ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด – ตอนที่ 468 ผายปอด / ตอนที่ 469 ดูสิว่าจะทนไปได้นานเท่าไร

ตอนที่ 468 ผายปอด / ตอนที่ 469 ดูสิว่าจะทนไปได้นานเท่าไร

ตอนที่ 468 ผายปอด

 

 

ถึงแม้เฉินปี้จะไม่พอใจ แต่ก็โจมตีหลิงอวี้จื้อไม่ได้ ใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มที่เหมาะควรไว้

 

 

“คุณหนูหลิงพูดถูก เข้าจวนไปแล้ว ข้าจะต้องรักษากฎระเบียบไว้อย่างดี ต้องรับใช้คุณหนูหลิงอย่างดี

 

 

เพียงแต่คุณหนูหลิงก็อย่าใจร้ายนักเลย ท่านอ๋องเป็นคนมีเมตตา หากทำเช่นนี้ เกรงว่าเขาเห็นแล้วจะปวดใจ”

 

 

หลิงอวี้จื้อหัวเราะลั่น

 

 

“เจ้านี่ไม่รู้ใจอาเหยี่ยนเอาเสียเลย เขาไม่ปวดใจหรอก มีแต่จะปรบมือพูดว่าดีเสียมากกว่า

 

 

เขาบอกข้าตั้งนานแล้ว ต่อหน้าเขา ข้าจะทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้ เรื่องระหว่างพวกเราไม่เกี่ยวกับท่านอ๋อง

 

 

คุณหนูเฉิน เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ให้ดี ข้าคนนี้มิได้มีความชอบอะไรอย่างอื่น มีแต่ชอบแกล้งคน

 

 

เห็นเจ้าบอบบาง สุขภาพคงไม่ค่อยดีนัก รีบใช้เวลาสั้นๆ นี้ ออกกำลังกายทุกวันจะดีที่สุด

 

 

มิเช่นนั้นเกรงว่าเจ้าจะรับไม่ไหว เอาล่ะ อะไรที่ควรพูดข้าก็พูดไปเกือบหมดแล้ว จะทำอย่างไร เจ้าก็คิดเอาเองแล้วกัน ข้าไปก่อน”

 

 

หลิงอวี้จื้อพูดจบก็เตรียมจะไป จู่ๆ ก็มีหินก้อนหนึ่งลอยเคว้งมาจากที่ไกลๆ โดนเข้าที่เอวหลิงอวี้จื้อพอดี

 

 

ครั้งนี้โดนแรงมาก หลิงอวี้จื้อเจ็บปวดทันที เวรเอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว

 

 

ตอนแรกหลิงอวี้จื้อยืนริมทะเลสาบ พอถูกหินโจมตี เธอก็ยืนไม่อยู่ หงายลงร่วงลงไปในน้ำทันที นาทีสุดท้าย หลิงอวี้จื้อยื่นมือไปดึงแขนเสื้อเฉินปี้ ทั้งสองคนตกลงไปในน้ำด้วยกัน

 

 

ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันมาก ซูฮว่ากับหรูเยียนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว เห็นทั้งสองคนตกน้ำ หรูเยียนเป็นคนที่ได้สติกลับมาก่อน วิ่งไปริมทะเลสาบ ตะโกนดังลั่นด้วยความร้อนใจ

 

 

“ใครก็ได้ ใครก็ได้มาเร็วเข้า”

 

 

หลิงอวี้จื้อว่ายน้ำเป็น ตกน้ำก็ไม่กลัว เฉินปี้ว่ายน้ำไม่เป็น ผลุบๆ โผล่ๆ ในน้ำตลอด หลิงอวี้จื้อแกล้งทำเป็นว่ายน้ำไม่เป็น แต่คอยดูเฉินปี้อยู่ตลอด เฉินปี้ดื่มน้ำไปมากพอแล้ว เธอจึงพาเฉินปี้ขึ้นไป ถือว่าได้สั่งสอนเฉินปี้สักหน่อย

 

 

เธอไม่เคยคิดจะฆ่าเฉินปี้ ครั้งนี้ถือว่าอยู่ภายใต้สายตาที่จับจ้องอยู่ หากเฉินปี้ตายแล้ว เธอก็คงพ้นคำครหาได้ยาก

 

 

ทหารยามได้ยินเรื่องก็รีบมา เห็นทหารยามใกล้เข้ามาแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ตะโกนเสียงดัง

 

 

“พวกเจ้าช่วยชีวิตแม่นางเฉินก่อน รีบช่วยนางเร็ว ต้องช่วยนางให้ได้”

 

 

ในที่สุดทหารยามก็ช่วยทั้งสองคนขึ้นมา เฉินปี้สลบไปแล้ว ก่อนขึ้นฝั่งหลิงอวี้จื้อจงใจดื่มน้ำเข้าไปหนึ่งอึก ขึ้นมาแล้วเธอจึงบ้วนน้ำในปากออกมา เห็นมู่หรงกวานเย่ว์พาลูกสาวขุนนางสองสามคนเดินมา เธอก็รีบพุ่งเข้าไปข้างๆ เฉินปี้ ตะโกนอย่างร้อนใจ

 

 

“แม่นางเฉินปี้ เจ้าตื่นสิ เจ้าเป็นอะไรไป เจ้ารีบตื่นขึ้นมาสิ”

 

 

ซูฮว่าอยากแทรกเข้าไปก็แทรกไม่ได้ ได้แต่ยืนดูอยู่ข้างๆ

 

 

หลิงอวี้จื้อยื่นมือไปตบหน้าเฉินปี้เบาๆ เห็นเฉินปี้ไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย มู่หรงกวานเย่ว์ให้คนไปตามหมอหลวงมาแล้ว เตรียมจะพาเฉินปี้กลับไป จู่ๆ หลิงอวี้จื้อก็บีบปากเฉินปี้ โน้มตัวลงผายปอดให้นาง

 

 

ฉากนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างพากันตกตะลึง ทุกคนต่างมองหลิงอวี้จื้อ ไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนเงียบเชียบ แม้แต่มู่หรงกวานเย่ว์ยังทำหน้าตกใจวูบหนึ่ง เธอกำลังทำอะไร

 

 

ไม่ใช่แค่มู่หรงกวานเย่ว์ไม่เข้าใจ คนอื่นก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เพียงแค่รู้สึกว่าพฤติกรรมของหลิงอวี้จื้อนั้นผิดขนบธรรมเนียมประเพณีจนน่าตกใจ นึกไม่ถึงว่าจะจูบหญิงอื่นต่อหน้าสาธารณชน เรื่องเช่นนี้มีเพียงแต่เธอเท่านั้นที่ทำออกมาได้

 

 

หลิงอวี้จื้อปล่อยเฉินปี้ ไม่นานเฉินปี้ก็ไอขึ้นมา แล้วพ่นน้ำออกมาอึกใหญ่ หลิงอวี้จื้อเห็นเฉินปี้ตื่นแล้ว ก็มีสีหน้าดีใจทันที

 

 

“แม่นางเฉิน เจ้าฟื้นแล้ว ไม่เป็นอะไรดีแล้ว ไม่เป็นอะไรดีแล้ว เมื่อครู่ทำข้าตกใจแทบตาย”

 

 

กิริยาท่าทางเช่นนั้นราวกับว่าเฉินปี้เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน นางไม่ได้อยากเล่นละครหรอกหรือ เช่นนั้นเธอก็จะเล่นละครให้นางดู ให้เฉินปี้ได้รู้จักเสียบ้างว่าเทคนิคการแสดงละครคืออะไร

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 469 ดูสิว่าจะทนไปได้นานเท่าไร

 

 

พูดจบแล้วเห็นทุกคนกำลังมองตน หลิงอวี้จื้อก็แสดงสีหน้าเหนียมอาย รีบเข้าไปคุกเข่าขออภัยโทษ

 

 

“ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันเคยอ่านบันทึกทางการแพทย์ เขียนว่าเมื่อมีคนจมน้ำสามารถประกบปากพ่นลมเข้าไปได้ ทำเช่นนี้ถึงสามารถช่วยชีวิตคนได้เพคะ

 

 

หม่อมฉันก็มิได้เชี่ยวชาญ เมื่อครู่เสียมารยาทแล้ว สถานการณ์ของแม่นางเฉินวิกฤติจริงๆ ไม่สามารถเสียเวลาได้อีก ด้วยความรีบร้อนหม่อมฉันจึงทำเรื่องเสียมารยาทเช่นนี้ไปชั่วขณะ ไทเฮาโปรดประทานอภัยด้วยเพคะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อพูดจบก็โขกหัวหนึ่งครั้ง

 

 

คำพูดของหลิงอวี้จื้อทำให้บรรดาลูกสาวขุนนางพากันชื่นชมไม่หยุดปาก นึกไม่ถึงว่าเธอจะใจกว้างถึงเพียงนี้ ช่วยชีวิตเฉินปี้โดนไม่สนใจภาพลักษณ์ ได้เจอพระชายาเอกอย่างเธอ ช่างเป็นบุญของเฉินปี้จริงๆ ต่อไปจะต้องดูแลเฉินปี้ดีแน่นอน

 

 

“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น จู่ๆ พวกเจ้าตกน้ำได้อย่างไร”

 

 

หลิงอวี้จื้อคุกเข่ากับพื้น อธิบายต่อ

 

 

“เมื่อครู่คุณหนูเฉินสะดุดก้อนหิน หม่อมฉันเอื้อมมือไปคว้าคุณหนูเฉินไว้ ทว่าตัวเล็กเกินไป ไม่เพียงแต่ดึงคุณหนูเฉินเอาไว้ไม่ได้ แต่กลับตกน้ำไปพร้อมกับคุณหนูเฉินด้วย หม่อมฉันใช้ไม่ได้ ยังดีที่คุณหนูเฉินไม่เป็นอะไร มิเช่นนั้นหม่อมฉันคงไม่สบายใจไปตลอดชีวิต”

 

 

“เจ้าพูดจาเหลวไหล เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าดึงคุณหนูของข้าลงไปด้วย”

 

 

เห็นหลิงอวี้จื้อพลิกดำเป็นขาว ซูฮว่าจึงทนไม่ไหวตอบโต้ไปหนึ่งประโยค

 

 

“เจ้าอย่ามาใส่ร้ายคุณหนูของข้า เมื่อครู่ตอนคุณหนูอยู่ในน้ำยังตะโกนเสียงดังให้ช่วยคุณหนูเฉินก่อน ขึ้นฝั่งมาแล้วก็ช่วยชีวิตนางโดยไม่คำนึงถึงชื่อเสียง คุณหนูดีกับคุณหนูเฉินเช่นนี้ เจ้ายังพูดจาเช่นนี้ได้อย่างไร”

 

 

หรูเยียนพูดจาหักล้างทันที

 

 

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มีพยานรู้เห็นไม่น้อย ประกอบกับเสียงที่หลิงอวี้จื้อตะโกนขณะอยู่ในน้ำก็มีคนได้ยินไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงเชื่อคำพูดของหลิงอวี้จื้อ รู้สึกว่าซูฮว่าไม่รู้จักชั่วดี

 

 

เฉินปี้เก่งเรื่องการสังเกตสีหน้าและคำพูด ถึงแม้ว่าจะโกรธจนตัวสั่น แต่ก็รู้ว่าขณะนี้นางจำเป็นต้องยอมรับเรื่องนี้ มิเช่นนั้นก็จะเห็นได้ชัดว่านางไม่รู้จักดีชั่ว เช่นนี้ไม่เป็นผลดีกับนาง ผ่านคราวนี้ไป นางรู้แต่เพียงว่า นางประเมินหลิงอวี้จื้อต่ำไปแล้ว

 

 

นางพยายามข่มอารมณ์ตนเอง ดุซูฮว่าว่า

 

 

“เห็นไม่ชัดเจนเองก็ไม่ต้องพูดมาก คราวนี้ขอบคุณคุณหนูหลิงมากที่ช่วยชีวิตข้า”

 

 

พูดจบก็มองหลิงอวี้จื้ออย่างมาดมั่นอย่างยิ่งขณะพูดขอบคุณ

 

 

“บุญคุณที่ช่วยชีวิตจะจดจำมิลืมเลือน ขอบคุณคุณหนูหลิง ข้าทำให้คุณหนูหลิงเดือดร้อนเสียแล้ว รู้สึกผิดอย่างยิ่ง”

 

 

“ต่อไปพวกเราก็จะเป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกันแล้ว จะเกรงใจไปไย ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

 

 

หลิงอวี้จื้อแสดงออกอย่างมีน้ำใจ

 

 

ถึงแม้มู่หรงกวานเย่ว์จะไม่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่นางก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

ท่าทีที่หลิงอวี้จื้อมีต่อเฉินปี้นั้นเหนือความคาดหมายของนาง ยังสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ ไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทาง วันนี้ทุกสิ่งที่เธอทำ ไม่นานก็จะแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ถึงเวลานั้นเธอก็จะได้คำชมไปไม่น้อย

 

 

แต่ว่านางจะดูสิว่าหลิงอวี้จื้อจะทนไปได้นานเท่าไร

 

 

“ระหว่างพี่น้องกันควรจะเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าสามัคคีกัน ต่อไปจวนท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ถึงจะสันติสุข ทั้งคู่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด! เดี๋ยวจะเป็นไข้เสียก่อน”

 

 

น้ำเสียงของมู่หรงกวานเย่ว์อ่อนโยน ดูเหมือนจะเป็นห่วงทั้งสองคนมาก

 

 

หลิงอวี้จื้อกับเฉินปี้กล่าวขอบคุณพร้อมกัน สาวใช้ของแต่ละคนต่างเข้ามาช่วยประคองให้ลุกขึ้น

 

 

ตอนเดินผ่านข้างตัวเฉินปี้ หลิงอวี้จื้อก็พูดเสียงต่ำประโยคหนึ่งว่า

 

 

“เมื่อครู่เพิ่งจะเริ่มต้น สนุกหรือไม่”

 

 

พูดจบก็เชิดหน้ายืดอกเดินไปก่อน

 

 

เฉินปี้กำหมัดแน่น หนาวจนสั่นสะท้าน ครั้งนี้เดิมทีนางคิดจะยั่วยุหลิงอวี้จื้อสักหน่อย อย่างดีที่สุดก็ทำให้นางกลับไปโวยวายกับเซียวเหยี่ยน แต่ผลกลับเป็นนางถูกหลิงอวี้จื้อยั่วโมโหแทน ถูกหลิงอวี้จื้อเล่นงานจนกลายเป็นเช่นนี้ นี่เป็นผลจากการดูถูกศัตรูเกินไป

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

Status: Ongoing

ชีวิตในชาติก่อนต้องจบลงอย่างน่าอนาถเพียงเพราะตกบันไดก็โชคร้ายมากพอแล้ว วิญญาณดาราสาวพราวเสน่ห์อย่างเธอยังต้องมาติดอยู่ในร่างหลิงอวี้จื้อ คุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีผู้ใสซื่อทว่าโง่เขลาที่พ่อไม่แลแม่ไม่รัก ถูกวางยาพิษร้ายเตรียมนับถอยหลังรอวันตาย มิหนำซ้ำยังมีคู่หมั้นที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาพ่วงมาให้เป็นพันธะอีก แต่นับว่าสวรรค์ยังเมตตา บันดาลให้เธอได้พบกับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรูปงามนามเซียวเหยี่ยน ที่กล่าวกันว่าเป็นผู้กุมอำนาจตัวจริงเหนือฮ่องเต้น้อยแห่งแคว้นเว่ยตะวันออก เธอจึงต้องงัดลูกไม้สารพัดมาใช้ หวังจะให้เขาเป็นสะพานทำให้ตนกลับสู่ฐานะ ‘คนปกติ’ ทว่าเรื่องราวไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น เพราะข่าวลือที่ว่าเหตุที่เขาครองตัวโสดเพราะนิยมไม้ป่าเดียวกันนี่สิ! เช่นนั้นแล้วแผนหว่านเสน่ห์ของเธอจะสั่นคลอนหัวใจเขาได้บ้างหรือไม่หนอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท