Super God Gene – ตอนที่ 2900 การคาดเดา
องค์รัชทายาทไป๋ว่านเจี้ยไม่ใช่คนที่โดดเด่นเหมือนกับไป๋อู๋ฉาง แต่เขามีพื้นฐานที่ดีมากๆ เขารู้จักวิชาจีโนมากมาย และเขาก็สามารถใช้พวกมันได้เป็นอย่างดี ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยต่อสู้ วิชาจีโนต่างๆก็ถูกใช้ประสานกันเป็นอย่างดี
วิธีการใช้วิชาจีโนของเขาดูธรรมดาไม่ได้พิเศษอะไร มันดูเหมือนกับว่าองค์ชายและองค์หญิงคนอื่นๆก็สามารถใช้พวกมันได้เช่นกัน
แต่ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยใช้พวกมัน วิชาจีโนทั้งหมดรวมเข้าด้วยกันได้อย่างพอดิบพอดี เขาสามารถป้องกันการโจมตีของอันเดดและเริ่มชิงความได้เปรียบมาได้
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘พรสวรรค์ของไป๋ว่านเจี้ยไม่ได้ดีเหมือนอย่างไป๋อู๋ฉาง แต่จิตใจและวิชาการต่อสู้ของเขาเหนือกว่ามาก วิชาจีโนมากมายถูกใช้ประสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาคงจะต้องฝึกอย่างหนักถึงจะทำแบบนี้ได้’
หลังจากที่ต่อสู้อยู่หนึ่งชั่วโมง ในที่สุดไป๋ว่านเจี้ยก็สามารถสังหารอันเดดสีเหลืองได้สำเร็จ มันแตกต่างไปจากอันเดดสีแดง ในตอนที่อันเดดสีเหลืองละลายหายไป มันก็มีเสียงที่เหมือนกับหุ่นยนต์ดังขึ้นมาจากวิหารเหลืองว่า
“อันเดดระดับกลางถูกฆ่า”
ตูม!
สะพานปรากฏขึ้นมาจากทะเลด้านหลังวิหารเหลือง มันนำไปสู่เกาะที่สาม
ครั้งนี้เหล่าองค์ชายและองค์หญิงไม่ได้รีบจะข้ามสะพานไป องค์ชายและองค์หญิงหลายคนอยู่ที่นี่ต่อ พวกเขาแต่ละคนต้องการจะเข้าไปในวิหารเหลืองและต่อสู้กับอันเดดเพื่อทดสอบความสามารถของตัวเอง
บนเกาะก่อนหน้า พวกเขาต่างก็มั่นใจว่าสามารถเอาชนะอันเดดสีแดงได้ มันเป็นศัตรูไม่ได้ร้ายกาจอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกจะข้ามไปเกาะต่อไปในทันที
แต่พวกเขาไม่ได้รู้สึกมั่นใจแบบนั้นถ้าต้องสู้กับอันเดดสีเหลือง มันไม่ใช่ศัตรูที่พวกเขาจะเอาชนะได้ง่ายๆ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะสันนิษฐานไปว่าบททดสอบนั้นจะยากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าพวกเขายังผ่านบททดสอบบนเกาะนี้ไม่ได้ มันจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายถ้าพวกเขาข้ามสะพานไปยังเกาะต่อไป
เมื่อมีใครคนหนึ่งผ่านการทดสอบ พวกเขาทุกคนสามารถไปต่อได้ แต่พวกเขาเลือกจะอยู่ต่อและฝึกฝนกับอันเดดสีเหลือง และเมื่อพวกเขาเอาชนะอันเดดสีเหลืองได้แล้ว พวกเขาถึงจะเดินหน้ากันต่อ
ยังไงซะสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์ก็เป็นสามารถสำหรับฝึกฝนอยู่แล้ว พวกเขาไม่ใช่หนูในเขาวงกตที่พยายามค้นหาทางออก มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบร้อน
องค์ชายและองค์หญิงหลายคนคิดแบบนั้น พวกเขาเข้าไปในวิหารเหลืองและต่อสู้กับอันเดดสีเหลืองเพื่อเพิ่มพลังในการต่อสู้ของตัวเอง
มีเพียงแค่ไป๋ว่านเจี้ย ไป๋อู๋ฉาง ไป๋ชิงเสีย ไป๋หลิงซวงและไป๋เวยที่ข้ามสะพานไปเกาะต่อไป
หานเซิ่นตามพวกเขาไป มันมีองค์ชายและองค์หญิงหลายคนอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกเขาควรจะปลอดภัย ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆนั้นอาจเผชิญกับอันตราย และอีกอย่างหานเซิ่นก็อยากจะเห็นว่าอันเดดตัวต่อไปจะเป็นยังไง
เมื่อเห็นหานเซิ่นตามไป องค์ชายชิงเสียก็พูดขึ้นว่า
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ ท่านควรอยู่ที่นี่ ถ้าท่านตกอยู่ในอันตราย มันไม่มีใครจะปกป้องท่านได้”
“ข้าเอาตัวรอดเองได้” หานเซิ่นยิ้ม
องค์ชายชิงเสียไม่ได้พูดอะไรอีก ไป๋ว่านเจี้ยเดินไปถึงเกาะที่สามแล้ว ไป๋หลิงซวงและไป๋อู๋ฉางก็ตามหลังเขาไปติดๆ
เมื่อหานเซิ่นไปถึงเกาะที่สาม เขาก็สังเกตเห็นว่ามันมีวิหารอยู่บนยอดภูเขาอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ แต่ครั้งนี้วิหารเป็นสีฟ้า
ในตอนที่พวกเขาไปถึงหน้าวิหารสีฟ้า ประตูของมันก็เปิดออกด้วยตัวเอง มันเผยให้เห็นภายในปราสาทที่มีโลงศพโลหะสีฟ้าอยู่
ไป๋ว่านเจี้ยและคนอื่นๆหันมามองกัน สุดท้ายแล้วไป๋อู๋ฉางก็เป็นคนที่ก้าวเข้าไปในวิหารสีฟ้าก่อนเป็นคนแรก
โลงศพสีฟ้าเปิดออกและมีอันเดดออกมา อันเดดตัวนี้ดูเหมือนกับเอ็กซ์ตรีมคิงหรือมนุษย์ ร่างกายของมันไม่ได้โปร่งใส ร่างกายของมันดูเป็นเครื่องเคลือบดินเผา ถึงแม้มันจะเป็นชั้นของคริสตัล แต่พวกเขาก็มองไม่เห็นโครงสร้างภายในร่างกายของมัน
แถมร่างกายของมันยังมีสีสัน มันมีตาดำและมีเส้นผมสีดำ มันดูมีชีวิตชีวา มันดูเหมือนกับสิ่งมีชีวิตจริงๆ
ถึงแม้มันจะยังเป็นแค่ขั้นพริมิทีฟเหมือนเดิม แต่ในจังหวะที่อันเดดพุ่งเข้ามา ทุกคนก็รู้สึกได้ว่ามันแตกต่างไปจากอันเดดสองตัวก่อนหน้านี้
อันเดดสองตัวก่อนหน้านี้ถึงจะแข็งแกร่ง แต่มันก็แค่แข็งแกร่ง มันมีบางสิ่งเกี่ยวกับอันเดดตัวนี้ที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ถ้าอันเดดสองตัวก่อนหน้านี้เป็นหุ่นยนต์ อันเดดตัวนี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ
มันยังคงใช้หมัดช็อกกิ้งสกายของเอ็กซ์ตรีมคิงเหมือนเดิม แต่หมัดช็อกกิ้งสกายของมันไม่ใช่แค่ทรงพลัง มันมีความพิเศษอยู่
ไป๋อู๋ฉางใช้วิชามีดเพื่อต่อสู้กับอันเดด แต่หลังจากที่เขารับหมัดของอันเดดได้สามหมัด เขาก็ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ ร่างกายแห่งราชันภูติผีของเขาสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีได้ทุกอย่าง แต่หมัดช็อกกิ้งสกายของอันเดดนั้นบดขยี้ช่องว่างของมิติ และทำให้ไป๋อู๋ฉางไม่สามารถเดินทางระหว่างโลกความเป็นจริงและยมโลกได้
“อู๋ฉาง ให้ข้าช่วยเจ้า!” ไป๋ว่านเจี้ยเห็นว่าไป๋อู๋ฉางรับมือไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงเข้าไปร่วมสู้ด้วย
“ให้ข้าร่วมด้วยอีกคน” ร่างกายของไป๋หลิงซวงกลายเป็นน้ำแข็ง เธอดูเหมือนกับเทพธิดาน้ำแข็ง ขณะที่เธอเข้าไปร่วมการต่อสู้
“พวกพี่ๆจะทิ้งข้าเอาไว้เบื้องหลังได้ยังไง?” องค์ชายชิงเสียใช้เฮเทร็ดไทม์เท็นและเข้าไปร่วมการต่อสู้ด้วย
ไป๋เวยไม่ได้พูดอะไร เธอใช้หมัดช็อกกิ้งสกายเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้อย่างเงียบๆ
อันเดดต้องรับมือกับการโจมตีจากองค์ชายและองค์หญิงห้าคน ถึงแม้พวกเขาทั้งหมดจะเป็นขั้นพริมิทีฟเหมือนกัน แต่อันเดดก็สามารถต่อสู้กับพวกเขาทั้งห้าได้โดยไม่เสียเปรียบ มันบอกได้ยากว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ
หานเซิ่นมองดูจากด้านข้าง เขาคิดว่าอันเดดนี่ดูเหมือนกับสปิริตจริงๆ
‘ถ้าสตาร์ทเตอร์คิงส์แลนด์คือสิ่งที่เอ็กซ์ตรีมคิงอัลฟ่านำมาจากเซเคร็ด อันเดดพวกนี้ก็ควรจะเป็นผลการวิจัยของผู้นำเซเคร็ด ราชินีจิ้งจอกเคยบอกว่าผู้นำเซเคร็ดนั้นวิจัยเกี่ยวกับสปิริตศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นอมตะในก็อตแซงชัวรี่ สปิริตศักดิ์สิทธิ์ที่ราชินีจิ้งจอกพูดถึงนั้นควรจะเป็นสปิริตพวกนี้ อันเดดพวกนี้ก็คือสปิริตที่ผู้นำเซเคร็ดพยายามจะสร้างขึ้นมา? ถ้าแบบนั้นเขาสร้างพวกมันขึ้นมาได้ยังไง?’
หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น จู่ๆสีหน้าของหานเซิ่นก็เปลี่ยนไป
“เดี๋ยวก่อนนะ ทางเอ็กซ์ตรีมคิงดึงเอาสปิริตของซีโน่เจเนอิคในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ออกมา สปิริตนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะ นั่นหมายความว่าอันเดดพวกนี้ทำขึ้นมาจากสปิริตของซีโน่เจเนอิคอย่างนั้นหรอ?”
ถึงแม้นี่จะเป็นแค่การคาดเดาของหานเซิ่น แต่เขาก็คิดว่ามันอาจจะเป็นไปได้
“ถ้าทฤษฎีนั้นถูกต้อง นั่นหมายความว่าจริงๆแล้วสปิริตก็คือร่างสปิริต… เทพสปิริตนั้นก็เป็นร่างสปิริตเหมือนกัน… เดี๋ยวก่อนนะ… สปิริตและเทพสปิริตมีวิธีการอยู่รอดที่คล้ายคลึงกัน… พวกเขาเป็นอมตะ… พวกเขาเกิดใหม่ได้…” เมื่อหานเซิ่นคิดไปเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมา
แต่ทว่ามันยังมีบางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ สปิริตในก็อตแซงชัวรี่นั้นมีร่างกายอยู่ และมันก็สามารถต่อสู้ตรงๆได้โดยที่ไม่ต้องเข้าสิงร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่น
ส่วนเทพสปิริตจำเป็นต้องใช้ร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อต่อสู้ เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้อันเดดก็ดูเหมือนกับสปิริตมากกว่าเทพสปิริต แต่อันเดดพวกนี้ดูจะยังไม่สมบูรณ์ พวกมันดูเหมือนจะมีข้อบกพร่องอยู่หลายอย่าง
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขาคิดถึงความเป็นไปได้อื่นขึ้นมาได้
“ราชินีจิ้งจอกบอกว่าผู้นำเซเคร็ดวิจัยเกี่ยวกับสปิริตศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นอมตะในก็อตแซงชัวรี่ ในตอนแรกเราคิดไปว่าสปิริตนั้นมีอยู่ในก็อตแซงชัวรี่ตั้งแต่แรกแล้วและผู้นำเซเคร็ดก็ไปที่นั่นเพื่อวิจัยพวกมัน แต่ถ้าเกิดว่ามันกลับกันขึ้นมาล่ะ?”