หานเซิ่นต้องการอธิบายว่าเขาไม่ใช่มิสเตอร์หยาง แต่มิสเตอร์หยางเดินเข้ามาพอดี เขาโค้งคำนับหานเซิ่นและพูด
“มิสเตอร์ มีบางสิ่งผิดปกติในสวน เจ้าควรจะไปดู”
หลังจากนั้นมิสเตอร์หยางก็หันไปมองพีชฟูลและพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
“คุณหญิงพีชฟูล ได้โปรดรออยู่ที่นี่สักครู่ เดี๋ยวข้ามา”
พีชฟูลพยักหน้า เธอดูไม่รังเกียจที่จะต้องรอ
หานเซิ่นตามมิสเตอร์หยางเข้าไปในสวน ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงเพื่อกราบหานเซิ่นและพูด “มิสเตอร์ได้โปรดช่วยข้าด้วย”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นคาดเดาว่าที่มิสเตอร์หยางพูดแบบนี้นั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับพีชฟูล
มิสเตอร์หยางรีบพูด “พีชฟูลคนนั้นเป็นลูกของเจ้าเมืองดราก้อนซอง ข้าได้ยินมาจากมิสเตอร์เหมิงว่าเจ้าเมืองดราก้อนซองหมายตาไข่ยีนที่ราชาฉินทิ้งเอาไว้ ที่นางมาหาข้าคงจะเพราะนางได้ยินข่าวนี้ นางคงต้องการให้ข้าช่วยหารังของมังกรโลหิต แต่ว่ามันไม่มีไข่ยีนอยู่อีกแล้ว ถ้าข้าพาพวกเขาไปที่นั่นและหาไข่ไม่พบ พวกเขาก็จะฆ่าข้า ดังนั้นมิสเตอร์ได้โปรดช่วยชีวิตข้าด้วย”
“ถ้าเจ้าไม่อยากไป เจ้าก็ปฏิเสธพีชฟูลได้หนิ” หานเซิ่นพูด
มิสเตอร์หยางส่ายหัว “มิสเตอร์ยังไม่รู้ ขุนนางมีสิทธิ์ที่จะฆ่าสามัญชน เลือดของข้านั้นไม่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้รับโลหิตชีพจรจากเทพสปิริต ข้าจึงเป็นเพียงแค่สามัญชน ถึงข้าจะเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์เพื่อเอาตัวรอด แต่ฐานะของข้าก็ยังต้อยต่ำ ขุนนางอย่างเจ้าเมืองดราก้อนซอง ถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นผู้นำของเมืองแห่งนี้ แต่เขาก็ฆ่าคนอย่างข้าได้โดยไม่ต้องรับความผิดอะไร เจ้าเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตนั้นไม่กล้าจะขัดแย้งกับเจ้าเมืองดราก้อนซองเพื่อเพราะสามัญชนคนหนึ่ง แบบนั้นข้าจะตอบปฏิเสธไปได้ยังไง? ข้าจำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากเจ้า ข้ายินดีที่จะเป็นข้ารับใช้ของเจ้า ถ้าเจ้าช่วยชีวิตของข้า” หลังจากนั้นเขาก็ก้มกราบหานเซิ่นอีกครั้ง
เมื่อได้ยินแบบนั้นหานเซิ่นก็ขมวดคิ้ว อาณาจักรฉินค่อนข้างทันสมัย แต่กฎหมายของพวกเขายังล้าสมัย มันแย่ๆมากเมื่อเทียบกับในสหพันธ์ มันคล้ายคลึงกับในจักรวาลจีโน
แต่ทว่าอาณาจักรทั้งเจ็ดล้วนแต่เป็นอาณาจักรของมนุษย์ ดูเหมือนว่าจักรวาลนี้จะถูกปกครองโดยมนุษย์อย่างสมบูรณ์ แม้แต่ฉินซิวก็เป็นมนุษย์บริสุทธิ์
นั่นทำให้หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับอะไรหลายๆอย่าง โลกปฏิสสารเป็นโลกของมนุษย์ ขณะที่จักรวาลจีโนไม่มีเผ่ามนุษย์อยู่จนกระทั่งฉินซิวเข้าไปในจักรวาลจีโน มนุษย์เริ่มจะปรากฎตัวในก็อตแซงชัวรี่หลังจากที่ฉินซิวให้คริสตัลไลเซอร์ผสมยีนของเขาเข้ากับสิ่งมีชีวิตอื่น
เทพสปิริตมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่ามนุษย์ แต่พวกเขาต้องการจะฆ่ามนุษย์ทั้งหมด ถ้านั่นเป็นเพราะฉินซิว มันก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
มันมีเผ่าพันธุ์อีกมากที่ต้องการจะฆ่าเทพสปิริตของจักรวาลจีโน แต่ไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนที่ได้รับความเกลียดชังจากเทพสปิริตเหมือนอย่างเผ่ามนุษย์
ส่วนที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรฉินนั้นดูเหมือนจะเป็นตอนที่หว่านเอ๋อตาย ฉินซิวใช้วิธีการทุกอย่างเพื่อจะชุบชีวิตหว่านเอ๋อขึ้นมา แต่เธอมีชีวิตอยู่ในจักรวาลจีโนที่หานเซิ่นจากมา ด้วยเหตุนั้นมันจึงดูจะไม่สมเหตุสมผล
สิ่งที่แปลกยิ่งกว่าก็คือหานหยี่เฟยบอกกับหานเซิ่นว่าฉินหว่านเอ๋อนั้นเป็นสมาชิกของเผ่าวิทช์ เธอไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับฉินซิว นั่นทำให้มันยิ่งไม่สมเหตุสมผลกว่าเดิม มันต้องมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่หานเซิ่นยังไม่รู้ ถึงแม้หานเซิ่นจะมีข้อสันนิษฐานอยู่หลายอย่าง แต่เขาก็ยังหาบทสรุปไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าข้อสันนิษฐานของตัวเองนั้นถูกหรือผิด
“ข้าจะช่วยเจ้าได้ยังไง?” หานเซิ่นคิดว่าถ้าเขาต้องการจะเรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้ในเวลาอันสั้น การมีคนท้องถิ่นคอยติดตามถือเป็นเรื่องดี ดังนั้นถ้ามันไม่ใช่เรื่องยากอะไร หานเซิ่นก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยมิสเตอร์หยาง
มิสเตอร์หยางพูดด้วยสีหน้าอึดอัด “ข้าย้ายมาจากเมืองอื่น มันมีผู้คนไม่มายนักที่เคยเห็นหน้าของข้า ข้าไม่คิดว่าพีชฟูลและเจ้าเมืองดราก้อนซองนั้นจะรู้ว่าข้ามีหน้าตาเป็นยังไง ถ้าเจ้าต้องการจะช่วยข้า เจ้าแต่ต้องสวมรอยเป็นข้าเพื่อปฏิเสธพวกเขา แต่ถ้าเจ้าทำแบบนั้น เจ้าต้องมีปัญหากับพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย”
“เจ้านี่ฉลาดจริงๆ จะให้ข้าเป็นแพะรับบาปแทนแบบนั้น แต่แล้วยังไงต่อ? เจ้าจะหนีไปซ่อนตัวอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นพูด
“แน่นอนว่าไม่ ข้ารู้ว่าเจ้ามีพลังที่ไร้ขีดจำกัด” มิสเตอร์หยางพูดด้วยความกลัว
“เจ้าฆ่ามิสเตอร์เหมิงได้ในหมัดเดียว และถึงเจ้าเมืองดราก้อนซองจะเก่งกว่ามิสเตอร์เหมิง แต่เขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก เขาไม่มีทางทำอะไรเจ้าได้ ถ้าเจ้ายินดีจะให้ข้ารับใช้ ข้าก็ยินดีจะเป็นข้ารับใช้ของเจ้า ข้าจะติดตามเจ้าไปตลอดการ”
มิสเตอร์หยางเป็นคนฉลาด เขาสัมผัสได้ว่าหานเซิ่นไม่ใช่ฆาตกรที่จะฆ่าคนไม่เลือกหน้า ด้วยเหตุนั้นเขาจึงพูดเรื่องทั้งหมดนี้ออกมา
“ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปปฏิเสธพีชฟูลด้วยตัวเอง ถ้านางต้องการใช้กำลังบังคับเจ้า แน่นอนว่าข้าในฐานะเจ้านายจะยื่นมือเข้าช่วย” หานเซิ่นพูด
“ขอบคุณนายท่าน” มิสเตอร์หยางดีใจ เขาก้มลงกราบอีกครั้งด้วยความซาบซึ้ง
หลังจากที่กลับไปที่ห้องนั่งเล่น มิสเตอร์หยางก็เดินเข้าไปหาพีชฟูลและอธิบายว่าเขาคือมิสเตอร์หยาง
“เจ้าคือมิสเตอร์หยาง?” พีชฟูลพยักหน้าก่อนที่จะเหลียวไปมองหานเซิ่น แต่เธอไม่ได้พูดอะไรมาก เธอแค่หันกลับไปพูดกับมิสเตอร์หยางว่า
“มิสเตอร์หยาง ข้าต้องการจ้างเจ้าไปที่ภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อตเพื่อตามหาชีพจรพระเจ้า ถ้าเจ้าสะดวก ได้โปรดมากับข้า”
มิสเตอร์หยางมองหานเซิ่นก่อนที่จะตอบกลับไปว่า “ข้าต้องขออภัยนายหญิงพีชฟูล เจ้านายของข้ายังมีงานที่ต้องทำ ข้าจึงออกไปจากเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตไม่ได้”
“เจ้านายของเจ้าเป็นใคร?” พีชฟูลถามพร้อมกับขมวดคิ้ว เธอมองไปที่หานเซิ่นและตรวจเช็คเขา
“นี่คือเจ้านายของข้า” เป็นอย่างที่พีชฟูลคาดเดา มิสเตอร์หยางขยับเข้าไปใกล้หานเซิ่นและแนะนำตัว
พีชฟูลมองไปที่หานเซิ่นและถาม “ข้าจะขอยืมตัวมิสเตอร์หยางไปหน่อยได้ไหม?”
เธอสัมผัสออร่าของโลหิตชีพจรจากตัวหานเซิ่นไม่ได้เลย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเข้าใจผิดไปว่าหานเซิ่นคือมิสเตอร์หยาง
ตอนนี้เมื่อมิสเตอร์หยางบอกว่าหานเซิ่นคือเจ้านายของเขา นั่นก็หมายความว่าหานเซิ่นต้องเป็นขุนนาง
ฐานะของมิสเตอร์ไม่ได้สูงเหมือนอย่างขุนนาง มันแค่สูงกว่าสามัญชนทั่วๆไป การที่ทำให้มิสเตอร์หยางเป็นคนรับใช้ได้ คนๆนั้นก็ต้องเป็นขุนนาง
มันมีความเป็นไปได้สองอย่างที่พีชฟูลสัมผัสถึงออร่าจากตัวหานเซิ่นไม่ได้ อย่างแรกคือหานเซิ่นไม่ใช่ขุนนาง อย่างที่สองคือโลหิตชีพจรของเขาเหนือกว่าเธอ
“ข้าจะไม่ส่งเขาออกไปนอกเมือง ถ้าเจ้าไม่มีอะไรอย่างอื่นแล้ว เจ้าก็ออกไปได้แล้ว” หานเซิ่นพูดอย่างเย็นชา
พีชฟูลรู้ว่าท่าทางของหานเซิ่นนั้นไม่ปกติ เขาดูสบายๆ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ดูน่าเกรงขามมากๆ เธอคิดว่าหานเซิ่นคงจะเป็นขุนนางระดับสูง ด้วยเหตุนั้นเธอจึงไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านั้น
หานเซิ่นคิดว่ามันอาจจะเกิดปัญหาขึ้น แต่พีชฟูลกลับยอมออกไปแต่โดยดี เธอแค่ถามชื่อของเขาก่อนที่เธอจะจากไป
“นายท่านต้องไม่ประมาท พีชฟูลแค่ไม่รู้ว่านายท่านเป็นใคร ด้วยเหตุนั้นนางจึงยอมกลับไปแต่โดยดี แต่นางต้องกลับมาอีกครั้งแน่” มิสเตอร์หยางพูดเตือน
หานเซิ่นหลี่ตาและพูดอย่างสบายใจว่า “นั่นจะไม่เป็นปัญหาอะไร”
หลังจากที่พีชฟูลกลับไปที่บ้าน เธอเริ่มทำการตรวจสอบที่มาของหานเซิ่น แต่หลังจากที่เธอเรียกคนของเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตมาถาม เธอก็ยังไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับหานเซิ่น พีชฟูลคิดว่านั่นเป็นอะไรที่แปลก
หานเซิ่นพักอยู่ที่บ้านของมิสเตอร์หยางเป็นเวลาสองวันก่อนที่วันเปิดโลหิตชีพจรจะมาถึง เมื่อถึงเวลาหานเซิ่นก็ตามมิสเตอร์หยางไปที่วิหารอีวิลโลตัสก็อต
ตอนนี้ประตูของวิหารอีวิลโลตัสก็อตเปิดออก หานเซิ่นก็เห็นรูปปั้นที่ตั้งอยู่บนแท่นบูชาภายในวิหารพระเจ้า ใบหน้าของรูปปั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเหมือนกับอีวิลโลตัสก็อตที่เขาเคยพบ