ตอนที่ 462 ทำชุดแต่งงานให้เจ้า
หลิงอวี้จื้อรู้อยู่แล้วว่าลู่ชิงชิงจะไม่ไปจากจวนมหาเสนาบดี เธอเพียงกลัวว่าลู่ชิงชิงจะใช้ชีวิตอยู่ในจวนอย่างซึมเศร้า จึงได้พูดเช่นนี้ขึ้นมา
ด้วยฐานะของเธอในตอนนี้ จะจัดการให้ลู่ชิงชิงออกจากจวนเป็นเรื่องง่ายมาก แทบจะเป็นเรื่องที่พูดคำเดียวก็จัดการได้เลย
ลู่ชิงชิงไม่ยินดีไป พูดให้ถึงที่สุดก็คือนางยังปล่อยวางไม่ได้ นี่เป็นทางเลือกของนาง ต่างคนต่างมีปณิธานของตนเอง เธอไม่สามารถไปบังคับลู่ชิงชิงได้ เธอเคารพการตัดสินใจของนาง
“เช่นนั้นเจ้าจำไว้นะ ต่อไปหากมีเรื่องอะไรก็มาหาข้า อย่าลืมว่ายังมีข้าคนนี้เป็นพี่น้องเจ้า”
ลู่ชิงชิงพยักหน้าอย่างแรง นางอยู่ในจวนนี้ไม่มีเพื่อน หลิงอวี้จื้อเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของนาง มีเพื่อนที่ดีอยู่เคียงข้าง นึกถึงขึ้นมาก็ยังอุ่นใจ ไม่ถึงกับไร้ที่พึ่งเสียทีเดียว
ลู่ชิงชิงอยู่เป็นเพื่อนหลิงอวี้จื้อตลอด จนทานข้าวเย็นเสร็จแล้วจึงกลับเรือนตนเองไป
พอลู่ชิงชิงไปแล้ว อารมณ์ของหลิงอวี้จื้อก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีอย่างเห็นได้ชัด เธอเตรียมตัวไปหาเซียวเหยี่ยนในวันถัดไป พูดคุยกับเซียวเหยี่ยนดีๆ สักครั้ง ครั้งที่แล้วเธอไปหาเซียวเหยี่ยน อารมณ์ยังรุนแรงไป ไม่ได้พูดคุยกับเซียวเหยี่ยนดีๆ
เพียงแต่คืนนั้นเซียวเหยี่ยนก็มาหาเธอแล้ว หลิงอวี้จื้อกำลังเขียนคิ้วอยู่ในห้องพอดี เพราะว่าคิดได้แล้ว จิตใจก็แจ่มใสขึ้นมาก เขียนคิ้วไปฮัมเพลงไป
จู่ๆ ก็รู้สึกว่าข้างหลังมีเสียงการเคลื่อนไหว เธอจึงวางพู่กันเขียนคิ้วลง หันขวับไปทันที สบเข้ากับตาคู่ลึกของเซียนเหยี่ยนทันใด
“ท่าน…อาเหยี่ยน ตอนนี้ท่านก็ผีเข้าผีออกหรือ”
เซียวเหยี่ยนเดินไปข้างหลังหลิงอวี้จื้อ โน้มตัวลงมาข้างๆ หูหลิงอวี้จื้อ พูดเสียงต่ำๆ
“ยังมีแก่ใจเขียนคิ้วอีก แสดงว่าเจ้าอารมณ์ดีมาก”
เดิมทีเซียวเหยี่ยนนึกว่าหลิงอวี้จื้อจะยังโกรธอยู่ กะว่าจะรออีกสองสามวันค่อยมาเยี่ยมหลิงอวี้จื้อ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวมาหาเสียก่อน นึกไม่ถึงว่าจะเห็นหลิงอวี้จื้อเขียนคิ้วฮัมเพลงคลอ ช่างแตกต่างกับที่เขาจินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง
เมื่อวานยังถามเขาขณะโกรธควันออกหู วันนี้มานั่งฮัมเพลงราวกับเป็นคนละคน คนใจใหญ่เช่นนี้ นอกจากหลิงอวี้จื้อของเขาแล้วคงไม่มีใครอีก อารมณ์ของเธอมีอายุแค่เพียงวันเดียวจริงๆ
ลมหายใจอบอุ่นฟุ้งอยู่ข้างหูหลิงอวี้จื้อ ทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้ เธอบิดตัว
“อุ๊ย อย่าพูดใกล้ๆ ขนาดนั้นสิเพคะ คัน”
เซียวเหยี่ยนลูบผมดำขลับของเธอ น้ำเสียงแหบต่ำทรงเสน่ห์ ถามอย่างเป็นธรรมชาติว่า
“คันตรงไหน ข้าจะเกาให้เจ้า”
หลิงอวี้จื้อหน้าแดงก่ำทันที ยกโทษให้ด้วยที่จิตใจเธอไม่บริสุทธิ์ คำพูดของเขาทำให้เธอคิดโยงไปถึงเรื่องที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก
เธอกระแอมไอเบาๆ ผลักเซียวเหยี่ยนออกไป ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“หิวน้ำหรือไม่เพคะ”
“ไม่”
เซียวเหยี่ยนรู้ว่าหลิงอวี้จื้อเขินอีกแล้ว และไม่ได้เย้าหยอกเธอต่อ หยิบห่อผ้าบนโต๊ะขึ้นมา แล้วเปิดห่อผ้านั้นออก หยิบชุดแต่งงานสีแดงเด่นออกมาจากข้างใน
แววตาของหลิงอวี้จื้อถูกชุดนั้นดึงดูดทันใด ชุดแต่งงานนี้อลังการเหลือเกิน
เพียงคลี่ออกมาก็รู้สึกถึงแสงแวววาวระยิบระยับ เธอยื่นมือออกไปลูบชุดแต่งงานสีแดงนั้นโดยไม่รู้ตัว เนื้อผ้านุ่มละมุนมาก ลูบสบายมือ ตอนสวมต้องสบายมากแน่ ๆ
บนชุดแต่งงานปักลวดลายดอกโบตั๋นด้วยดิ้นสีทอง ฝีมือประณีตบรรจง ระยิบระยับใต้แสงเทียน ชุดแต่งงานทั้งชุดให้ความรู้สึกเปล่งประกายงดงาม คล้ายเสื้อผ้าแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์ในยุคปัจจุบัน ให้ความรู้สึกหรูหราไฮโซ
“ชอบหรือไม่”
“นี่ท่านเตรียมชุดนี้ให้ข้าหรือ”
“อืม”
“ท่านรู้ขนาดตัวของข้าได้อย่างไร”
หลิงอวี้จื้อถามอย่างสงสัย
เซียวเหยี่ยนมองหลิงอวี้จื้ออย่างพินิจพิจารณา พูดอย่างมีเลศนัย
“ข้าเคยวัดแล้ว”
“เหตุใดข้าไม่รู้เรื่องเลย”
หลิงอวี้จื้อสงสัย เซียวเหยี่ยนวัดขนาดตัวเธอตั้งแต่เมื่อไหร่
เซียวเหยี่ยนตอบเสียงต่ำ
“เคยใช้มือวัด”
ตอนที่ 463 ลองสวมชุดแต่งงาน
หลิงอวี้จื้อหน้าแดงอีกครั้ง ถลึงตาใส่เซียวเหยี่ยน
“ลามก”
“จะลองดูหรือไม่”
“ตอนนี้หรือ”
เซียวเหยี่ยนพยักหน้า
“อืม ข้าอยากดูว่าเจ้าใส่ชุดเจ้าสาวแล้วเป็นอย่างไร ชุดเจ้าสาวชุดนี้ทำจากไหมเฟิ่งหวงทั้งชุด นี่เป็นไหมเฟิ่งหวงเพียงชุดเดียวของแคว้นเว่ยตะวันตก”
“ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่ามีผ้าชนิดนี้ด้วย”
หลิงอวี้จื้อเอียงศีรษะ ไม่นานก็ยิ้มออกมา
“เช่นนี้แสดงว่า ชุดแต่งงานชุดนี้มีเพียงชุดเดียวในโลกสิเพคะ”
“ฉลาดมาก”
หลิงจ้ายเทียนสั่งให้ช่างปักเย็บทำชุดแต่งงานให้เธอไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะทำเสร็จก่อน
เขากระตือรือร้นขนาดไหน ชุดแต่งงานนี้ฝีมือการปักซับซ้อน แค่ดูก็รู้แล้วว่าต้องใช้เวลานาน ไม่ใช่ของที่จะเร่งทำได้ภายในเวลาสั้นๆ เขาคงไม่ได้เตรียมชุดแต่งงานตั้งแต่กลับมาจากซูโจวครั้งนั้นแล้วหรอกนะ เขามั่นใจว่าเธอจะต้องแต่งงานกับเขาขนาดนั้นเลยหรือ
หลิงอวี้จื้อโอบคอเซียวเหยี่ยน เงยหน้าขึ้นมองเซียวเหยี่ยน ตัวเตี้ยก็เสียเปรียบอย่างนี้ ไม่เพียงแต่ต้องเงยหน้า ยังต้องเขย่งเท้าถึงจะสบตาเซียวเหยี่ยนตรงๆ ได้ เธอพูดกับเซียวเหยี่ยนอย่างจริงจังว่า
“อาเหยี่ยน ข้าถามท่านนะ เฉินปี้เข้าจวนไปแล้ว จะเป็นเพียงแค่เครื่องประดับจริงหรือ”
“อืม”
“เมื่อสบโอกาส จะส่งนางออกจากจวนหรือ”
“อืม”
เซียวเหยี่ยนพยักหน้าเช่นเดิม มองหลิงอวี้จื้อด้วยสายตาเร่าร้อน
“ความตั้งใจของข้า เจ้ารู้ดีมาตลอด อวี้จื้อ เฉินปี้เข้าจวนมาแล้ว ภายในสองเดือน ข้าจะส่งนางออกไปนอกจวน
เรื่องนี้ข้าคุยกับเฉินปี้รู้เรื่องแล้ว นางก็เข้าใจ
เมื่อก่อนจวนซีหนานอ๋องก็ไม่มีพระชายารอง ในสายตาข้าก็ไม่มีพระชายารอง มีเพียงพระชายาเอก พระชายารองไม่นับว่าเป็นผู้หญิงของข้า เจ้าแค่ถือเสียว่านางเป็นแขกคนหนึ่งที่มาพักในจวนของข้า”
หลิงอวี้จื้อพิงอกเซียวเหยี่ยน น้ำเสียงอ่อนโยนมาก
“ข้าเข้าใจแล้ว อาเหยี่ยน ขอโทษนะ ข้าควรจะยืนเคียงข้างท่านตั้งแต่แรก ข้าไม่ดีเอง ข้าไม่ได้อยากโทษท่าน ข้าเพียงแต่หวังว่าระหว่างเราจะไม่มีผู้หญิงอื่น”
“ข้าก็ไม่ชอบให้มีคนอื่นเช่นกัน”
เซียวเหยี่ยนกอดหลิงอวี้จื้อแนบแน่น ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง
“อวี้จื้อ ไม่เป็นธรรมกับเจ้าเลย เรื่องนี้ข้ากลืนน้ำลายตัวเองเสียแล้ว ทำให้เจ้าแต่งเข้าจวนวันเดียวกับเฉินปี้ ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจ นี่เป็นงานมงคลสมรสของพวกเราแท้ ๆ”
หลิงอวี้จื้อหัวเราะลั่น
“ท่านคิดจะมาขอโทษข้าอย่างนั้นหรือ”
“ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรเพคะ”
หลิงอวี้จื้อพูดเป็นการเป็นงาน จากนั้นก็หัวเราะดังลั่นออกมาขณะเอามือปิดปาก ความกังวลใจต่างๆ หายไปเป็นปลิดทิ้ง เธอไม่ควรโกรธเซียวเหยี่ยน แต่ควรจะแก้ปัญหาด้วยกันกับเซียวเหยี่ยน
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร เธอจะอยู่ข้างเซียวเหยี่ยนเสมอ นอกเสียจากว่าเซียวเหยี่ยนหักหลังเธอจริงๆ ถือเสียว่าเฉินปี้เป็นแขกก็แล้วกัน! เธอจะทำให้มู่หรงกวานเย่ว์เข้าใจ ว่าระหว่างเธอกับเซียวเหยี่ยนไม่มีใครมาแทรกกลางได้ เพื่อไม่ให้มีหญิงอื่นเข้ามาแทรกอีกในภายภาคหน้า
“อวี้จื้อ ข้ารับปากเจ้า นี่เป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปจะไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว”
“นี่ท่านพูดเองนะ หากกล้าผิดสัญญาอีก ข้าจะเมินท่านจริงๆ”
“ไม่ผิดสัญญาอีกเด็ดขาด”
เซียวเหยี่ยนพูดอย่างหนักแน่นเด็ดขาด จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ตอนนี้ฮูหยินเปลี่ยนเป็นชุดแต่งงานได้หรือยัง”
“ท่านออกไปก่อน เปลี่ยนเสร็จแล้ว ข้าจะเรียกท่าน”
หลิงอวี้จื้อพูดพลางผลักเซียวเหยี่ยนออกไป ชุดแต่งงานซับซ้อนเช่นนี้ เธอคนเดียวใส่ไม่ได้แน่นอน เธอจึงเรียกหรูเยียนเข้ามาช่วย
ผ่านไปสักครู่ หรูเยียนก็เดินไปหน้าห้อง โค้งตัวให้เซียวเหยี่ยนที่ยืนอยู่ข้างนอกอย่างเคารพนอบน้อม
“ท่านอ๋อง คุณหนูเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเพคะ”