ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด – ตอนที่ 410 ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำเป็นเก่ง / ตอนที่ 411 ตำบลเถาหยวนที่ร้างไร้ชีวิตชีวา

ตอนที่ 410 ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำเป็นเก่ง / ตอนที่ 411 ตำบลเถาหยวนที่ร้างไร้ชีวิตชีวา

ตอนที่ 410 ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำเป็นเก่ง

 

 

หลิงอวี้จื้อเงยหน้า แววตาแสดงความขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ปกติเธอจะเป็นคนเฮฮาเสมอ แต่ไม่ใช่คนไร้หัวจิตหัวใจ สำหรับชาวบ้านตำบลเถาหยวน เธอรู้สึกผิดจากใจ

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นยื่นมือไปตบไหล่หลิงอวี้จื้อเบาๆ

 

 

“เรื่องมาถึงขั้นนี้เแล้ว ไม่มีทางอื่น พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์จริง หากไม่ประหารชีวิตพวกเขา ก็รังแต่จะทำร้ายผู้บริสุทธิ์มากขึ้นอีก

 

 

อวี้จื้อ โดนพิษนักรบไร้ชีพก็เท่ากับตายแล้ว ใครก็ไม่อยากให้ตนเองกลายเป็นเช่นนั้นแล้วไปทำร้ายคนรอบข้างหรอก ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นหญิงสาวจิตใจเมตตา จิตใจเมตตากว่าข้ามาก เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลแล้ว ให้ข้ากับท่านอ๋องทำเถิด”

 

 

“ข้าเข้าใจความหมายของพวกเจ้า แต่เรื่องเช่นนี้ ต่อไปข้าก็อาจจะต้องพบเจออีก ข้าไม่อยากหนี ให้ข้าปรับตัวอีกสักหน่อย อีกสักครู่ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่ใช่คนประเภทจมอยู่กับอารมณ์อะไรบางอย่างแล้วออกมาไม่ได้ โดยพื้นฐานแล้วเธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี เจอเรื่องอะไรก็คิดบวก เมื่อเป็นนักแสดงก็ไม่ใช่นักแสดงประเภทมีอาการซึมเศร้าได้ง่าย สุขภาพจิตดีมาก ไม่ค่อยสนใจว่าคนอื่นจะมองอย่างไร

 

 

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจะยากสักเพียงใด เธอก็ต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้าและแก้ไขปัญหา แต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น

 

 

“ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำเป็นเก่ง เจ้าเป็นผู้หญิง”

 

 

หลิงอวี้จื้อกรอกตาใส่มู่หรงนี่อวิ๋น

 

 

“แล้วข้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ หากข้าไม่ไหว ข้าก็ไม่ยอมทนหรอก เจ้าไม่รู้ ข้าไม่ชอบทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองลำบากใจหรอก”

 

 

“สบายใจขึ้นบ้างหรือยัง”

 

 

“สบายใจขึ้นมากแล้ว นี่อวิ๋น ขอบใจนะ”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงอวี้จื้อ ตาลูกท้อคู่นั้นก็เปี่ยมด้วยรอยยิ้มด้วย

 

 

“เวลาเจ้ายิ้ม อย่างไรก็ดูดีกว่า หน้าตาเวลาร้องไห้ช่างน่าเกลียดนัก”

 

 

“น่าเกลียดก็น่าเกลียดไปสิ ท่านอ๋องของข้าไม่รังเกียจข้าก็พอแล้ว”

 

 

หลิงอวี้จื้อทำหน้าหวานซึ้ง มู่หรงนี่อวิ๋นก็จิตใจเศร้าหมองทันที หลิงอวี้จื้อชอบใช้คำว่าท่านอ๋องของข้าบ่อยๆ ถึงแม้ว่ายังไม่ได้ออกเรือนอย่างเป็นทางการ แต่เธอก็ถือว่าเซียวเหยี่ยนเป็นผู้ชายของตนแล้ว มีความหมายเช่นนั้นอยู่ในภาษาที่ใช้เสมอ

 

 

ช่างเถิด เธอมีความสุขก็ดีแล้ว เห็นเธอยิ้ม ก็ดีกว่าเห็นเธอร้องไห้

 

 

อู่จิ้นพาคนไปจัดการศพทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว และจุดไฟเผาเป็นจุลทันที มั่วชิงก็พาเฟิงอิ๋นไปฝังแล้ว ชาวบ้านที่บาดเจ็บก็กลับบ้านกันหมดแล้ว ทั้งตำบลเถาหยวนกลับสู่ความสงบอีกครั้ง ทุกคนต่างมีความรู้สึกได้รอดตายจากภัยพิบัติแล้ว นึกว่ารอดตายแล้วก็สามารถผ่านปีใหม่ไปได้อย่างดี ช่างไม่รู้เลยว่ายังมีภัยพิบัติครั้งใหญ่กว่ารอพวกเขาอยู่

 

 

คืนนี้หลิงอวี้จื้อนอนพลิกตัวไปมา ข่มตานอนไม่ลงเลย ในหัวมีแต่ข้อมูลการติดเชื้อ เธอไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมีคนติดเชื้อเท่าไหร่กันแน่ พอคิดถึงตรงนี้ ในใจก็กระวนกระวายอย่างยิ่ง

 

 

เธอนอนไม่หลับ มั่วชิงก็นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน เพียงแต่มั่วชิงนึกถึงเฟิงอิ๋นมากกว่า เฟิงอิ๋นตายแล้ว ชุนเหนียงก็ตายแล้ว แต่เจียงสือกลับยังมีชีวิตดีอยู่

 

 

ชะตาชีวิตของพวกนางทุกคนล้วนถูกบีบอยู่ในกำมือของเจียงสือ ไม่ใช่พวกนางต่อต้านไม่ได้ แต่ความหวาดกลัวที่แทรกซึมลึกถึงไขกระดูก คอยมัดพวกนางเอาไว้อย่างแน่นหนา ทำให้พวกนางไม่กล้าเหิมเกริมแม้แต่น้อย

 

 

ทุกคนที่เข้าไปในสำนักอู๋จี๋ต่างก็ผ่านประสบการณ์ราวกับอยู่ในฝันร้าย นางออกจากสำนักอู๋จี๋มาตั้งหลายปีแล้วยังมิอาจลืมเลือนได้

 

 

หรือว่าจะปล่อยเจียงสือไปเช่นนี้หรือ

 

 

มั่วชิงเอาแต่ย้อนถามตนเองไม่หยุด

 

 

ภาพการตายอย่างน่าอนาถของญาติสนิทและเฟิงอิ๋นปรากฏขึ้นในหัว สุดท้ายนางก็ตัดสินใจเด็ดขาด

 

 

นางหนีมาหลายปีแล้ว พยายามลืมความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสำนักอู๋จี๋มาตลอด ตอนนี้จะหนีต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ขอเพียงหาโอกาสได้ นางจะต้องฆ่าเจียงสือด้วยมือของตนเอง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

 

 

ท่ามกลางความสับสนอิรุงตุงนังนี้ ฟ้าก็ยังสว่างเช่นเดิม หลิงอวี้จื้อจ้องดวงตาแพนด้าขณะล้างหน้า หรือว่าแก่แล้วหรือ เมื่อก่อนไม่นอนทั้งคืนก็ไม่ได้ง่วงขนาดนี้ ตอนนี้เธออายุสิบเจ็ดปีหรือว่ายี่สิบเก้าปีกันแน่

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 411 ตำบลเถาหยวนที่ร้างไร้ชีวิตชีวา

 

 

ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้ว หลิงอวี้จื้อเตรียมไปห้องครัวดูว่ามีอะไรกินหรือไม่ จู่ๆ มั่วชิงก็ถือตะกร้าไผ่เล็กๆ เข้าห้องครัวไป เห็นตะกร้าไผ่ในมือของมั่วชิง หลิงอวี้จื้อก็ถามว่า

 

 

“มั่วชิง นี่อะไรหรือ”

 

 

“คุณหนู นี่เป็นของที่ป้าแถวนี้ส่งมาให้เจ้าค่ะ เพื่อขอบคุณพวกเรา”

 

 

มั่วชิงพูดจบก็ส่งตะกร้าไม้ไผ่ให้หลิงอวี้จื้อ เธอรับตะกร้ามา เปิดผ้าคลุมข้างบน ข้างในมีไข่ไก่ย้อมสีแดง และยังมีหมั่นโถวสีขาวอีกสองสามลูก

 

 

ชาวบ้านตำบลเถาหยวนใจดีมากจริงๆ ประเพณีพื้นบ้านก็เรียบง่าย ขณะเธอถือตะกร้า ในใจก็รู้สึกแย่ ฝืนยิ้มพูดว่า

 

 

“เมื่อครู่ข้าหาดูแล้ว ทั้งครัวไม่มีอะไรกินเลย มั่วชิง เอาไข่ไปกินสักใบสิ”

 

 

พูดจบก็หยิบไข่สองใบออกมาจากตะกร้าแล้วยัดใส่มือมั่วชิง จากนั้นหาชามจากในครัวมาหนึ่งใบ หยิบไข่ไก่สี่ใบกับหมั่นโถวหนึ่งลูกออกมา แล้วเอาตะกร้าไม้ไผ่ยัดใส่มือมั่วชิง

 

 

“เอาของกินที่เหลือไปแบ่งหน่อย ให้นี่อวิ๋นสักหน่อย ข้าเอาไปให้ท่านอ๋องก่อน”

 

 

มั่วชิงพยักหน้า หลิงอวี้จื้อยกชามไปหาเซียวเหยี่ยน เพียงแต่เซียวเหยี่ยนไม่ได้อยู่ในห้อง นางวางชามในมือลง ตอนนี้เซียวเหยี่ยนไปไหนกันนะ

 

 

เมื่อวานไม่ได้กินอะไรเลย ท้องเธอหิวแล้วจริงๆ จึงหยิบหมั่นโถวลูกหนึ่งมากิน

 

 

กินเสร็จแล้วก็ยังไม่เห็นเซียวเหยี่ยนกลับมา หยิบไข่สองใบใส่ในกระเป๋าเสื้อ ตามหาเซียวเหยี่ยนในเรือนครบทุกซอกมุมแล้ว แม้แต่เงาของอู่จิ้นก็ไม่เห็น เตรียมจะออกไปหาเซียวเหยี่ยนข้างนอก

 

 

หลังจากภัยพิบัติครั้งนี้ ถนนใหญ่ในตำบลเถาหยวนก็เงียบสงัดสุดขีด

 

 

ยังมีกลิ่นคาวเลือดอบอวลในอากาศ รอยเลือดบนพื้นยังชำระล้างไม่เกลี้ยง ทุกบ้านเรือนต่างแขวนโคมไฟ เพียงแต่สีแดงนี้กลับไม่ให้ความรู้สึกของงานรื่นเริง คราบเลือดกับโคมไฟเกี่ยวกระหวัดพันกัน ทั้งตำบลเถาหยวนตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า

 

 

มั่วชิงตามอยู่ข้างหลังหลิงอวี้จื้อ พูดเตือนว่า

 

 

“คุณหนู คืนวานทัพใหญ่มาถึงแล้ว ท่านอ๋องอาจจะไปทำธุระ พวกเรากลับก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ! ข้างนอกมีแต่เลือดทุกหนแห่ง”

 

 

“ไม่เป็นไร ข้าจะไปดูให้ทั่ว”

 

 

เมื่อใกล้ถึงประตูเมือง หลิงอวี้จื้อก็ได้ยินเสียงม้าควบ เธอรีบสาวเท้าเดิน ก็พบเซียวเหยี่ยนตามคาด

 

 

ประตูเมืองตำบลเถาหยวนเปิดอยู่ คนมาราวสองสามพันคน เซียวเหยี่ยนยืนอยู่ข้างหน้ากองทัพใหญ่ หันหลังให้หลิงอวี้จื้อ พลทหารที่เผชิญหน้าเซียวเหยี่ยนอยู่ต่างยืนอย่างเป็นระเบียบ แม้ว่าคนเยอะแต่ไม่มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นกองทัพทหารที่เคร่งครัดในระเบียบวินัย

 

 

“จางผิง ที่ข้าสั่งการไปจำได้หรือยัง”

 

 

เซียวเหยี่ยนถามสีหน้าน่าเกรงขาม

 

 

“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”

 

 

เสียงของจางผิงทรงพลังหนักแน่น ได้ยินไปถึงหลิงอวี้จื้อที่ยืนอยู่ไกลๆ

 

 

เซียวเหยี่ยนโบกมือ เป็นสัญญาณให้จางผิงถอยไปได้ จางผิงสั่งทหารทันที พาคนสองสามร้อยคนเรียงแถวเป็นระเบียบเข้าไปในตำบลเถาหยวน ส่วนคนที่เหลืออยู่นอกเมืองต่อไป

 

 

หลิงอวี้จื้อกับมั่วชิงถอยไปข้างๆ จะได้หลีกทางให้จางผิง เธอมองแผ่นหลังของเซียวเหยี่ยนด้วยแววตาชื่นชม ถึงแม้จะอยู่ไกลมาก แต่เธอก็ยังรู้สึกถึงบารมีของเขา ดึงดูดสายตาคนเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้าพลทหารนับพัน ทำให้คนมองเห็นเขาแม้เพียงเหลือบมอง

 

 

เดิมทีหลิงอวี้จื้ออยากเข้าไปหาเซียวเหยี่ยน ใครจะรู้ว่าเซียวเหยี่ยนเดินก้าวยาวมาหา ไม่นานก็เดินมาข้างๆ หลิงอวี้จื้อ

 

 

“เหตุใดไม่นอนต่อสักหน่อย”

 

 

“นอนต่ออีกหน่อยจะเสียเวลาน่ะ”

 

 

“เมื่อคืนเจ้าไม่ได้นอนหรือ”

 

 

เซียวเหยี่ยนขมวดคิ้ว พลางถาม

 

 

“ท่านรู้ได้อย่างไร”

 

 

หลิงอวี้จื้อถามเสร็จก็รีบปิดปากตัวเอง

 

 

“ข้านอนไม่หลับนี่นา เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งมากมาย การนอนไม่หลับจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงยาก อาเหยี่ยน ข้าเอาไข่มาให้ท่านสองฟอง ป้าบ้านข้างๆ ส่งมาให้”

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

Status: Ongoing

ชีวิตในชาติก่อนต้องจบลงอย่างน่าอนาถเพียงเพราะตกบันไดก็โชคร้ายมากพอแล้ว วิญญาณดาราสาวพราวเสน่ห์อย่างเธอยังต้องมาติดอยู่ในร่างหลิงอวี้จื้อ คุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีผู้ใสซื่อทว่าโง่เขลาที่พ่อไม่แลแม่ไม่รัก ถูกวางยาพิษร้ายเตรียมนับถอยหลังรอวันตาย มิหนำซ้ำยังมีคู่หมั้นที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาพ่วงมาให้เป็นพันธะอีก แต่นับว่าสวรรค์ยังเมตตา บันดาลให้เธอได้พบกับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรูปงามนามเซียวเหยี่ยน ที่กล่าวกันว่าเป็นผู้กุมอำนาจตัวจริงเหนือฮ่องเต้น้อยแห่งแคว้นเว่ยตะวันออก เธอจึงต้องงัดลูกไม้สารพัดมาใช้ หวังจะให้เขาเป็นสะพานทำให้ตนกลับสู่ฐานะ ‘คนปกติ’ ทว่าเรื่องราวไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น เพราะข่าวลือที่ว่าเหตุที่เขาครองตัวโสดเพราะนิยมไม้ป่าเดียวกันนี่สิ! เช่นนั้นแล้วแผนหว่านเสน่ห์ของเธอจะสั่นคลอนหัวใจเขาได้บ้างหรือไม่หนอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท