ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด – ตอนที่ 450 เหตุใดต้องทำให้ตนเองลำบาก / ตอนที่ 451 ควรทำอย่างไรดี

ตอนที่ 450 เหตุใดต้องทำให้ตนเองลำบาก / ตอนที่ 451 ควรทำอย่างไรดี

ตอนที่ 450 เหตุใดต้องทำให้ตนเองลำบาก 

 

 

“ไม่ได้” 

 

 

ทิ้งคำพูดไว้สองคำแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ออกไปจากจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ 

 

 

เซียวเหยี่ยนไม่ได้ไล่ตามไป สีหน้าดูไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะยืนอยู่แสนไกล แต่บรรดาสาวใช้ในจวนอ๋องก็รับรู้ว่าเซียวเหยี่ยนอารมณ์ไม่ดี ทุกคนไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ 

 

 

อู่จิ้นเดินเข้ามา รวบรวมความกล้าถามว่า 

 

 

“นายท่าน ไม่ตามไปหรือขอรับ” 

 

 

“ตามไปแล้วอย่างไร ให้นางสงบจิตสงบใจลงหน่อยก็ดี” 

 

 

“เหตุใดนายท่านไม่บอกคุณหนูขอรับ ท่านทำเช่นนี้เพื่อปกป้องคุณหนู ข้าน้อยเห็นว่าคุณหนูเข้าใจนายท่านผิดอีกแล้วนะขอรับ” 

 

 

“หากนางรู้ จิตใจนางต้องไม่สงบสุขแน่ อู่จิ้น เจ้าก็อย่าปากมาก มิเช่นนั้นข้าจะไม่ปรานีเจ้าเด็ดขาด ข้าไม่นึกว่านางจะโต้ตอบรุนแรงเช่นนี้” 

 

 

เซียวเหยี่ยนมองเงาหลังของหลิงอวี้จื้อ ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง เดิมทีเขานึกว่าหลิงอวี้จื้ออย่างมากก็เสียใจอยู่บ้าง ปลอบดีๆ สักหน่อยเรื่องนี้ก็ผ่านไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าปฏิกิริยาตอบโต้ของนางจะแรงเช่นนี้ 

 

 

“นายท่าน ครั้งนี้คุณหนูเริ่มไม่รู้กาลเทศะแล้ว คุณหนูเพิ่งจะฟื้นเป็นปกติได้ไม่นาน ยังคงมีนิสัยเด็กๆ อยู่บ้าง จึงไม่เข้าใจความลำบากของนายท่าน ให้ท่านซื่อจื่อช่วยพูดสักหน่อยดีไหมขอรับ” 

 

 

แม้จูจิ่นจะไม่ได้เป็นซื่อจื่อแล้ว แต่อู่จิ้นก็ยังเคยชินกับการเรียกนางว่าซื่อจื่อ เรียกเสียจนติดปากแล้วยากจะเปลี่ยน 

 

 

“ไม่ต้องหรอก ให้องครักษ์ลับคอยปกป้องนางดีๆ” 

 

 

เซียวเหยี่ยนสั่งการเสร็จก็กลับห้องทำงาน ยังมีเอกสารอีกเป็นกองที่ต้องสะสาง เขาไม่สามารถคุยเรื่องนี้กับหลิงอวี้จื้อมากเกินไป จากนี้เขาต้องไปหาเฉินปี้ 

 

 

ถึงแม้จะสู่ขอเฉินปี้มาอยู่ที่จวน เขาก็จะไม่ให้เฉินปี้อยู่ในจวนตลอดไปเพื่อหาเหตุผลที่เหมาะสม เขาจะต้องส่งเฉินปี้ออกจากจวน เขารับปากหลิงอวี้จื้อแล้ว ว่าระหว่างพวกเขาสองคนจะไม่มีใครอื่น คำที่เขาพูดไปจดจำอยู่ในใจเสมอ 

 

 

หลิงอวี้จื้อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขณะขึ้นรถม้า มั่วชิงหยิบกล่องขนมตามขึ้นมา ถามว่า 

 

 

“คุณหนู กลับจวนหรือไม่เจ้าคะ” 

 

 

“กลับไปก็หงุดหงิด ไปเฉิงซีเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าเถิด!” 

 

 

“เจ้าค่ะ คุณหนู” 

 

 

มั่วชิงตอบรับ จากนั้นนางก็วางกล่องขนมลง ถามว่า 

 

 

“กล่องขนมนี้จะจัดการอย่างไรเจ้าคะ” 

 

 

หลิงอวี้จื้อก้มตัวลงหยิบกล่องขนมจากพื้น เปิดออกแล้วก็เห็นขนมโก๋หยกขาวก้อนสี่เหลี่ยมอยู่ข้างใน ไอร้อนยังลอยอยู่ เพิ่งเปิดออกมาก็ได้กลิ่นหอมหวาน เธอหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น กำลังจะใส่เข้าปาก มั่วชิงก็รีบห้าม 

 

 

“คุณหนู…” 

 

 

“เจ้าวางใจเถิด ไม่มีพิษหรอก นี่เป็นขนมที่นางทำให้ท่านอ๋องโดยเฉพาะ ยังไม่ทันได้เอาใจเลย จะวางยาพิษได้อย่างไร สุดท้ายก็เสียทีให้ข้าเปล่าๆ” 

 

 

พูดจบก็กัดไปหนึ่งคำ แล้วก็กินขนมทั้งชิ้นเข้าไปอย่างเร็ว กลืนขนมในปากลงไปแล้วก็รีบยกนิ้วหัวแม่มือพูดชม 

 

 

“เจ้าไม่ต้องพูดเลย ขนมโก๋เหลี่ยมหยกขาวนี่รสชาติดีจริงๆ” 

 

 

“ข้าน้อยนึกว่าคุณหนูจะโยนทิ้งเสียอีก” 

 

 

“ขนมไม่มีความผิดสักหน่อย ข้าหิวพอดี จะโยนทิ้งเพื่ออะไร ไม่กินก็เสียเปล่า ถึงแม้จะโมโหก็ไม่จำเป็นต้องโมโหใส่ขนม” 

 

 

ภายนอกหลิงอวี้จื้อดูสงบดี แต่ในใจมิอาจสงบลงได้เลย กัดขนมโก๋ในมืออย่างแรง สักพักกัดแรงเกินไป เกือบจะกัดเอาลิ้นตัวเอง 

 

 

“คุณหนู กินช้าๆ หน่อยเจ้าค่ะ” 

 

 

“มั่วชิง เจ้าก็ลองชิมสักชิ้นสิ ขนมโก๋นี้ไม่เลวเลยจริงๆ” 

 

 

มั่วชิงแนะนำขนมในมืออย่างกระตือรือร้น มั่วชิงมีแก่ใจกินขนมเสียที่ไหน นางนับถือหลิงอวี้จื้อจริงๆ นึกไม่ถึงว่าอารมณ์ไม่ดียังสวาปามได้ ตรงจุดนี้ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ 

 

 

หลิงอวี้จื้อกินขนมสี่ชิ้นในรวดเดียว เริ่มมีอาการสะอึกแล้ว เธอวางถาดในมือลง ลูบๆ ท้อง 

 

 

“แม่เจ้า จุกจะตายอยู่แล้ว” 

 

 

“คุณหนู เหตุใดต้องทำให้ตนเองลำบากด้วยเล่าเจ้าคะ” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 451 ควรทำอย่างไรดี 

 

 

“หากข้าจะทำให้ตัวเองลำบากจริงๆ ป่านนี้ข้าคงอดอาหารแล้ว เวลาโกรธต้องยิ่งต้องดูแลกระเพาะอาหาร จะได้ไม่เสียทีที่หน้ากลมเช่นนี้” 

 

 

หลิงอวี้จื้อพิงรถม้า สะอึกอีกครั้ง 

 

 

ถมกระเพาะจนพอแล้ว แต่ถมความเสียใจไม่พอ 

 

 

แค่นึกถึงเฉินปี้ เธอก็รู้สึกเศร้าใจ ที่ทำให้เธอเศร้าใจที่สุดคือเซียวเหยี่ยนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ทุกคนคิดเช่นนี้ มีแต่เธอผู้เดียวที่โกรธจนแทบระเบิด 

 

 

เป็นคนแปลกคนเช่นนี้ไม่ง่ายเลย 

 

 

ช่วงเวลาหวานชื่นมองไม่เห็นช่องว่างที่ขวางกั้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง เวลาเกิดเรื่องถึงปรากฏขึ้นมา เธอเป็นคนยุคปัจจุบัน เซียวเหยี่ยนเป็นคนยุคโบราณ วิธีคิดของพวกเขาทั้งสองแตกต่างกันไปคนละทิศทาง นี่ไม่ใช่ความผิดของใคร แต่เพราะเดิมทีพวกเขาแตกต่างกันมากอยู่แล้ว 

 

 

ตอนนี้จะทำอย่างไร ยอมแพ้เรื่องเซียวเหยี่ยน เธอก็ไม่ยินดี นี่เป็นผู้ชายที่เธออยากแต่งงานด้วยใจจะขาด ใกล้จะถึงประตูวิวาห์แล้วกลับถอนตัว เธอทำใจไม่ได้ 

 

 

หากไม่ยอมแพ้ เรื่องนี้ก็เป็นเหมือนหนามยอกอก ทำเอาเธอไม่สบายใจไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แม้แต่งานมงคลใหญ่ที่จะตามมาเธอก็ไม่ได้เฝ้ารอแล้ว 

 

 

นี่เป็นเรื่องที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีความสุข สุดท้ายแล้วควรจะทำอย่างไรดี 

 

 

สมองหลิงอวี้จื้อสับสนปนเปไปหมด กลายเป็นแป้งเปียก มั่วตั้วไปหมด 

 

 

กำลังใจลอยอยู่ มั่วชิงที่อยู่ข้างๆ พูดเตือนขึ้น 

 

 

“คุณหนู ถึงเฉิงซีแล้วเจ้าค่ะ” 

 

 

หลิงอวี้จื้ออุทาน อ้อ หนึ่งคำก็ลงจากรถม้า เฉิงซียังมีคนน้อยเหมือนเดิม เธอมาที่นี่ก็เพราะเห็นว่าที่นี่คนน้อย ทิวทัศน์ก็ไม่เลว สามารถคิดอะไรเงียบๆ ได้ 

 

 

แสงแดดข้างนอกสดใส ดังนั้นจะยืนอยู่ข้างนอกก็ไม่หนาว แสงแดดอบอุ่นส่องลงบนตัวเธอรู้สึกสบายอย่างยิ่ง ต้นฤดูใบไม้ผลิ สรรพสิ่งฟื้นตัว ต้นไม้ข้างๆ แตกหน่อ เต็มไปด้วยพลังชีวิต เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึง 

 

 

หลิงอวี้จื้อเดินเล่นริมทะเลสาบด้วยสีหน้าโศกเศร้า เธอนับว่าเป็นคนประเภทที่ไม่ค่อยกังวลอะไร แต่ครั้งนี้เธอกังวลใจจริงๆ นอกจากกังวลแล้ว ยังผิดหวังมากอีกด้วย นอกจากผิดหวังแล้วยังหงุดหงิดอีก นอกจากหงุดหงิดแล้ว เฮ้อ ไม่พูดแล้ว อารมณ์เยอะเหลือเกิน 

 

 

“อวี้จื้อ เจ้ามาอยู่ที่ได้อย่างไร” 

 

 

หลิงอวี้จื้อกำลังก้มหน้าเดินอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายที่พูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย 

 

 

เธอเงยหน้าขวับ เห็นเฉินเซี่ยวหรูพอดี ใช่แล้ว ตนเองเกือบลืมไปแล้วว่าที่นี่เป็นที่ที่เฉินเซี่ยวหรูชอบมา เธอไม่ได้เจอเฉินเซี่ยวหรูมาสักพักแล้ว โค้งตัวให้เฉินเซี่ยวหรู 

 

 

“คารวะท่านอู๋อ๋องเพคะ” 

 

 

“ที่แท้เจ้ายังจำที่นี่ได้” 

 

 

หลิงอวี้จื้อรู้ว่าเฉินเซี่ยวหรูเข้าใจผิดแล้ว แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีแรงจะอธิบาย จึงขี้เกียจอธิบาย 

 

 

“ที่นี่ทิวทัศน์สวยงาม ท่านอู๋อ๋องมาที่นี่ได้อย่างไรเพคะ” 

 

 

“ก็อย่างที่เจ้าพูดนั่นแหละ ที่นี่ทิวทัศน์สวยงาม อวี้จื้อ ไม่นานก็จะแต่งงานเข้าจวนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว ยินดีด้วย” 

 

 

เฉินเซี่ยวหรูสวมชุดคลุมยาวสีเขียวฟ้า ยังคงอ่อนโยนและสง่างามเช่นเดิม น้ำเสียงอบอุ่นมาก มุมปากยังมีรอยยิ้มจางๆ 

 

 

ตั้งแต่รู้ว่าไป๋อู่เป็นคนของเฉินเซี่ยวหรูแล้ว ความรู้สึกดีที่หลิงอวี้จื้อมีต่อเฉินเซี่ยวหรูก็ดิ่งลงสู่เลขศูนย์ ประกอบกับครั้งที่แล้ว อวิ๋นซั่วบอกว่าเฉินเซี่ยวหรูเป็นคนสั่งให้เขาทำ ด้วยเหตุนี้หลิงอวี้จื้อจึงไม่ได้มีท่าทีเป็นมิตรกับเฉินเซี่ยวหรู เย็นชาอย่างยิ่ง 

 

 

“ขอบคุณท่านอ๋องเพคะ” 

 

 

“อวี้จื้อ ยังโกรธข้าเรื่องนั้นอยู่อีกหรือ” 

 

 

เฉินเซี่ยวหรูถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง 

 

 

“หม่อมฉันมิกล้าเพคะ และไม่ทราบด้วยว่าท่านอ๋องหมายถึงเรื่องใด” 

 

 

“มีบางเรื่องที่ข้าต้องจำใจทำ แต่ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายเจ้าเลย และไม่อยากให้เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนั้นด้วย” 

 

 

หลิงอวี้จื้อเดินพลางพูดพลาง 

 

 

“หม่อมฉันมิได้บอกว่าท่านอ๋องผิด เพียงแต่หม่อมฉันเป็นชายาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ย่อมอยู่ข้างสามีอยู่แล้ว หม่อมฉันเพียงแค่หลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดเท่านั้นเพคะ” 

 

 

“ได้ยินมาว่าท่านอ๋องก็ต้อนรับพระชายารองเข้าจวนพร้อมกับเจ้า เขาก็ปฏิบัติเช่นนี้กับเจ้าเช่นกัน ไม่คุ้มค่าให้เจ้าใส่ใจขนาดนี้” 

 

 

“นี่เป็นเรื่องของหม่อมฉัน ท่านอู๋อ๋องไม่ต้องเปลืองแรงเป็นห่วงหรอกเพคะ” 

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

Status: Ongoing

ชีวิตในชาติก่อนต้องจบลงอย่างน่าอนาถเพียงเพราะตกบันไดก็โชคร้ายมากพอแล้ว วิญญาณดาราสาวพราวเสน่ห์อย่างเธอยังต้องมาติดอยู่ในร่างหลิงอวี้จื้อ คุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีผู้ใสซื่อทว่าโง่เขลาที่พ่อไม่แลแม่ไม่รัก ถูกวางยาพิษร้ายเตรียมนับถอยหลังรอวันตาย มิหนำซ้ำยังมีคู่หมั้นที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาพ่วงมาให้เป็นพันธะอีก แต่นับว่าสวรรค์ยังเมตตา บันดาลให้เธอได้พบกับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรูปงามนามเซียวเหยี่ยน ที่กล่าวกันว่าเป็นผู้กุมอำนาจตัวจริงเหนือฮ่องเต้น้อยแห่งแคว้นเว่ยตะวันออก เธอจึงต้องงัดลูกไม้สารพัดมาใช้ หวังจะให้เขาเป็นสะพานทำให้ตนกลับสู่ฐานะ ‘คนปกติ’ ทว่าเรื่องราวไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น เพราะข่าวลือที่ว่าเหตุที่เขาครองตัวโสดเพราะนิยมไม้ป่าเดียวกันนี่สิ! เช่นนั้นแล้วแผนหว่านเสน่ห์ของเธอจะสั่นคลอนหัวใจเขาได้บ้างหรือไม่หนอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท