Super God Gene – ตอนที่ 2692
“เจ้าจะลองดูกี่ครั้งก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ แต่ร่างโคลนนี้อยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือนแล้ว ถ้าในอีกสองสามเดือนเจ้ายังฆ่ามันไม่ได้ พวกเราจะส่งยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่แข็งแกร่งมาฆ่ามัน ดังนั้นจำเอาไว้ว่าเจ้ามีเวลาที่จำกัด” เอ็กซ์ควิสิทพูด
“นั่นควรจะมากพอแล้ว” หานเซิ่นพูดพร้อมกับพยักหน้า เขายังคงคิดเกี่ยวกับการต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคตัวนั้น
หานเซิ่นคิดว่าพลังของตัวเองในตอนนี้ถือว่าพอใช้ได้แล้ว แต่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นสยบเขาได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากความแตกต่างระหว่างพลังแล้ว มันยังมีความแตกต่างที่สำคัญในวิธีการของพวกเขา
ตอนนี้เมื่อเขามีเวลาได้คิดเกี่ยวกับมัน เขาก็รู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
“มันเป็นเพียงแค่ร่างโคลน แต่มันก็ยังมีพลังที่น่ากลัวขนาดนั้น นี่ร่างจริงของมันจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน?” หานเซิ่นสงสัยกับตัวเอง
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อมองหน้ากัน พวกเธอหลอกหานเซิ่นได้สำเร็จ และตอนนี้พวกเธอแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
หานเซิ่นไม่รู้ว่าร่างโคลนที่เขาต่อสู้ด้วยนั้นแตกต่างไปจากร่างโคลนส่วนใหญ่ มันเป็นเหมือนกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตตัวหนึ่ง ถึงแม้พลังของมันจะเป็นแค่ขั้นพริมิทีฟ แต่ประสบการณ์การต่อสู้ที่มันมีอยู่รวมถึงทักษะและจิตใจของมันถือว่าอยู่ในระดับสูงสุด มันไม่ได้แปลกอะไรที่หานเซิ่นจะพ่ายแพ้ต่อคู่ต่อสู้แบบนี้ แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าส่วนใหญ่ก็จะพ่ายแพ้อย่างยับเยินต่อซีโน่เจเนอิคตัวนี้
‘ปล่อยให้เขาได้ต่อสู้กับมันต่อไปอีกสักหน่อย ค่อยๆทำให้ความอวดดีของเขาหายไปทีละนิดๆ’ หลี่เคอเอ๋อยิ้มและคิดกับตัวเอง
บาดแผลของหานเซิ่นฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทมอบจีโฟลูอิดที่ผลิตขึ้นจากยีนซีโน่เจเนอิคให้กับเขา มันดีมากๆต่อการรักษาบาดแผลทางกายภาพ ด้วยการใช้จีโฟลูอิดร่วมด้วย ทำให้ความเสียหายทั้งหมดที่เขาได้รับนั้นหายไปในเจ็ดถึงแปดชั่วโมง
ตลอดหลายวันต่อมา หานเซิ่นจะเข้าไปในเจลเดม่อนฮอลล์เพื่อต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคตัวนั้น เขาคิดแผนการหลายอย่างเพื่อจะโค้นล้มมัน แต่ความพยายามของเขากลับล้มเหลวทุกครั้ง
หานเซิ่นสามารถอยู่รอดภายในเจลเดม่อนฮอลล์ได้นานที่สุดคือสองนาที เมื่อถึงเวลานั้นเขาต้องเทเลพอร์ตหนีออกไป ไม่อย่างนั้นเขาก็จะถูกฆ่าตาย
เขามีเวลาแค่เศษเสี้ยวที่จะใช้มีดลมปราณ ถึงแม้ในตอนที่เขาใช้วิชาใต้นภา มันก็ดูเหมือนจะทำอะไรเจ้าซีโน่เจเนอิคไม่ได้ ไม่เพียงแค่เขาจะฆ่ามันไม่สำเร็จ แม้แต่จะสร้างบาดแผลก็ยังทำไม่ได้
“มันแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความทรงพลังของคู่ต่อสู้ แต่ถึงเขาจะพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หานเซิ่นก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ ทันทีที่ร่างกายของเขาหายดี เขาก็จะกลับเข้าไปในเจลเดม่อนฮอลล์เพื่อต่อสู้ เขามุ่งมั่นที่จะหาหนทางฆ่ามันให้ได้
แต่ทุกครั้งที่เขาเข้าไป เขาจะกลับออกมาอย่างผิดหวัง ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าจะคาดเดาได้ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถเข้าใจรูปแบบการโจมตีของมันได้
ยิ่งหานเซิ่นเข้าไปข้างในมากเท่าไหร่ หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทก็เริ่มจะกังวลมากขึ้นเท่านั้น พวกเธอแค่ต้องการจะลดความภาคภูมิของหานเซิ่นลง แต่ถ้าเขายังคงทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ที่สุดแล้วหานเซิ่นก็อาจจะสูญเสียความมั่นใจไป
โชคดีที่พวกเธอสัมผัสได้ว่าหานเซิ่นไม่คิดจะยอมแพ้ ถึงแม้เขาจะพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเหล่า แต่หลังจากความล้มเหลวทุกครั้ง เขาจะเริ่มคิดเกี่ยวกับวิธีการที่จะชนะเจ้าซีโน่เจเนอิคในการต่อสู้ครั้งต่อไป จิตใจของเขาดูเหมือนจะหมกมุ่นอยู่กับการคิดหาวิธีที่จะเอาชนะศัตรู เขาไม่เคยเสียพลังสมองในการคิดเกี่ยวกับอะไรอย่างอื่น
นั่นทำให้เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อรู้สึกวางใจขึ้นมาหน่อย พวกเธอหวังว่าเวลาจะผ่านไปโดยเร็ว หลังจากนั้นหานเซิ่นก็จะไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ พวกเธอคาดว่าแบบนั้นมันคงจะไม่ทำลายความมั่นใจของเขามากจนเกินไป
“ไม่… นั่นยังคงไม่ได้ผล” หานเซิ่นล้มเหลวอีกครั้ง เขาลากร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลกลับออกมาจากเจลเดม่อนฮอลล์
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากในตอนนี้หานเซิ่นจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการรักษาตัวหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บกลับมา มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ พวกเธอจะกลับมาเพื่อเช็คหานเซิ่นเป็นครั้งคราว แต่พวกเธอไม่ได้อยู่ดูเขาตลอดเวลา
และเนื่องจากหานเซิ่นพ่ายแพ้ซ้ำไปซ้ำมา พวกเธอจึงได้เรียนรู้แค่วิธีการรับมือกับความล้มเหลว นั่นจะไม่ได้ช่วยอะไรพวกเธอมากนัก เนื่องจากมันไม่มีอะไรให้พวกเธอได้เรียนรู้ พวกเธอจึงหยุดให้ความสนใจความคิดของเขา
‘ดูเหมือนว่าการจะจัดการซีโน่เจเนอิคตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะ ตอนนี้กุนซือไวท์น่าจะส่งข่าวกลับมาแล้ว! เราจำเป็นต้องเข้าไปในคอร์แอเรีย’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับคัมภีร์นภาอำพัน และเขาก็รู้สึกตัวว่ามันถึงเวลาที่ต้องพักเบรคจากการต่อสู้
ในครั้งต่อไปที่เขาได้เห็นหลี่เคอเอ๋อ หานเซิ่นก็บอกเธอถึงความจำเป็นที่ต้องกลับเข้าไปในคอร์แอเรียอีกครั้ง หลี่เคอเอ๋อรีบตอบตกลงที่จะพาเขาไป
เธอและเอ็กซ์ควิสิทเริ่มจะกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้อย่างต่อเนื่องของหานเซิ่น พวกเธอกังวลว่าการพ่ายแพ้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดอาจจะสร้างความเสียหายกับความมั่นใจของเขามากเกินไป ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นบอกว่าอยากจะเข้าไปในคอร์แอเรีย พวกเธอก็คิดว่านี่ถือเป็นเรื่องดี
หลี่เคอเอ๋อพาหานเซิ่นกลับไปที่โอเอซิสเพื่อที่เขาจะได้เข้าไปในคอร์แอเรีย
กู่ชิงเฉิงมารอก่อนแล้ว ในตอนที่หานเซิ่นเห็นกู่ชิงเฉิง เขาก็รีบถามขึ้นว่า “เธอได้รับข่าวจากกุนซือไวท์แล้วหรือยัง?”
“นี่คือสิ่งที่กุนซือไวท์บอกให้ฉันนำมามอบให้กับนาย” กู่ชิงเฉิงส่งสมุดบันทึกให้กับหานเซิ่นพร้อมกับคัมภีร์นภาอำพันต้นฉบับ
หานเซิ่นเก็บคัมภีร์นภาอำพันไปและเปิดสมุดบันทึกเพื่อดูเนื้อหาข้างใน ในสมุดบันทึกเต็มไปด้วยตัวอักษรที่งดงาม ซึ่งเห็นได้ชัดมันว่าถูกเขียนด้วยมือ สมุดบันทึกนั้นมีอยู่ทั้งหมดหนึ่งร้อยหน้า และพวกมันถูกเขียนเอาไว้จนเกือบทั้งเล่ม มันมีเพียงแค่สองสามหน้าเท่านั้นที่ว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่ากุนซือไวท์ใช้ความพยายามอย่างมากกับเรื่องนี้
“กุนซือไวท์นี้เป็นคนจิตใจดีจริงๆ” หานเซิ่นคิดว่ามีผู้คนไม่มากนักที่จะมีจิตใจที่กว้างขวางเหมือนอย่างกุนซือไวท์
แทนที่จะออกไปจากคอร์แอเรีย หานเซิ่นอยู่ที่นั่นต่อเพื่ออ่านสมุดบันทึกของกุนซือไวท์ เขาไม่อยากจะถูกจับตามองโดยหลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทขณะที่อ่านมัน
เนื้อหาของสมุดบันทึกนั้นคือรายละเอียดการวิเคราะห์เกี่ยวกับคัมภีร์นภาอำพันของกุนซือไวท์ รวมถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่ใช้มัน
ขณะที่หานเซิ่นอ่านเนื้อหาในสมุดบันทึก เขาก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย และนั่นไม่ใช่แค่เกี่ยวกับคัมภีร์นภาอำพันเท่านั้น เขาเริ่มจะเข้าใจศาสตร์ตงเสวียนและวิชาโลหิตชีพจรในระดับที่สูงขึ้น
“กุนซือไวท์เป็นปรมาจารย์ของจริง เราเทียบกับเขาไม่ได้เลย” หานเซิ่นพึมพำขณะที่ส่ายหัวและปิดสมุดบันทึกลง
จริงๆแล้วการเอ่ยชมของหานเซิ่นไม่ได้ถูกต้องซะทีเดียว หนทางที่แต่ละคนเลือกเดินนั้นแตกต่างกันออกไป กุนซือไวท์มุ่งเน้นไปที่การสะสมความรู้ เขารู้อะไรมากมาย ซึ่งทำให้เขาอยู่ในระดับที่สูงกว่าหานเซิ่นในเรื่องของการแสวงหาปัญญา แต่นั่นเป็นเพราะหานเซิ่นไม่ใช่คนที่สนใจการสะสมความรู้รอบด้านเหมือนอย่างกุนซือไวท์ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่กุนซือไวท์จะเหนือกว่าเขาในเรื่องนี้ การเปรียบเทียบคนสองคนด้วยความรู้เพียงอย่างเดียวจึงไม่ยุติธรรมเท่าไหร่นัก
หานเซิ่นจดจำทุกสิ่งที่ถูกเขียนเอาไว้ในสมุดเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากจะทำลายมัน เพราะยังไงซะกุนซือไวท์ก็อุตส่าห์สละเวลาของเขาเพื่อเขียนพวกมันทั้งหมด
“นำสิ่งนี้กลับไปที่ดาวอุปราคาและบอกให้ซีโร่เก็บมันเอาไว้” หานเซิ่นพูดขณะที่ส่งสมุดบันทึกคืนให้กับกู่ชิงเฉิง
หลังจากที่กู่ชิงเฉิงจากไปแล้ว หานเซิ่นก็พยายามจะแจกแจงเนื้อหาในสมุดบันทึก ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกหวั่นไหวมากเท่านั้น จากการวิเคราะห์ของกุนซือไวท์ ถ้าหานเซิ่นฝึกคัมภีร์นภาอำพันได้สำเร็จ มันจะกลายเป็นพลังที่น่ากลัวมากๆ
“นี่การฝึกวิชาโลหิตชีพจรอย่างกลับตาลปัตรเป็นไปได้จริงๆหรอเนี่ย?”
หานเซิ่นแปลกใจ ถ้าสิ่งที่กุนซือไวท์บอกเขาเกี่ยวกับคัมภีร์นภาอำพันเป็นความจริง มันก็จะเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว