Super God Gene – ตอนที่ 2901 เผอิญเห็น
“ถ้าความจริงแล้วมันกลับกัน ผู้นำเซเคร็ดเริ่มทำการวิจัยก่อน สปิริตนั้นเกิดมาทีหลัง ถ้าความจริงเป็นแบบนั้น มันก็จะเป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่ายกว่า”
หานเซิ่นรู้สึกดีใจ มันเหมือนกับว่าเขาพบแสงสว่างในความมืด
“ถ้าสปิริตเกิดขึ้นมาจากการวิจัยของผู้นำเซเคร็ดจริงๆ มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะสรุปเรื่องนี้ ผู้นำเซเคร็ดต้องการจะฆ่าพระเจ้า แต่เขาพบว่าพระเจ้านั้นเป็นร่างสปิริตที่เป็นอมตะและเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ ซึ่งนั่นหมายความว่ามันไม่มีหนทางที่จะฆ่าพวกเขาได้ ผู้นำเซเคร็ดคงจะทำการวิจัยอยู่นานจนพบหนทางที่จะนำเอาสปิริตออกมาจากซีโน่เจเนอิค หลังจากนั้นเขาก็ใช้สปริตนั่นเพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตที่คล้ายคลึงกับเทพสปิริตขึ้นมา พวกมันก็คือสปิริตในก็อตแซงชัวรี่… ส่วนอันเดดพวกนี้ก็คงจะเป็นผลการวิจัยที่ล้มเหลวของผู้นำเซเคร็ด หรือไม่บางทีพวกมันก็อาจจะเป็นผลจากการที่ทางเอ็กซ์ตรีมคิงพยายามจะลอกเลียนการวิจัยของผู้นำเซเคร็ด” หานเซิ่นคิดว่าเรื่องนี่ดูเป็นไปได้
หานเซิ่นคิดว่ามันยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ ถ้าสปิริตคือผลลัพธ์จากการวิจัยของผู้นำเซเคร็ดที่พยายามลอกเลียนแบบเทพสปิริต แบบนั้นทำไมสปิริตถึงมีร่างกายจริงๆที่ถูกฆ่าตรงๆได้?
มันยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่ยังคลุมเครืออยู่ มันทำให้หานเซิ่นไม่มั่นใจกับการคาดเดาของตัวเอง
“น่าเสียดายที่เอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่านั้นตายไปแล้ว ถ้าเขายังไม่ตาย เราก็คงจะไปถามเขาเกี่ยวกับอันเดดพวกนี้ได้ บางทีนั่นอาจจะเป็นหนทางเดียวที่เราจะได้รู้ความจริง” หานเซิ่นถอนหายใจ
หานเซิ่นมองไปที่การต่อสู้ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ถึงแม้ไป๋เวยจะไม่ได้ทำตัวโดดเด่นอะไร แต่หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าทุกหมัดของเธอเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น เขาสามารถบอกได้ว่าไป๋เวยพยายามจะเก็บซ่อนพลังของตัวเองเอาไว้
“ดูเหมือนการเดินทางไปเป็นตัวไหมของเผ่าเวรี่ไฮนั้นจะช่วยให้ไป๋เวยพัฒนาขึ้นอย่างมาก กลัวว่าในบรรดาองค์ชายและองค์หญิงทั้งหมด นางอาจจะเก่งกาจที่สุด แม้แต่ไป๋อู๋ฉางก็คงจะเอาชนะไป๋เวยไม่ได้”
หานเซิ่นถอนหายใจ เขาประหลาดใจที่ไป๋เวยไปอยู่ในเผ่าเวรี่ไฮได้เพียงไม่นาน เธอก็พัฒนาขึ้นมากถึงขนาดนี้
ถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไป ไป๋เวยก็คงจะกลายเป็นขั้นทรูก็อตได้อย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นจะไม่มอบบัลลังก์ให้กับใครก็ตามที่ไปเป็นตัวไหมของเผ่าเวรี่ไฮ ไม่อย่างนั้นล่ะก็เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็อาจจะได้ราชินีคนแรกของพวกเขา
อันเดดนั้นทรงพลัง ถ้าไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆต่อสู้กับมันตามลำพัง พวกเขาก็คงจะเอาชนะมันไม่ได้ ตอนนี้ด้วยการที่พวกเขาร่วมมือกัน พวกเขาก็สามารถสังหารอันเดดได้สำเร็จ
“อันเดดระดับสูงถูกฆ่า” เสียงดังขึ้นมาจากภายในวิหาร
ครั้งนี้หลังจากที่ฆ่าอันเดดได้แล้ว มันไม่ได้มีสะพานลอยขึ้นมาจากทะเล
“นี่การทดสอบของสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์จบลงแล้วอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นมองไปยังทะเลที่ปกคลุมด้วยเมฆหมอก เขาไม่เห็นเกาะอื่นอยู่รอบๆอีก
ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆต่อสู้กับอันเดดภายในวิหารสีฟ้าต่อเพื่อฝึกฝนตัวเอง
ในตอนแรก พวกเขาต้องช่วยกันถึงสามคนเพื่อจะเอาชนะอันเดดตัวเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็ได้เรียนรู้จากอันเดดและพัฒนาตัวเองขึ้น หลังจากผ่านไปสองวันไป๋อู๋ฉางก็สามารถเอาชนะอันเดดตามลำพังได้
ตูม! ตูม! ตูม!
หลังจากนั้นก็มีสะพานปรากฏขึ้นมาจากทะเล หานเซิ่นเข้าใจอย่างรวดเร็วว่ามันหมายความว่ายังไง
“ดูเหมือนว่าจะต้องเอาชนะอันเดดพวกนี้ตัวคนเดียวให้ได้ สะพานที่จะนำไปสู่เกาะต่อไปถึงจะลอยขึ้นมา”
ไป๋อู๋ฉางไม่ลังเลและเริ่มเดินข้ามสะพานไป
ไป๋หลิงซวงและไป๋ว่านเจี้ยหันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะเดินข้ามสะพานตามไป
ไป๋เวยกำลังจะก้าวขึ้นไปบนสะพาน แต่ทันใดนั้นองค์ชายชิงเสียก็พูดขึ้นมา
“ถ้าข้ายังเอาชนะอันเดดของวิหารสีฟ้าตามลำพังไม่ได้ ข้าจะไม่ไปต่อ พวกเจ้าควรระวังตัวให้ดี”
“ขอบคุณพี่ชิงเสียที่เตือน” ไป๋เวยโค้งคำนับและเดินข้ามสะพานไป
หานเซิ่นตามเธอข้ามสะพานไปด้วย แต่ไป๋เวยหันกลับมามองหานเซิ่นและพูด
“วิหารต่อไปจะต้องอันตรายมากๆ ข้าคิดว่าคุณโฮลี่เบบี้ควรจะรออยู่ที่นี่”
“เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าปกป้องตัวเองได้” หานเซิ่นยิ้ม
ไป๋เวยอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่ไป๋ว่านเจี้ยที่อยู่ข้างหน้าพูดขึ้นมาก่อน
“น้องเวย เจ้าไม่จำเป็นต้องหยุดเขา ถ้าเขาไม่มากับพวกเรา เขาก็คงจะกลับไปรายงานท่านพ่อไม่ได้”
ไป๋เวยประหลาดใจ หลังจากที่เธอเข้าใจแล้ว เธอก็ไม่พูดอะไรอีกและเริ่มเดินข้ามสะพานไป
หานเซิ่นยักไหล่และเดินตามคนอื่นไปจากด้านหลัง
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ไป๋ว่านเจี้ยจะคาดเดาได้ว่าราชาไป๋นั้นส่งหานเซิ่นมาคอยจับตาดูพวกเขา ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรซีโน่เจเนอิคคนนอกจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์
พวกเขาเดินหน้ากันต่อไป ไม่นานพวกเขาก็ไปถึงเกาะต่อไป แต่เมื่อไปถึง พวกเขาก็ต้องประหลาดใจที่มันไม่มีวิหารอยู่ บนเกาะนั้นมีเพียงแค่ภูเขาไฟเปล่าๆ
“แปลงจริงๆ ทำไมมันถึงไม่มีวิหารอยู่? นี่การทดสอบของสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์สิ้นสุดแค่อันเดดระดับสูงอย่างนั้นหรอ?” ไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้ว
“ถ้าเป็นแบบนั้น มันไม่มีทางที่ในอดีตองค์ชายและองค์หญิงหลายคนจะตายในภายในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์” ไป๋ว่านเจี้ยพูดขณะที่เริ่มเดินขึ้นบันไดไป
ทุกคนตามเขาขึ้นไป พวกเขาเดินขึ้นไปจนถึงยอดภูเขาและค้นพบว่าภูเขานั้นมีหลุมวงกลมตรงกลางที่ดูเหมือนกับปล่องภูเขาไฟ
“นี่คืออะไร?” ไป๋อู๋ฉางยืนที่ขอบของภูเขาและมองลงไปข้างล่างด้วยความประหลาดใจ
หานเซิ่นและคนอื่นๆก็มองลงไปเช่นกัน ภายในหลุมขนาดใหญ่นั้นเต็มไปด้วยเครื่องมือคริสตัล มันดูเหมือนกับห้องแล็บขนาดยักษ์
ที่ใจกลางของภูเขานั้นมีคริสตัลที่มีรูปร่างเหมือนไข่กำลังลอยอยู่ มันดูเหมือนกับไข่ของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ ส่วนที่แคบที่สุดของไข่นั้นมีความกว้างอย่างน้อยสามฟุต
มันมีผู้หญิงคนหนึ่งขดตัวอยู่ภายในไข่คริสตัล
“หว่านเอ๋อ…” ในตอนที่หานเซิ่นเห็นเด็กผู้หญิงภายในไข่คริสตัล ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
เด็กผู้หญิงคนนั้นมีผมสีทองและกำลังสวมชุดนอนสีขาว ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังหลบไหล เธอดูเหมือนกับหว่านเอ๋อตอนที่ผมเปลี่ยนเป็นสีทอง
หัวใจของหานเซิ่นกำลังเต้นรัว เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมหว่านเอ๋อถึงมาอยู่ในสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ของเอ็กซ์ตรีมคิง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่?” หานเซิ่นมองไปในหอคอยแห่งโชคชะตา หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังเด็กผู้หญิงที่อยู่ภายในไข่คริสตัล
พวกเธอดูเหมือนกันไม่มีผิด มันไม่ใช่แค่เหมือนกัน พวกเธอดูเหมือนกับสิ่งที่ถูกคัดลอกและวาง
“อะไรที่อยู่ในไข่สีดำข้างล่างนั่น?” ไป๋อู๋ฉางถาม ขณะที่จ้องไปที่ไข่คริสตัล
“มันคงจะไม่ได้เป็นอันเดดระดับสูงอีกตัวหรอกใช่ไหม”
ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกแปลกใจ เขาหันไปมองไป๋อู๋ฉางและคิดกับตัวเอง ‘นี่เขาตาบอดสีหรือยังไง? มันไม่มีทางที่เขาจะตาบอดสีและบอกถึงความแตกต่างระหว่างสีของคริสตัลที่โปร่งใสกับสีดำไม่ได้’
“ข้าไม่รู้ บางทีพวกเราควรลองทุบไข่สีดำนี้ดู พวเราจะได้รู้ว่ามันมีอันเดดอยู่ข้างในหรือเปล่า” ไป๋หลิงซวงพูด
หานเซิ่นตกใจและคิดกับตัวเอง ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นี่พวกเขาทุกคนเห็นมันเป็นไข่สีดำ ไม่ใช่ไข่คริสตัลอย่างนั้นหรอ?’