Super God Gene – ตอนที่ 3109 มังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้า

ตอนที่ 3109 มังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้า

ตอนที่ 3109 มังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้า

ในเวลาชั่วพริบตา สตีลซีนกลายร่างเป็นเทพน้ำแข็งและหิมะ เส้นผมสีดําของเขาตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีขาว ผิวของเขาตกผลึกเหมือนกับคริสตัล ร่างกายทั้งร่างของเขาปลดปล่อยออร่าที่หนาวเย็นออกมาและห้อมล้อมไปด้วยเกล็ดหิมะ เขาชกหมัดออกไปปะทะกับพลังมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้าของหานเซิ่น แต่ว่ามันสายเกินไป

Boom!

แรงระเบิดที่เกิดจากการปะทะกันนั้นส่งลู่ซานจีกับกงซูจื่อที่อยู่ด้านหน้ากระเด็นออกไป แม้แต่ชิตย่าที่อยู่ด้านหลังก็ยังกระอักเลือดออกมา ขณะที่พยายามจะถอยหนีออกไป ทั้งกําแพงและเพดานของห้องรับรองถูกทําลายในทันที

“หานเซิ่น! นี่เจ้ากล้าโจมตีจริงๆอย่างนั้นหรอ?” สตีลซีนดูหม่นหมองขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางห้องโถงที่พังทลาย เส้นผมสีขาวของเขาปลิวไสว ขณะที่เขาจ้องมองไปที่หานเซิ่นด้วยสายตาเย็นชา

ยอดฝีมือหลายคนภายในคฤหาสน์ของตระกูลสตีลต่างก็รีบมายังที่เกิดเหตุ พวกเขาทุกคนเรียกยื่นเรซของตัวเองออกมาและล้อมห้องรับรองเอาไว้

กงซูจื่อและลู่ซานจีถูกพยุงขึ้นมาโดยผู้คนเหล่านั้น แต่พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขามีเลือดไหลออกมาเรื่อยๆ คนอื่นพยายามจะใช้ยืนเรซที่มีพลังในการรักษาเพื่อช่วยพวกเขา แต่มันก็แทบจะไม่ส่งผลอะไร

“สตีลซีน ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ต้องการให้มือต้องเปื้อนเลือด”

หานเซิ่นพูดอย่างเย็นชา “แต่เจ้ากลับหัวแข็งไม่ยอมฟัง ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่น”

สตีลซีนเกรี้ยวโกรธ เขาหัวเราะและถาม “เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าจะทําอะไรก็ได้ เพียงเพราะเจ้าเป็นขุนนางเลือดพระเจ้า? ตอนแรกข้าตั้งใจจะเหลือร่างกายของเจ้าเอาไว้เพื่อส่งไปเป็นของขวัญให้กับองค์รัชทายาท แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่จําเป็นอีกต่อไปแล้ว”

หลังจากนั้นซือหมิงเดม่อนเรซที่ดูเหมือนกับหานเซิ่นก็ปรากฏออกมา ร่างกายน้ำแข็งและหิมะของสตีลซีนเริ่มจะปลดปล่อยควันสีดํา ขณะที่มือของเขาสัมผัสกับหัวของซือหมิงเดม่อนเรซ ควันสีดําประหลาดนั้นไหลเข้าไปในร่างกายของซือหมิงเดม่อนเรซ

“นั่นคือยืนเรซที่ทําร้ายเพิ่งเฟยเฟยอย่างนั้นสินะ?”

หานเซิ่นมองไปที่ซื่อหมิงเดม่อนเรซและเห็นว่ามันดูเหมือนกับตัวเขาไม่มีผิด ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ามันคืออะไร

“หานเซิ่น! เจ้ากล้าดียังไงมาก่อเรื่องในเมืองไอซ์สโนว์ของข้า? เจ้ารนหาที่ตายเอง แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายไปง่ายๆ”

สตีลซีนมองไปที่หานเซิ่นอย่างเลือดเย็น ขณะที่ส่งควันสีดําเข้าไปในซือหมิงเดม่อนเรซมากขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้นจู่ๆซือหมิงเดม่อนเรซก็มีเลือดไหลออกมาทั่วตัว มันดูเลวร้ายเหมือนกับผี มันยื่นมือออกมาและใช้เล็บที่แหลมคมทั้งสิบทิมแทงใบหน้าของตัวเอง

เล็บทิมเข้าไปในใบหน้าทะลุผ่านดวงตาเข้าไปจนเกิดเป็นรูสิบรูที่มีเลือดพุ่งออกมาเหมือนกับน้ำพุ

“ข้าจะทําให้เจ้าถลกหนังตัวเองทั้งเป็น” สตีลซีนพูดอย่างชั่วร้ายขณะที่มองไปที่หานเซิ่น

“ข้าจะทําให้เจ้าเอากระดูกของตัวเองออกมาเพื่อที่ทั้งโลกใบนี้จะได้รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกเขาพยายามจะท้าสู้กับข้า”

ถ้านี่เป็นกรณีปกติ หานเซิ่นควรจะทําเหมือนกับที่ซื่อหมิงเดม่อนเรซกําลังทํา เขาควรจะใช้นิ้วควักลูกตาและเจาะเข้าไปในใบหน้าของตัวเอง

แต่หานเซิ่นกลับยังคงยื่นนิ่งและจ้องมองไปที่สตีลซีนโดยที่ไม่ได้ทําการเคลื่อนไหวใดๆ สีหน้าของเขาไม่มีความเปลี่ยนแปลง และเขาก็ไม่ได้ใช้มือของตัวเองเพื่อเจาะดวงตาและใบหน้าของตัวเองเช่นกัน

“เป็นไปไม่ได้…” สตีลซีนตกใจ ตระกูลสตีลนั้นรับผิดชอบทหารองครักษ์มาสามรุ่นติดต่อกัน แม้แต่คนของราชวังก็ยังต้องยําเกรงตระกูลสตีล นั่นทําให้เขาหยิ่งยโสมาโดยตลอด

ถ้าอีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดัง บางทีสตีลซีนก็อาจจะเกรงกลัวอยู่บ้าง เขาจะไม่บุ่มบ่ามทําการต่อสู้กับอีกฝ่ายแบบนี้ แต่หานเซิ่นนั้นเป็นแค่คนนอกที่ไร้ชื่อเสียง ถึงแม้เขาจะเป็นขุนนางเลือดพระเจ้า เขาก็เป็นแค่ขุนนางเลือดพระเจ้าคนใหม่ที่ไม่มีใครหนุนหลัง ด้วยเหตุนั้นสตีลซีนจึงไม่ได้คิดจะเอาจริงอะไรกับหานเซิ่น

แต่ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากซือหมิงเดม่อนเรซ สตีลซีนก็ถูกบังคับให้ต้องเอาจริง

“ไปลงนรกซะเถอะ!” สตีลซีนตะโกนอย่างโมโห ควันบนร่างกายของเขาเป็นเหมือนกับคลื่นยักษ์ที่ชัดตรงเข้าไปหาซื่อหมิงเดม่อนเรซ ซื่อหมิงเดม่อนเรซใช้พละกําลังทั้งหมดเพื่อเจาะนิ้วของตัวเองเข้าไปในหัวกะโหลกเหมือนกับว่ามันกําลังจะฉีกหัวให้ขาดครึ่ง

“อ้า!” ทันใดนั้นจู่ๆสตีลซีนก็ส่งเสียงกรีดร้องและมีเลือดไหลออกมาจากใบหน้าของเขา ขณะที่ร่างกายของเขาถูกโยนโดยพลังที่มองไม่เห็น เขาชนเข้ากับกําแพงของคฤหาสน์อย่างรุนแรงจนทั้งคฤหาสน์พังทลาย

พลังของซือหมิงเดม่อนเรซนั้นเป็นพลังแห่งชะตากรรม ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับขุนนางเลือดพระเจ้า ด้วยโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่เข้ากันได้ดีกับซือหมิงเดม่อนเรซของสตีลซีน เขาก็ควรจะทําความเสียหายกับขุนนางเลือดพระเจ้าคนนั้นได้ แต่หานเซิ่นนั้นต่างออกไป เขาไม่ใช่คนของโลกใบนี้ มันไม่มีชะตากรรมสําหรับเขาในโลกใบนี้ ด้วยเหตุนั้นพลังของซือหมิงเดม่อนเรซจึงไม่ได้ผลกับเขา

ในเวลานี้ใบหน้าของสตีลซีนมีเลือดไหลออกมาเหมือนกับผี เขาพยายามพยุงตัวเองขึ้นมาจากซากปรักหักพังของคฤหาสน์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด

ขณะเดียวกันซื่อหมิงเดม่อนเรซที่เต็มไปด้วยควันสีดํานั้นจู่ๆก็เริ่มเปลี่ยนจากใบหน้าของหานเซิ่นกลับกลายเป็นรูปปั้นทองแดงที่ไร้ใบหน้าอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าพลังของมันถูกทําลาย มันจะไม่ทํางานอีกต่อไป

“วันนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อกงซูจื่อ ซิตูย่า ลู่ชานจีและสตีลซีน ข้าไม่ต้องการจะทําร้ายคนอื่น แต่ถ้ามีใครคนไหนพยายามจะหยุดข้า ข้าก็ไม่รังเกลียดที่จะเอาชีวิตของคนๆนั้น”

ร่างกายของหานเซิ่นระเบิดด้วยลมปราณโลหิต เขาชกหมัดอออกไปในทิศทางของกงซูจือที่ได้รับบาดเจ็บหนัก มังกรโลหิตพุ่งตรงเข้าไปหากงซูจื่อพร้อมกับส่งเสียงคํารามที่น่ากลัว

“นายท่านสตีลซีนช่วยข้าด้วย!” กงซูจ๋อตะโกนด้วยความตกใจ เขาพยายามวิ่งหนีพร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือ

แต่ทว่ามันสายเกินไปที่ใครคนไหนจะเข้ามาช่วยเขา พลังของมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้าไปถึงตรงหน้าของเขาเรียบร้อยแล้ว กงซูจือจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้พลังของตัวเองเพื่อป้องกันมันเอาไว้

Boom!

ร่างกายของกงซูจื่อพร้อมกับยืนเรซหมาป่าถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหมอกสีเลือด คนของคฤหาสน์ตระกูลสตีลต้องการจะเข้ามาช่วยป้องกันการโจมตี แต่พวกเขาทุกคนนั้นถูกส่งกระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมา

พลังของหานเซิ่นทําให้ยอดฝีมือของคฤหาสน์ตระกูลสตีลทุกคนตกตะลึง มันเป็นพลังที่เหนือจินตนาการของพวกเขา

หานเซิ่นไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาหันไปมองซิตูย่าที่ตอนนี้หวาดกลัวจนขาอ่อนและล้มลงไปกับ

“ไม่… ได้โปรดอย่าฆ่าข้า!”

หานเซิ่นไม่พูดอะไร เขาใช้พลังมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้าอันน่ากลัวและชกหมัดออกไปใส่ซิตูย่า

ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยซิตูย่า คนของตระกูลสตีลทุกคนต่างก็พากันถอยออกไปและปล่อยให้ซิตูย่าถูกกลืนกินโดยพลังมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้า เธอถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหมอกสีเลือดเช่นเดียวกัน

หานเซิ่นต้องการจะฆ่าลู่ซานจีเป็นคนต่อไป แต่สตีลซีนวิ่งมาพร้อมกับตะโกนอย่างเกรี้ยวโกรธ “เจ้ากล้าดียังไง! ฆ่าเขาซะ!”

ด้วยคําสั่งของสตีลซีน ทําให้คนของตระกูลสตีลไม่กล้าถอยออกไปอีก พวกเขารวบรวมพลังและโจมตีใส่หานเซิ่น

สตีลซีนเองก็เรียกยืนเรซเอ็กซ์คลูซีฟเทพวานรภูเขาหิมะออกมา ด้วยพลังจากวิชาประสานยืนและพลังจากโลหิตชีพจรเทพสปิริตจากไอซ์สโนว์ก็อดเดส เขาปล่อยพลังออกมาปะทะกับพลังมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้าของหานเซิ่น

Boom!

ถึงพวกเขาทุกคนจะรวมพลังกัน มันก็ไม่อาจจะสู้พลังมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้าของหานเซิ่นได้สตีลซีนและคนของตระกูลสตีลทุกคนนั้นกระอักเลือดออกมา สีหน้าของพวกเขาทุกคนดูแย่

พลังของโลหิตชีพจรเทพสปิริตมังกรโลหิตรวมกับยืนเรซเอ็กซ์คลูซีฟเทพมังกรโลหิตและพลังของบลัดโกสต์สปิริตทําให้หานเซิ่นแข็งแกร่งเหนือคนอื่นๆ

“ฆ่าเขา! ข้าบอกให้ไปฆ่าเขา!” สตีลซีนโกรธมากๆ เขาสั่งให้คนของเขาไปฆ่าหานเซิ่น ขณะที่เขาวิ่งหนีออกไปทางวิหารไอซ์สโนว์ก็อดเดส

เขาต้องการจะรวมร่างกับไอซ์สโนว์ก็อดเดสเพื่อฆ่าหานเขิน เขาจะไม่ปล่อยให้หานเซิ่นมีรอดชีวิตไปจากคฤหาสน์ตระกูลสตีล

Super God Gene

Super God Gene

Status: Ongoing
 ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม”

Show less 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท