ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1624 บรรพชนลั่ว

ตอนที่ 1624 บรรพชนลั่ว

ตอนที่ 1624 บรรพชนลั่ว
คนของวังนิรันดร์ต่างก็พากันก้มหน้าไม่กล้าจะมองมาที่จางหยู เพราะ
กลัวว่าจะโดนจางหยูหมายหัวและรังแกต่อ
แม้แต่ผู้ควบคุมขั้นที่ 6 อย่างเจียงอู่ซวี , อ๋าวชิ่ง , เหอก้วน ก็ไร้ซึ่ง
ความเย่อหยิ่งที่เคยมี ราวกับว่าโดนกำราบจนหงอย
จางหยูไม่พอใจ เขามองไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้น “งั้นพวกเจ้าพักก่อน
แล้วค่อยมาสู้กันอีกรอบดีรึไม่ ?”
เมื่อได้ยินคำถามของจางหยู คนของวังนิรันดร์ก็ก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม
พวกเขาได้แต่ทำปากขมุบขมิบไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ใครจะกล้าตอบกัน ?
“พี่เจียง ท่านนี่จริง ๆ เลย ทำไมท่านไม่บอกว่าเขาโรคจิตแบบนี้ ?”
อ๋าวชิ่งบ่นออกมา “ท่านควรจะย้ำกับเราเพื่อที่เราจะไม่ได้โดนรังแก
แบบนี้…”
มุมปากของเจียงอู่ซวีพลันกระตุก ก่อนจะบ่นออกมาว่า “แล้วเมื่อกี้
ใครห้าวบอกว่าอยากจะลองสู้กับผู้ควบคุมขั้นที่ 7 สักครั้ง”
อ๋าวชิ่งพลันนิ่งเงียบ หากเขารู้ว่าจางหยูแกร่งแบบนี้ เขาจะกล้าพูด
แบบนั้นออกมาได้ยังไง ?
เมื่อเห็นว่าพวกนั้นไม่ตอบอะไรกลับมา จางหยูก็รู้สึกเสียดายแต่เขาก็
ไม่อาจจะบังคับคนพวกนี้ได้
จางหยูส่ายหน้าและดึงจิตผู้สร้างกลับมา เขาลบโลกแยกส่วนออกไป
ต่อมาโลกแยกส่วนก็พังตัวลงก่อนจะสลายไป ไม่กี่อึดใจพวกเขาก็
กลับมาที่โลกนิรันดร์
“ท่านจาง !” โจวหั่วเห็นจางหยูก็โล่งอกขึ้นมาทันที “ท่านไม่เป็น
อะไรสินะ ดีจริง ๆ”
เนี่ยอู่ซวงเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
แต่เมื่อละสายตาจากจางหยูและมองไปยังคนของวังนิรันดร์ที่มีแผล
ทั่วทั้งตัว ทั้งสองก็ตกอยูในความสับสนทันที
“นี่มัน…” โจวหั่วอ้ำอึ้ง “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากัน ?”
เนี่ยอู่ซวงสับสน “เกิดอะไรขึ้นกัน ?”
เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของทั้งสอง คนของวังนิรันดร์ก็อายจนแทบจะ
มุดดินหนี ครั้งนี้พวกเขาพ่ายแพ้คาบ้านของตัวเอง หากเรื่องนี้แพร่ง
พรายออกไปแล้ว พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ?
“โอ้ พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องกังวล” จางหยูพูดด้วยรอยยิ้ม
“เราแค่ประมือฉันท์มิตรกัน พวกเขาไม่เป็นอะไรมากหรอก”
คนของวังนิรันดร์พากันบ่นออกมา “ท่านมั่นใจรึว่าฉันท์มิตรไม่ใช่
ว่ารังแกเรา?”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของจางหยู แต่พวกเขาก็ไม่
อาจจะปฏิเสธได้รึอาจจะบอกได้ว่าพวกเขาไม่กล้าพอ
โจวหั่วและเนี่ยอู่ซวงพากันแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา
พวกเขาไม่คิดเลยว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้ได้
นี่คือวังนิรันดร์ !
ผู้ควบคุมขั้น 6 กว่า 3 คน, ขั้น 5 กว่า 28 คนและขั้น 4 อีก 3 คน !
กองกำลังที่ดูแข็งแกร่งเช่นนี้กลับบอกว่าตัวเองโดนรังแกงั้นรึ ?
พวกเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าทั้ง ๆ ที่จางหยูควรจะตกที่นั่งลำบาก แต่
ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคนของวังนิรันดร์กลับบาดเจ็บจนหน้าถอดสี
มันดูไม่น่าจะเป็นไปได้ไม่ใช่เหรอ?
รึว่าคนของวังนิรันดร์ร่วมมือกันก็ยังไม่ใช่คู่มือของจางหยูงั้นรึ ?
เมื่อคิดได้แบบนั้นโจวหั่วก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขามองไปที่
จางหยูด้วยความตะลึง “ท่าน…ท่านเป็น…ผู้ควบคุมขั้น 7 รึ ?”
“ก็ใช่” จางหยูยิ้มออกมา
เขาเหนือกว่าผู้ควบคุมขั้น 7 แต่ต่ำกว่าขั้น 8 พูดตามตรงแล้วเขาน่าจะ
อยู่ระหว่างขั้น 7 และ 8 เขาอยู่ในสถานะพิเศษ
สถานะพิเศษนี้ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
ความเข้าใจในการสร้างของเขาเหนือกว่าการใช้พลังแห่งการสร้าง
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นกับจางหยูแค่เพียงคนเดียว
เมื่อได้ยินคำตอบของจางหยู โจวหั่วและเนี่ยอู่ซวงก็พากันตะลึงอีก
รอบ
โจวหั่วอึ้งจนคิดอะไรต่อไม่ออก
หินหยาบแค่ 100 ล้านก้อนกลับเชิญผู้ควบคุมขั้นที่ 7 มาได้ !
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าจางหยูเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 4
แต่เมื่อไม่นานมานี้พวกเขาพบว่าจางหยูเหนือกว่าผู้ควบคุมขั้น 4
หลังจากนั้นพวกเขาก็สงสัยว่าจางหยูอาจจะอยู่ขั้น 6 พวกเขาคิดว่า
ขั้น 6 คงเป็นขีดจำกัดของจางหยู แต่ความจริงกลับเป็นว่าพวกเขา
ประเมินได้ต่ำเกินไป
เมื่อเห็นท่าทีของโจวหั่วและเนี่ยอู่ซวง คนของวังนิรันดร์ก็พูดอะไร
ไม่ออก ชัดแล้วว่าสองคนนี้มากับจางหยู แต่แม้แต่ระดับของจางหยู
พวกนี้ก็ยังไม่รู้ มันไม่น่าตลกรึไง ?
เจียงอู่ซวีสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดขึ้น “หากท่านต้องการพบกับ
นายท่าน ท่านค่อยกลับมาภายหลังก็ได้ หากไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัว
ก่อน”
ท่าทีของเขาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เขายังบังคับให้จางหยูอยู่รอแต่
ตอนนี้เขาไม่อาจจะทำแบบนั้นได้อีกและอยากจะไล่ จางหยูไป
เขาไม่สามารถรับมือกับจางหยูได้ เขาไม่อาจจะซ่อนตัวได้ตลอด
ไม่ใช่รึไง ?
“ไม่ต้องกังวล ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึ ?” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ครั้งนี้ข้ามาเพราะเรื่องอื่น ส่วนเรื่องพบพี่เบเกิลนั้นเป็นแค่ผลพลอย
ได้ก็เท่านั้น”
“เชิญท่านพูดมาได้เลย” เจียงอู่ซวีกลั้นหายใจกลัวกับสิ่งที่จางหยูจะ
พูด
“คนไหนคือบรรพชนลั่ว ?” จางหยูมองไปรอบ ๆ แล้วถามขึ้นมา
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นบรรพชนลั่วก็เหงื่อตกทันที “ขะ ข้าเอง”
จางหยูมองไปที่บรรพชนลั่ว แต่สายตาของเขาราวกับสายตาของ
สัตว์ร้าย ทำให้บรรพชนลั่วต้องใจเต้นรัว
จางหยูพยักหน้าให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะพูดออกมาว่า “ข้ามีธุระบางอย่าง
เกรงว่าอาจจะต้องรบกวนเจ้า”
บรรพชนลั่วตื่นเต้นแต่ก็ยังสับสนอย่างมาก ผู้ควบคุมขั้น 7 นั้นเขา
ไม่เคยเจอมาก่อนแต่อีกฝ่ายกลับมีเรื่องจะรบกวนเขางั้นรึ ?
“เรื่องนี้เจ้าต้องเป็นคนพูด” จางหยูบอกกับเนี่ยอู่ซวง “เรื่องนี้ลูกชาย
เจ้าเป็นคนก่อขึ้นมา เจ้าควรจะพูดมันด้วยตัวเอง”
ทุกสายตาจับจ้องไปที่เนี่ยอู่ซวงทันที
ภายใต้สายตาของทุกคนนั้น เนี่ยอู่ซวงก็กังวลจนพูดอะไรไม่ออก
เขาพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ไม่
นานมานี้ลูกข้า…เขาได้ทำลายรูปปั้นของท่าน ข้าขอให้ท่านยกโทษ
ให้กับเขาด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นบรรพชนลั่วก็สับสน “แค่นี้รึ ?”
จางหยูสร้างเรื่องใหญ่โตเช่นนี้และรังแกคนของวังนิรันดร์ เขาก็นึก
ว่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่แต่ใครจะไปรู้ว่ามันก็แค่ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ
เท่านั้น
เขามองไปที่จางหยู “เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ท่านพูดมาก็ได้ ทำไมต้อง
ลงมือใหญ่โตแบบนี้ด้วย ?”
จางหยูไม่ได้สนใจสายตาของบรรพชนลั่วและถามขึ้นมา “เจ้าบอก
มาสิว่าตกลงรึไม่ ?”
“แน่นอนว่าไม่เป็นอะไร” บรรพชนลั่วรีบพูดขึ้นมา “แค่รูปปั้นพังไป
นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
จางหยูพยักหน้าด้วยความพอใจ “หากเป็นเช่นนั้นเจ้าก็ไปกับเรา ไป
ยังบ้านตระกูลลั่ว ยังไงซะถึงเราพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ นอกซะจากว่า
เจ้าจะออกปากด้วยตัวเอง ไม่งั้นลูกหลานของเจ้าก็คงไม่ฟังคำพูดเรา”
บรรพชนลั่วไม่อยากกลับไปตอนนี้แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ “ได้ !”
“งั้น…ก็ไปกันเถอะ” จางหยูได้พาโจวหั่วและเนี่ยอู่ซวงกลับไปที่บ้าน
ตระกูลลั่วทันที
บรรพชนลั่วไม่กล้ารอช้าและตามไปทันที
เจียงอู่ซวีพูดขึ้นมา “เราต้องตามไปดูเรื่องนี้ด้วย หากไม่ได้เห็นกับตา
ข้าคงไม่อาจใจเย็นลงได้”
“พวกลูกหลานนั่นหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ” อ๋าวชิ่งบ่นออกมา “ก็แค่ทำลาย
รูปปั้นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมพวกนั้นถึงไม่โดนลงโทษ แต่กลับเป็น
เราแทน…”
คนของวังนิรันดร์รีบตามไปทันที พวกเขาต้องไปแก้ไขเรื่องนี้ด้วย
ตัวเอง ไม่งั้นแล้วคงมีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าไอ้โรคจิตนี่จะทำอะไร
กับพวกเขาอีก ?
ไม่นานจางหยู, โจวหั่ว, เนี่ยอู่ซวงและคนของวังนิรันดร์ก็มาถึงบ้าน
ตระกูลลั่ว

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท