ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1617

ตอนที่ 1617

ตอนที่ 1617 บ้านตระกูลลั่ว
โจวหั่วได้ทำการเก็บปราสาทสวนของตัวเองก่อนที่ทั้งสามคนจะ
ปรากฏตัวขึ้นมาในโลกนิรันดร์
โลกนิรันดร์นี้ใหญ่โตอย่างมาก มันใหญ่กว่าโลกจิตวิญญาณเป็นร้อย
เท่า บอกได้ว่ามันคือโลกขั้น 9 ที่มีขนาดใหญ่อย่างมาก
ในโลกจิตวิญญาณนั้นไม่มีร่องรอยของประวัติศาสตร์และไม่มีพลัง
ชีวิตที่แข็งแกร่งเหมือนที่นี่ นั่นหมายความว่าโลกนิรันดร์แห่งนี้มี
ความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ซึ่งผู้คนล้วนสัมผัสถึงมันได้
สิ่งที่ทรงพลังที่สุดในโลกนิรันดร์ก็คือพลังชีวิต นี่จึงถือว่าเป็นสถานที่
ศักด์ิสิทธ์ิสำหรับผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วน
ผู้มาเยือนทั่วไปที่อยู่ในโลกนี้คือผู้อมตะ สำหรับผู้คนพื้นเมืองแล้ว
พวกเขาเกิดมาก็เป็นผู้อมตะแล้ว มันก็คล้ายกับโลกบรรพกาล แต่
ตลอดเวลามานี้ก็ยังมีผู้คนที่แข็งแกร่งมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
นี่คือโลกขั้น 9 ที่แข็งแกร่งที่แท้จริง !
หากมองทั้งเขตตะวันออกส่วนเหนือแล้ว โลกนี้คือหนึ่งในโลกขั้นที่
9 ชั้นนำ !
แม้แต่นอกเขตนี้ก็ยากจะหาโลกอื่นมาเทียบได้
จางหยูและคนอื่น ๆ ได้เดินทางเข้าไปในโลกนิรันดร์ ตอนที่เดินทาง
เข้าไปนั้นจางหยูก็รับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่ไม่อาจจะหาอะไรมา
เทียบได้ ผู้สร้างที่แท้จริงมีจำนวนมากมาย ส่วนกุยหยวนนั้นมีนับไม่
ถ้วนราวกับหญ้าข้างทาง ผู้ย้อนกลับขั้นสูงเองก็มีจำนวนมาก ด้วย
ความแข็งแกร่งของจางหยูแล้วเป็นธรรมดาที่เขาจะรับรู้ถึงพวกนั้นได้
แม้ว่าจะคาดเดาสถานการณ์ของโลกนี้ไว้ก่อนแล้วแต่เมื่อได้เห็นกับ
ตาตัวเองก็ยังทำให้จางหยูต้องตะลึง
แข็งแกร่งจริง ๆ !
ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งรายบุคคลเท่านั้นแต่ความแข็งแกร่งโดยรวม
เองก็สูงเช่นกัน !
ยอดฝีมือในทุกระดับมีอยู่ทั่วทุกที่ ผู้สร้างไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไป
แม้แต่ผู้ย้อนกลับขั้นสูงเองก็ไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อะไรเลย
ยอดฝีมือเหล่านี้คือคนที่แข็งแกร่งอย่างมากในโลกอื่น แต่เมื่อมาอยู่
ที่นี่แล้วพวกเขาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลย พวกเขาเหมือนกลายเป็น
คนทั่วไป เพราะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาอยู่เป็นจำนวนมาก พวก
เขาไม่กล้าที่จะสร้างปัญหาขึ้นมา แม้แต่ผู้ควบคุมขั้นที่ 3 ก็ไม่ได้หา
ยากอะไรเลย มีแค่ผู้ควบคุมขั้นที่ 4 ที่ยังพอมีฐานะอยู่บ้าง
นี่เป็นครั้งแรกที่จางหยูเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของโลกนิรันดร์ได้
อย่างชัดเจน
นี่คือโลกขั้นที่ 9 ที่เขาใฝ่ฝันถึง นี่คือโลกที่เขาอยากให้โลกป่ าเป็นใน
อนาคต
จางหยูไม่ได้แผ่การรับรู้ออกไปไกลนัก โลกที่แข็งแกร่งเช่นนี้ใช่ว่า
จะไม่มีพวกสัตว์ประหลาดเฒ่า หากทำให้คนเหล่านั้นไม่พอใจ งั้น
มันอาจจะมีปัญหาขึ้นมาได้
จางหยูไม่ได้กลัวแต่ไม่อยากให้มีปัญหาเกิดขึ้น
“ท่านจาง” โจวหั่วถามขึ้นมา “ท่านจะพักก่อนรึจะไปที่บ้านตระกูล
ลั่วเลย ?”
ในฐานะผู้ควบคุมขั้นที่ 4 แล้ว โจวหั่วก็มีฐานะอยู่บ้าง แม้ว่าเขาจะ
ไม่ได้มีฐานะอะไรที่สูงส่งที่นี่ก็ตาม
จางหยูไม่อยากจะเสียเวลาและพูดขึ้น “ไปที่บ้านตระกูลลั่วเลย เจ้า
รีบพาเราไปที่นั่นเถอะ”
โจวหั่วพยักหน้าตอบรับ “งั้นเชิญมากับข้า”
เนี่ยอู่ซวง (ชื่อเต็มของเจ้าของโลกจิตวิญญาณ) ตามทั้งสองไปติด ๆ
คนที่โดนรังแกโดยยอดฝีมือคนอื่นตลอดมานั้นตอนนี้กลับไม่มีใคร
มาหาเรื่องเขา นี่ถือว่าเป็นเกียรติต่อผู้ควบคุมขั้นที่ 2 เมื่อบินเข้าไปใน
เมืองก็ยังมีคนมองมาที่เขาแต่ไม่กล้าที่จะมองเขาด้วยสายตาดูถูกอีก
เมื่อได้ยินคำสั่งของจางหยูให้ตรงไปที่บ้านตระกูลลั่ว เนี่ยอู่ซวงก็เกิด
กังวลขึ้นมา
ทั้งสามคนพูดคุยกันพร้อมกับเดินทางไปด้วย
“ตระกูลลั่วนั้นเป็นยังไง ?” จางหยูถามกับโจวหั่ว
โจวหั่วได้อธิบายออกมา “ตระกูลลั่วถือว่าเป็นตระกูลชั้น 2 ในโลกนี้
ตอนนี้หัวหน้าตระกูลพวกเขาเป็นผู้ควบคุมขั้น 4 ที่ไม่ได้อ่อนแอกว่า
ข้าเลย นอกจากนี้ตระกูลลั่วก็ยังมีผู้ควบคุมขั้นที่ 3 อีก 3 คนรวมถึงผู้
ควบคุมขั้นที่ 1 และ 2 อีกร้อยคน หากเผชิญหน้ากับพวกนั้นทีละคน
งั้นมันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่หากพวกเขาร่วมมือกันแล้วก็ไม่อาจจะ
ประมาทได้”
ตอนนั้นทั้งโจวหั่วและเนี่ยอู่ซวงไม่อาจจะทำใจเย็นได้เลย
แม้ว่าเขาจะส่งคนมาตรวจสอบเรื่องตระกูลลั่วแล้วแต่ผลของการ
ตรวจสอบนั้นเขาก็รู้แค่ว่าตระกูลลั่วมีหัวหน้าตระกูลที่เป็นผู้ควบคุม
ขั้นที่ 4 และบรรพชนที่อาจจะเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 5 แต่เขาไม่รู้เลยว่า
ทำไมตระกูลลั่วถึงได้มียอดฝีมือจำนวนมากเช่นนี้ในตระกูล
มันมีผู้ควบคุมขั้นที่ 1 และ 2 มากกว่าร้อยคน !
เท่ากับเจ้าของโลกขั้นที่ 9 เป็นร้อยใบ !
นี่ยังไม่นับผู้สร้างที่แท้จริง ไม่งั้นแล้วจำนวนอาจจะมากกว่านี้เป็น
สิบเท่า !
มันคิดได้ว่าตระกูลลั่วนั้นมีทรัพยากรมากแค่ไหนและร่ำรวยแค่ไหน !
แค่คิดก็น่าขนลุกแล้ว
แม้แต่ตัวจางหยูเองก็ยังตะลึงนิด ๆ ด้วย ในเขตตะวันออกส่วนเหนือ
ที่ห่างไกลนี้แม้แต่ตระกูลชั้นที่ 2 ก็ยังมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวถึง
เพียงนี้ และมียอดฝีมือมากมาย แล้วตระกูลชั้นที่ 1 ล่ะจะแข็งแกร่ง
ถึงเพียงไหน ?
กองกำลังแบบนี้เรียกได้ว่าหรูหรา !
“ที่ตระกูลลั่วยืนหยัดอยู่ในโลกนี้ได้ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งของ
บรรพชน ไม่อย่างงั้นแม้ว่าตระกูลใหญ่จะไว้หน้าตระกูลลั่ว แต่
ตระกูลลั่วก็ไม่อาจจะถูกนับเป็นตระกูลชั้นที่ 2 ได้ “โจวหั่วแสดงสี
หน้าจริงจังออกมา” ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลลั่ว ข้าแค่เคย
พบกับหัวหน้าตระกูลพวกนั้นอยู่บ้าง ข้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไว้หน้าข้ารึ
ไม่….ถ้าไม่งั้นแล้วข้าคงไม่ขอให้ท่านจางมาจัดการกับเรื่องนี้”
แม้ว่าโจวหั่วจะเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 4 แต่เขาก็ไม่ได้มีกองกำลังของ
ตัวเอง เขาไม่ได้มีลูกหลาน เขาสนใจแค่เรื่องบ่มเพาะ คนแบบนี้นั้น
ตระกูลลั่วอาจจะไม่จำเป็นต้องไว้หน้า
“ไม่เป็นไร” จางหยูตอบกลับอย่างใจเย็น “ไม่ว่าจะเป็นไปได้รึไม่แต่
เจ้าก็ต้องลองก่อน หากไม่ได้ผลข้าจะจัดการเอง”
การที่จางหยูมาด้วยนั้นคือตัวรับประกัน หากโจวหั่วเจรจากับตระกูล
ลั่วล้มเหลว งั้นเขาก็จะยื่นมือเข้าไปช่วย แต่ถ้าโจวหั่วเจรจาได้สำเร็จ
งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่ง
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสามก็มาถึงที่นอกบ้านตระกูลลั่ว
บ้านตระกูลลั่วไม่ได้ดูหรูหรานัก ที่หน้าประตูบ้านมียาม 2 คน พวก
นั้นไม่ได้ดูโดดเด่น พวกเขาไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไป
จางหยูประทับใจในตระกูลลั่วอย่างมาก ตระกูลนี้ไม่ได้ดูหลงตัวเอง
“สวัสดี” โจวหั่วก้าวออกไปทักทายกับยาม “ข้า วิถีไฟ โจวหั่ว ขอ
เข้าพบหัวหน้าตระกูล ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องพูดคุยกับเขา โปรด
แจ้งเขาด้วย” วิถีไฟคือฉายาของโจวหั่ว คนนอกเรียกเขาแบบนี้ ยังไง
ซะ วิถีไฟก็มีเขาแค่คนเดียว คนอื่น ๆ ไม่กล้าจะใช้ฉายานี้ สำหรับชื่อ
จริงของเขาแล้ว มีไม่กี่คนที่รู้
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวหั่ว ยามทั้งสองคนก็เปลี่ยนสีหน้าไป ในโลกนี้
ผู้ควบคุมขั้นที่ 4 ก็ถือว่ามีหน้ามีตาอยู่บ้าง ยิ่งฉายานี้แล้วเป็นธรรมดา
ที่ยามทั้งสองจะเคยได้ยินมาบ้าง
“ข้าจะรีบไปแจ้งกับหัวหน้าตระกูล ท่านรอสักครู่” ยามคนหนึ่งป้อง
มือให้ด้วยท่าทีถ่อมตัว
โจวหั่วพยักหน้า “ขอบคุณเจ้ามาก”
ยามรีบเข้าไปในบ้านทันทีเพื่อแจ้งกับหัวหน้าตระกูล จางหยูและคน
อื่น ๆ รออยู่ด้านนอก เพราะพวกเขามาที่นี่เพื่อจัดการปัญหา มันจึง
เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่เข้าไปจนกว่าจะได้รับเชิญ
….
ในบ้านตระกูลลั่ว
หัวหน้าตระกูลกำลังอ่านบางอย่างอยู่ ตอนนั้นเองยามก็มาถึงหน้า
ห้องของเขา “รายงานหัวหน้าตระกูล วิถีไฟมาหาท่านบอกว่ามีเรื่อง
บางอย่างจะเจรจาด้วย เขาขอเข้าพบกับท่าน”
“วิถีไฟรึ ?” ลั่วเทียนห่าวแปลกใจ “ตระกูลลั่วกับวิถีไฟนั้นไม่ได้
เกี่ยวข้องอะไรกันไม่ใช่รึ ? เขามาทำอะไรที่นี่ ?”
แม้ว่าจะสับสน แต่ลั่วเทียนห่าวก็ยังเก็บหนังสือแล้วเดินออกไป
พบโจวหั่ว
ยังไงซะผู้ควบคุมขั้นที่ 4 ก็มีเกียรติพอที่เขาจะไปต้อนรับด้วยตัวเอง
หากผูกมิตรกันได้จนกลายเป็นพันธมิตรของตระกูลลั่วก็ถือว่าเป็น
เรื่องดีต่อตระกูล หากไม่อาจจะผูกมิตรได้ก็ไม่ควรจะทำให้อีกฝ่าย
ไม่พอใจ
ไม่มีใครปฏิเสธที่จะเป็นมิตรกับผู้ควบคุมขั้นที่ 4
ที่หน้าบ้านตระกูลลั่ว
ลั่วเทียนห่าวยังไม่ทันได้มาถึงก็มีเสียงดังขึ้นมาก่อน “ฮาฮา…ข้าได้ยิน
ถึงความแข็งแกร่งของวิถีไฟมานานแล้ว ข้าเคยได้ยินฝีมือของท่าน
แต่ไม่เคยพบท่านด้วยตัวเอง ไม่คิดแลยว่าวันนี้ข้าจะมีโอกาสได้รู้จัก
กับวิถีไฟ ถือว่าเราโชคดีจริง ๆ “เมื่อพูดจบ ลั่วเทียนห่าวก็ปรากฏตัว
ขึ้นมาในสายตาจางหยูและคนอื่น ๆ “พี่โจว เชิญเข้ามาเถอะ”
เขาสนใจแต่โจวหั่ว ไม่ได้สนใจจางหยูและเนี่ยอู่ซวงเลยสักนิด
ในความเห็นของเขาแล้ว จางหยูและเนี่ยอู่ซวงนั้นน่าจะเป็นผู้ติดตาม
ของโจวหั่ว
โจวหั่วมองไปที่จางหยู แต่เมื่อเห็นว่าจางหยูแอบส่ายหน้าให้ เขาจึง
ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของจางหยู ก่อนจะพูดกับลั่วเทียนห่าว “ข้าต้อง
ขออภัยด้วยที่มารบกวน”
“พี่โจวคิดอะไรอย่างนั้น ฮ่าฮ่า” ลั่วเทียนห่าวหัวหเราะออกมา “ไป
เถอะ เชิญ มีเรื่องอะไรค่อยไปนั่งคุยกัน”

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท