ตอนที่ 526 ในที่สุดก็สู่ขอเจ้ามาได้
ทางด้านหลิงอวี้จื้อกลับมีสถานการณ์ที่แตกต่าง กลับมาที่ห้องหอแล้ว หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกทั้งเหนื่อยทั้งหิว เมื่อครู่จะเอนตัวนอน หรูเยียนก็รีบดึงเธอไว้
“คุณหนูเจ้าคะ ตอนนี้ยังนอนไม่ได้นะเจ้าคะ”
“แม่นาง ต่อไปจะเรียกว่าคุณหนูไม่ได้แล้ว ต้องเรียกว่าพระชายา”
แม่นมที่อยู่ข้างๆ พูดเตือน
หรูเยียนพยักหน้า
“เรียกคุณหนูจนชินแล้ว ยังไม่เปลี่ยนไม่ได้ในทันทีเจ้าค่ะ”
หลิงอวี้จื้อยิ้มตาหยีพูดว่า
“ต่อไปก็ค่อยๆ เปลี่ยน หรูเยียน เจ้าไม่ต้องรีบ ข้าหิวมาก มีอะไรกินหรือไม่ หาขนมมาให้ข้ากินหน่อยสิ”
หลิงอวี้จื้อเพิ่งพูดจบ ท้องก็ร้องโครกครากขึ้นมา วันทั้งวันเธอยังไม่ได้ทานอะไร ธุระมากมายเกินไป แม้แต่เวลาจะกินข้าวยังหาไม่ได้ กินอะไรมั่วๆ ไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ผลสักเท่าไร
แม่นมที่เฝ้าอยู่ข้างๆ ยกขนมโก๋สี่เหลี่ยมหยกขาวมาให้หลิงอวี้จื้อถาดหนึ่ง แล้วพูดอย่างเคารพว่า
“นี่เป็นขนมที่ท่านอ๋องเตรียมให้พระชายาเพคะ พระชายาทานอะไรสักหน่อยก็ดี กลางคืนเกรงว่าพระชายาจะไม่ได้พักผ่อน”
พอแม่นมพูดออกมา สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ปิดปากยิ้ม หลิงอวี้จื้อเขินมาก กระแอมไอเบาๆ
“รบกวนแม่นมแล้ว พวกเจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลับไปพักผ่อนกันก่อนเถิด ตรงนี้มีหรูเยียนกับมั่วชิงดูแลก็พอ”
“เพคะ พระชายา”
แม่นมกับสาวใช้ที่อยู่เต็มห้องต่างก็ออกไปแล้ว หลิงอวี้จื้อหิวมาก ดึงแขนเสื้อยาวๆ ขึ้นก่อน จากนั้นก็หยิบขนมโก๋มากิน กินอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์ มุมปากอัดแน่นไปด้วยขนมโก๋
ในที่สุดมั่วชิงก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลิงอวี้จื้อถึงสั่งให้คนอื่นออกไป น่าจะไม่อยากให้คนอื่นเห็นเธอกินอาหารมูมมาม ต่อหน้าพวกนางหลิงอวี้จื้อไม่ต้องคิดมาก แต่ต่อหน้าคนอื่นในจวนอ๋อง เธอก็ยังต้องสงวนท่าที
ตอนที่เซียวเหยี่ยนเปิดประตูห้อง เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ หลิงอวี้จื้อเอาผ้าคลุมหน้าออกแล้ว พับแขนเสื้อขึ้นมา กำลังกินขนมโก๋ เห็นเข้าเข้ามา เงยหน้าขึ้น สีหน้ากระอักกระอ่วน ขนมโก๋อัดเต็มปาก
ตอนแรกเซียวเหยี่ยนยังหน้าตึง แต่พอเห็นเธอในลักษณะนี้ก็ทนไม่ไหว หัวเราะออกมา
“คืนวันแต่งงาน ยังกินได้เอร็ดอร่อยขนาดนี้ได้ ก็มีแต่เจ้านี่แหละ”
“ก็ข้ากลัวหิวนี่นา”
“ประเดี๋ยวจะเหนื่อยจริงๆ อวี้จื้อ นับว่าเจ้ารู้จักมองการณ์ไกล รู้ว่าควรจะกินสักหน่อยก่อน”
หลิงอวี้จื้อหน้าแดง ถลึงตาใส่เซียวเหยี่ยน
“ท่านอย่าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าพวกนางนะ”
หรูเยียนกับมั่วชิงทนไม่ไหวยิ้มออกมา สองคนรู้ว่าควรจะออกไปแล้ว มิเช่นนั้นหากอยู่ต่อก็เป็นก้างขวางคอ สองคนมองหน้ากัน ออกไปจากห้องอย่างรู้ใจกันดี แล้วปิดประตูตามหลัง
ตรงจุดนี้ เซียวเหยี่ยนพอใจมาก เดินไปตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ
“อวี้จื้อ เจ้าอบรมพวกนางสองคนได้ไม่เลวทีเดียว”
“ต้องให้ข้าอบรมเสียที่ไหน ทุกครั้งที่ท่านมาก็ไล่คนออกไป พวกนางชินตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงออกไปเอง เกรงว่าเดี๋ยวท่านจะเอ่ยปากไล่”
หลิงอวี้จื้อพูดพลางทำปากบุ้ย
“อวี้จื้อ หากเจ้าอยากให้พวกนางอยู่ต่อ ข้าก็ให้พวกนางอยู่ต่อได้ เพียงแต่เกรงว่าเจ้าจะเขินอาย”
เซียวเหยี่ยนแนบหูหลิงอวี้จื้อ พูดเสียงต่ำ
หลิงอวี้จื้อหน้าแดงอย่างห้ามไม่ได้อีกครั้ง เพื่อซ่อนความเหนียมอายของตน หลิงอวี้จื้อลุกขึ้นเดินไปข้างโต๊ะ วางขนมในมือลง ข้างๆ มีอ่างน้ำวางอยู่ เธอล้างมือในอ่างนั้น เซียวเหยี่ยนเดินมาหาแล้ว และกอดเธอจากด้านหลัง
“อวี้จื้อ ในที่สุดข้าก็สู่ขอเจ้ามาได้”
“ท่านคิดเรื่องข้ามานานแล้วหรือ”
“อืม นานแล้ว แต่ข้ารู้มาตลอด ว่าวันหนึ่ง เจ้าจะเป็นของข้า”
ตอนที่ 527 อวี้จื้อ รีบมาสิ
หลิงอวี้จื้อทนไม่ไหวหัวเราะลั่นออกมา
“ท่านนี่หลงตัวเองจริงๆ แต่ท่านสเน่ห์แรงขนาดนี้ คนทั่วไปต้านทานไม่ไหวหรอก”
หลิงอวี้จื้อพูดพลางเอนหลังพิง แผ่นหลังแนบสนิทกับหน้าอกของเซียวเหยี่ยน
เซียวเหยี่ยนกอดหลิงอวี้จื้อแน่น รู้สึกเพียงว่าคนในอ้อมกอดนี้ตัวเล็กๆ นิ่มๆ มีกลิ่นกายจางๆ นี่เป็นกลิ่นพิเศษประจำตัวหลิงอวี้จื้อ
เซียวเหยี่ยนก้มหน้า มุดหัวเข้าไปในเรือนผมของหลิงอวี้จื้อ ตอนแรกควรจะมุดเข้าไปที่ซอกคอ แต่ช่วยไม่ได้ที่หลิงอวี้จื้อเตี้ยเกินไป จึงได้แค่ระดับหัว
ถึงแม้เธอจะไม่ได้ใกล้ชิดเซียวเหยี่ยนเช่นนี้เป็นครั้งแรก แต่วันนี้ไม่เหมือนกับวันก่อนๆ วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของพวกเธอ นี่เป็นวันดีของทั้งสองคน เธอรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
ถึงแม้หลิงอวี้จื้อจะเป็นนักแสดงสาวหน้าใหม่ที่เปี่ยมศักยภาพในวงการบันเทิง เมื่อก่อนตอนสมัยเรียนก็เคยมีความรัก แต่ก็จำกัดอยู่ที่การจับมือและจูบกัน ยังไม่ไปถึงขั้นสุดท้าย
ทันทีที่เข้าวงการบันเทิงมาแล้ว ที่เธอเคยแสดงก็เป็นแค่บทเล็กๆ ส่วนใหญ่เป็นบทของพวกตัวประกอบ เช่น คนใช้ เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น
เมื่อก่อนเธอไม่ได้มีความคิดจะทำเป็นอาชีพ มองการแสดงเป็นงานอดิเรกล้วนๆ ก้าวหน้าไปได้ก็ไป ก้าวหน้าไม่ได้ก็แสดงบทเล็กๆ ก็พอ เพราะปฏิเสธการใช้เต้าไต่ ด้วยเหตุนี้สองสามปีก่อนหน้านี้ เธอจึงได้บทตัวประกอบมาตลอด
ต่อมาบังเอิญได้ร่วมงานละครกับซ่งเฉิงเรื่องหนึ่ง ก็ยังเป็นบทตัวประกอบเล็กๆ เช่นเดิม แต่เพราะการแนะนำของซ่งเฉิง เธอจึงได้เป็นนางรองในละครเรื่องถัดไป
จากบทบาทนี้เธอก็เริ่มมีแฟนคลับนิดหน่อย จากนั้นก็เริ่มเป็นไปอย่างราบรื่น พูดได้ว่า ซ่งเฉิงเป็นแมวมองของเธอ ซ่งเฉิงทำให้เธอประสบความสำเร็จ
เพื่อไล่ตามซ่งเฉิงให้ทัน สองสามปีนั้นเธอทุ่มเทอย่างหนัก หนึ่งปีสามร้อยหกสิบห้าวันอยู่ที่กองถ่ายตลอด แทบไม่มีเวลาสนใจปัญหาส่วนตัว
ดังนั้นจนถึงตอนนี้เธอจึงยังเป็นสาวบริสุทธิ์ เดิมทีคิดว่าจีบซ่งเฉิงได้แล้วจะเก็บไว้ให้ซ่งเฉิง คิดไม่ถึงว่าจะจับพลัดจับผลูมาอยู่ในยุคโบราณ แถมยังได้เจอเซียวเหยี่ยน นี่เป็นพรหมลิขิตบันดาลชักพาจริงๆ
ด้วยเหตุนี้หลิงอวี้จื้อจึงทั้งประหม่าและออกจะคาดหวัง อายจริงๆ ที่ใช้คำว่าคาดหวัง
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ บนโต๊ะมีเทียนสีแดงจุดอยู่สะท้อนให้ทั้งห้องสว่างไสว ทั้งห้องกลายเป็นสีแดงไปทุกที่ ให้บรรยากาศงานมงคลมาก
นี่ไม่ใช่ความฝัน เธอแต่งงานกับเซียวเหยี่ยนแล้วจริงๆ
นึกได้ว่าทั้งสองยังไม่ได้คล้องแขนดื่มสุรากัน เซียวเหยี่ยนจึงปล่อยหลิงอวี้จื้อ ยกจอกสุราสำหรับคล้องแขนดื่มจากถาดขึ้นมา แล้วเดินไปตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ ยื่นให้หลิงอวี้จื้อจอกหนึ่ง ตนเองถือไว้จอกหนึ่ง
“ภรรยา เชิญดื่ม”
“สามี เชิญดื่ม”
สองคนคล้องแขนกัน ดื่มเหล้ามงคล
เซียวเหยี่ยนวางจอกสุราลง มองหลิงอวี้จื้อด้วยสายตาเร่าร้อน ยื่นมือออกไปลูบหน้าหลิงอวี้จื้อ ผิวของเธอนุ่มละเอียดลื่นมือ ราวกับไข่ไก่ที่ปอกเปลือกแล้ว เห็นแล้วอยากกัด
เมื่อครู่อยากจะเข้าไปจูบ แต่จู่ๆ หลิงอวี้จื้อก็ถอยไปก้าวหนึ่ง พูดตะกุกตะกัก
“ข้ากระหายน้ำ”
พูดจบตัวเองก็ไปรินน้ำแก้วหนึ่ง สองมือจับแก้วดื่มน้ำลงไป ทำไมตัวเองถึงขี้ขลาดเพียงอย่างนี้ นึกไม่ถึงว่าจะมาหนีตอนนี้
เซียวเหยี่ยนก็ไม่พูดอะไร มองหลิงอวี้จื้ออย่างมีเลศน์นัยอยู่อย่างนั้น สายตานั้นทำให้หลิงอวี้จื้อหน้าร้อนผ่าว
“คือว่า…อาเหยี่ยน ท่านอยากดื่มน้ำสักแก้วด้วยหรือไม่”
“ข้าไม่กระหายน้ำ”
หลิงอวี้จื้อเขิน ฝืนดื่มน้ำให้หมดแก้วภายใต้การจ้องมองของเซียวเหยี่ยน
“อวี้จื้อ รีบมาสิ”
เซียวเหยี่ยนกวักมือเรียกหลิงอวี้จื้อ น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างยิ่ง ไม่เหมือนน้ำเสียงพูดปกติของเขาเลย เสียงมีพลังดึงดูดมาก ทำให้รู้สึกอยากเข้าไปหาโดยไม่รู้ตัว