Super God Gene – ตอนที่ 2808
ตอนที่ 2808 เสียมารยาท
“ซีโน่เจเนอิคตัวนี้ทรงพลังมาก… ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ”
หานเซิ่นเห็นว่าลูกธนูของเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเจ้าซีโน่เจเนอิคได้เลย ก่อนที่ร่างกายของเขาจะฟื้นตัว เขาไม่คิดว่าจะทำอะไรกับมันได้ เจ้าซีโน่เจเนอิคนั้นไม่ได้ตอบสนองอะไรกับการโจมตีของหานเซิ่น มันแค่จ้องมาที่หานเซิ่นราวกับว่าเขาเป็นตัวตลก
หานเซิ่นตัดสินใจจะไม่โจมตีต่อ เขาออกจากปราสาทหมายเลข0002และไปเช็คปราสาทต่อไป เขาสังเกตว่าปราสาทหมายเลข0003และ0004นั้นว่างเปล่า เขาต้องไปที่ปราสาทหมายเลข0005 เขาถึงจะเห็นซีโน่เจเนอิคอีกตัว
ครั้งนี้หานเซิ่นไม่ทำการโจมตี นั่นเป็นเพราะเขาไม่จำเป็นต้องโจมตี ทันทีที่เขาเห็นซีโน่เจเนอิคที่ดูเหมือนกับมังกรหิมะ เขาก็รู้ว่ามันเป็นระดับเทพเจ้าขั้นลาร์วา ด้วยเหตุนั้นเขารู้ว่าไม่สามารถฆ่ามันได้
“ไม่รู้ว่ามันมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าถูกขังอยู่ที่นี่มากเท่าไหร่ แต่คุณภาพของพวกมันนั้นสูงเกินไป” หานเซิ่นตัดสินใจจะหยุดเดินดูเพียงแค่นั้น ยังไงซะแค่ยีนซีโน่เจเนอิคของวานรปีศาจตัวนั้นก็มากพอที่จะให้เขากินได้หลายวัน
หานเซิ่นลากร่างกายของวานรปีศาจออกไปจากปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ หลังจากนั้นเขาก็หยุดใช้วิญญาณอสูร และไปเรียกทหารยามมาลากร่างกายของวานรปีศาจกลับไปที่พระราชวัง
ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าทหารยามและสาวใช้ในพระราชวังนั้นมองมาที่เขาอย่างแปลกๆ
“ทำไมเจ้าถึงมองมาที่ข้า?” หานเซิ่นถามหนึ่งในสาวใช้
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้อภัยให้ข้าด้วย” สาวใช้ดูหวาดกลัว เธอรีบคุกเข่าลงไปกับพื้น
“ข้าถามว่าทำไมเจ้าถึงมองมาที่ข้า ทำไมเจ้าถึงไม่ตอบข้า?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
“ข้า…ข้า…” สาวใช้ตกใจจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“เจ้าทรงพลังมากๆ โฮลี่เบบี้” เสียงดังขึ้นมาจากระยะไกล มันดังมาจากผู้หญิงที่สง่างามคนหนึ่ง เธอสวมใส่ชุดที่สวยงามเป็นพิเศษ เธอเป็นคนเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง เธอมีสาวใช้ติดตามมาหลายคน ซึ่งทุกคนต่างมองมาที่หานเซิ่นอย่างเย็นชา
“เจ้าเป็นใครกัน?” หานเซิ่นรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นหนึ่งในภรรยาของราชาไป๋ แต่ราชาไป๋มีภรรยาอยู่มากเกินไป เขาไม่สามารถจดจำพวกเธอได้ทั้งหมด ความจริงแล้วเขาไม่สนใจจะรู้ชื่อภรรยาของราชาไป๋
“ซีโน่เจเนอิคยังไงก็เป็นแค่ซีโน่เจเนอิคจริงๆ ช่างไม่มีมารยาท” ผู้หญิงที่สง่างามคนนั้นมองมาที่หานเซิ่นอย่างเย็นชาและถือตัว
“เจ้ากล้าดียังไง? เจ้าไม่รู้หรือยังว่าเจ้าต้องก้มหัวต่อหน้าพระมเหสี?” สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังตะโกนขึ้นมา
“โอ้ นี่คือภรรยาของท่านอาจารย์อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นยิ้ม แต่เขาไม่ได้ก้มหัว
ราชาไป๋เป็นคนที่บังคับให้เขาเป็นลูกศิษย์ เขาไม่เคยต้องการจะอยู่ที่นี่ ดังนั้นหานเซิ่นไม่คิดจะมีมารยาทกับภรรยาทุกคนของเขา
ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็คือพระมเหสี นั่นหมายความว่าเธอคือแม่ของไป๋ว่านเจี้ยและไป๋อู๋ฉาง ทั้งสองคนเป็นศัตรูของหานเซิ่น มันจึงไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องมีมารยาทกับเธอ
หานเซิ่นคิดว่าผู้หญิงคนนี้มาก็เพื่อหาเรื่องเขา ดังนั้นเขาไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้กับเธอ
พระมเหสีดูไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม เธอพูดกับหนึ่งในสาวใช้ของเธอ
“เป่าอิง สั่งสอนกฎของพระราชวังให้กับเขาเพื่อที่เขาจะได้ไม่ไปก่อปัญหาขึ้น”
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ควรจะโค้งคำนับพระมเหสี”
สาวใช้ที่ชื่อเป่าอิงนั้นสวมใส่ชุดคลุมสีขาวเหมือนกับหิมะ มันดูเหมือนกับชุดคลุมของแม่ชี แต่เธอไม่ได้สวมใส่ผ้าคลุมศีรษะหรือคลุมหน้า เส้นผมของเธอถูกมัดเอาไว้
ผิวของเป่าอิงเรียบเนียนเหมือนกับหยก เธอดูงดงามมากๆ ออร่าของเธอเหมือนกับแฟรี่ในเทพนิยาย ใบหน้าของเธอดูงดงามจนดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นโดยเทพ
เป่าอิงแสดงวิธีการโค้งคำนับให้หานเซิ่นดู มันเป็นท่าคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เธอทำมันอย่างสง่างาม ในตอนที่เธอก้มหัวลง คอของเธอดูเหมือนกับหยกขาวอ่อน มันเป็นเหมือนกับคอของหงส์ที่ดูงดงามมากๆ
‘ราชาไป๋นั้นโชคดีมากๆ ผู้หญิงทุกคนในพระราชวังของเขาล้วนแต่งดงาม’ หานเซิ่นชื่นชม
แต่หานเซิ่นแค่รู้สึกชื่นชมในความงดงามของเป่าอิงเท่านั้น เขาไม่คิดจะทำตามสิ่งที่เธอบอกกับเขา ใบหน้าของพระมเหสีมืดมัวขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นว่า
“เป่าอิง เจ้าพาเขาไปที่ฝ่ายธรรมเนียมปฏิบัติและสอนบทเรียนให้กับเขาสักอย่างสองอย่าง”
“เพคะ” เป่าอิงมองไปที่หานเซิ่นและพูด
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี่ ได้โปรดตามข้าไปที่ฝ่ายธรรมเนียมปฏิบัติ”
“ข้าไม่มีเวลาไปที่ฝ่ายธรรมเนียมปฏิบัติ พวกเจ้าไปกันเองได้เลย”
หานเซิ่นพูดและหันกลับเพื่อเตรียมจะจากไป
“ข้าต้องขออภัยมิสเตอร์โฮลี่เบบี้ที่ล่วงเกิน” เป่าอิงพูด เธอยกนิ้วขึ้นและดอกซากุระก็ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของเธอ หลังจากนั้นมันก็บินออกไปหาหานเซิ่น
‘ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะเป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่อายุเพียงแค่นี้’
หานเซิ่นแปลกใจกับเรื่องนี้ และเขาก็รีบหลบดอกไม้ที่กำลังเข้ามาหาเขา
แต่ดอกซากุระนั้นเหมือนกับมีชีวิตจริงๆ มันเหมือนกับฝีเสื้อที่บินติดตามการเคลื่อนไหวของหานเซิ่น ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนที่ไปทางไหน เขาก็ไม่สามารถหลบหลีกมันได้
หานเซิ่นพลิกฝ่ามือและมีหัวกะโหลกปรากฎบนฝ่ามือของ ดวงตาของหัวกะโหลกระเบิดแสงสีเขียวออกมาและมันเปลี่ยนดอกซากุระให้กลายเป็นความว่างเปล่า
หัวกะโหลกนั้นคือวิญญาณอสูรที่เขาได้มาจากมิสเตอร์หยินของเผ่าโกสต์เฮด เขาเข้าใจว่ามันเป็นวิญญาณอสูรประเภทอาวุธ แต่ทว่าเขาไม่เคยใช้อาวุธที่เป็นหัวกะโหลกมาก่อน
ประสิทธิภาพของมันถือว่าไม่เลย แต่มันเป็นวิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าที่มีพลังที่ค่อนข้างต่ำ โดยรวมแล้วพลังของวิญญาณอสูรโกสต์เฮดนั้นอ่อนแอกว่าธนูเทพงูหกคอร์ ด้วยเหตุนั้นก่อนหน้านี้หานเซิ่นจึงไม่เอามันออกมาใช้ ในสถานการณ์นี้หานเซิ่นสามารถใช้วิญญาณอสูรดวงอื่นได้ แต่เขาไม่อยากจะแสดงพวกมันออกมา
“เจ้ากล้าขัดขืนอย่างนั้นหรอ” พระมเหสีพูด
“เจ้ากล้าดียังไงมาใช้สมบัติซีโน่เจเนอิคภายในพระราชวัง! เป่าอิง พาตัวเขาไปซะ!”
เป่าอิงมองไปที่หานเซิ่นและถอนหายใจ “มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ ควรจะไปที่ฝ่ายธรรมเนียมปฏิบัติกับข้าดีๆ”
“เป่าอิง ข้าสั่งให้เจ้ารีบพาตัวเขาไป!” พระมเหสีพูดอีกครั้ง
“เพคะ” เป่าอิงรับคำสั่ง เธอนำเอาแจกันหยกขาวออกมา มันมีขนาดค่อนข้างเล็ก
หานเซิ่นรู้ว่ามันคืออาวุธจีโนของเป่าอิง เขาไม่คิดจะประมาทเธอ เขาถือกะโหลกอยู่ในมือ ขณะที่มองไปที่แจกันในมือของเป่าอิง
ในตอนที่เป่าอิงยกแจกันในมือขึ้น จู่ๆเสียงของราชาไป๋ก็ดังขึ้นมา
“นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไร?”
“ฝ่าบาท!” ทุกคงโค้งคำนับต่อราชาไป๋
ราชาไป๋เดินเข้ามาหาพระมเหสีและมองไปที่หานเซิ่น
“พระมเหสี นี่เจ้ากำลังทำอะไร?”
พระมเหสีพูด “เด็กคนนี้เสียมารยาทกับข้า และเขาก็ใช้สมบัติซีโน่เจเนอิคในพระราชวัง ข้าแค่จะสั่งสอนบนเรียนให้กับเขา ไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าเขาอาจจะก่อปัญหาขึ้นมากแค่ไหนในอนาคต”
ราชาไป๋มองไปที่หานเซิ่นและถาม “โฮลี่เบบี้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ?”
“ท่านอาจารย์ ท่านควรจับตาดูภรรยาของท่านให้ดีๆ”
หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม “ในตอนที่นางเบื่อๆ นางจะบังคับให้คนอื่นคุกเข่าต่อหน้านาง ข้าไม่มีเวลาจะมาทำอะไรแบบนั้น”
“ฝ่าบาทเห็นไหมว่าเขาเสียมารยาทมากแค่ไหน?” พระมเหสีรู้สึกโกรธกับคำพูดของหานเซิ่น
เมื่อได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ใบหน้าของสาวใช้ก็ดูแปลกๆ เธอไม่เคยเห็นใครพูดกับราชาไป๋แบบนั้นมาก่อน เธอเชื่อว่าเขาจะต้องถูกลงโทษแน่นอน
“โฮลี่เบบี้ไม่ได้เสียมารยาท เขาเพียงแค่มาจากเผ่าพันธุ์ที่ต่างออกไป ธรรมเนียมปฏิบัติของเขาแตกต่างจากพวกเรา เจ้าไม่ควรไปบังคับให้เขาทำตามธรรมเนียมปฏิบัติที่พวกเราตั้งขึ้นมาเอง”
หลังจากที่ราชาไป๋พูดแบบนั้น ทุกคนก็รู้สึกแปลกใจ พวกเขาคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป
“ฝ่าบาท…” ใบหน้าของพระมเหสีดูย่ำแย่ เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ราชาไป๋ขัดเธอเอาไว้
ราชาไป๋พูดต่อ “พระมเหสี ข้ากำลังตามหาเจ้าอยู่พอดี โฮลี่เบบี้ เจ้าควรกลับไปได้แล้ว”
หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับเป่าอิง “เขายังจำเป็นต้องเรียนรู้กฎระเบียบ เป่าอิง เจ้าไปสั่งสอนกฎระเบียบให้กับโฮลี่เบบรี้ แต่เจ้าทำได้แค่สอนเขาเท่านั้น เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”
“เพคะฝ่าบาท” เป่าอิงก้มหัวอย่างเก้ๆกังๆ