันความสนใจไปที่วิชาโลหิตชีพจรต่อโดยเหลือวิชาเรื่องราวของยีนเอาไว้เป็นลำดับสุดท้าย
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อหดหู่ขึ้นทุกวัน พวกเธอเห็นว่าหานเซิ่นสามารถเข้าออกที่นี่ได้ราวกับเป็นสวนหลังบ้านตัวเอง พวกเธอเองก็อยากจะออกไป แต่ไม่ว่าพวกเธอจะพยายามพูดกับจระเข้ทั้ง 2 ยังไง พวกเธอก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน
พวกเธอพยายามจะใช้การกลับไปเอาไวน์มาเป็นข้ออ้าง แต่จระเข้ระดับเทพเจ้าไม่สนใจอะไรในสิ่งที่พวกเธอเสนอ นี่ทำให้พวกเธอเศร้าใจอย่างมาก
หานเซิ่นไม่รู้ว่าทำไมจระเข้ระดับเทพเจ้าถึงได้ปฏิบัติกับพวกเธอแตกต่างไปจากเขา แต่จริงๆแล้วเขาคิดว่าดีที่พวกเธอทั้ง 2 ยังคงถูกกักตัวอยู่ที่นี่ เพราะถ้าพวกเธอถูกปล่อยตัวออกไป พวกเธอก็อาจจะก่อปัญหาบางอย่างให้กับเขาได้
‘เผ่าเวรี่ไฮนี่ไม่เห็นจะพิเศษตรงไหน พวกเขาจัดการกับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่นตัวหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกเขาคงจะด้อยกว่าเผ่าแอนเชี่ยนท์ก็อต’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
ที่หานเซิ่นคิดแบบนั้นก็เป็นเพราะว่าเขายังไม่รู้ถึงธรรมชาติของเผ่าเวรี่ไฮ ความแข็งแกร่งของเผ่าเวรี่ไฮนั้นไม่ได้อยู่ที่ความสามารถในการต่อสู้เพียงอย่างเดียว พวกเขามีทรัพยากรที่เกือบจะเรียกได้ว่าไม่จำกัด และถ้าสมาชิกของเวรี่ไฮมีชีวิตอยู่นานพอ พวกเขาก็จะกลายเป็นเทพเจ้าขั้นบัตเตอร์ฟลายอย่างง่ายดาย นั่นเหนือกว่าเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่มาก
เนื่องจากเขายังไม่เจออะไรที่มีค่า ทั้งหมดที่หานเซิ่นบรรลุก็คือการนำไวน์มาให้กับจระเข้น้อย หานเซิ่นนำไวน์มาให้มันเรื่อยๆ แต่จระเข้น้อยไม่เคยดื่มมันเข้าไปสักครั้ง ถึงแม้หานเซิ่นจะร่ำรวยมากสักแค่ไหน มันก็เป็นอะไรที่เจ็บปวดที่ต้องเห็นไวน์ชั้นดีจำนวนมากต้องเสียเปล่า
หานเซิ่นสำรวจจนทั่วป้อมปราการ แต่เขาก็ยังไม่พบอะไรที่มีประโยชน์ เขาหาร่างของแขนที่พบไม่เจอด้วยซ้ำ ดูเหมือนกับว่ามีแค่แขนเท่านั้นที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่
“ดูเหมือนจะถึงเวลาที่เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่” หานเซิ่นไม่คิดจะนำไวน์มาส่งให้กับจระเข้น้อยไปชั่วชีวิต
“มิสเอ็กซ์ควิสิท ท่านบอกว่าคนของท่านจะมาช่วยใช่ไหม? พวกเขาจะมาถึงเมื่อไหร่กัน?” หานเซิ่นพบโอกาสที่จะพูดคุยกับเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อ
“ข้าไม่แน่ใจ มันอาจจะใช้เวลา 2-3 เดือน หรือมันอาจจะใช้เวลาหลายปี” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“ทำไมพวกเขาถึงได้ใช้เวลานานขนาดนั้น?” หานเซิ่นแปลกใจ
เอ็กซ์ควิสิทไม่ได้ตอบคำถามของหานเซิ่น จริงๆแล้วสมาชิกของเผ่าเวรี่ไฮมีมนตร์คาถาในร่างกาย ถ้าพวกเขาตกอยู่ในอันตรายหรือได้รับบาดเจ็บ มนตร์คาถาก็จะทำงาน ถ้าพวกเขาตาย มนตร์คาถาก็จะระเบิดตัวเองและคนของพวกเขาก็จะรู้ว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
แต่เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อทั้งไม่ได้รับบาดเจ็บและไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย มนตร์คาถาในตัวพวกเธอจึงยังไม่ทำงาน ด้วยเหตุนั้นผู้คนในเผ่าเวรี่ไฮจึงไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเธอ
แต่หลังจากผ่านไปสักพัก ถ้าพวกเธอยังคงหายตัวไป คนของเธอก็จะเริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติ พวกเขารู้ว่าเธอไปที่ไหน แต่มันยากที่พวกเขาจะสังเกตถึงการหายตัวไปของเธอ
ในขณะที่ผู้หญิงทั้ง 2 คนกำลังจมอยู่กับความหดหู่ หานเซิ่นก็ตั้งไฟเพื่อย่างห่านกิน เขากินและดื่มขณะที่หยิบผลไม้มาใส่ปาก พวกเธอเองก็อยากจะกินบ้าง