ตอนที่ 642 ยอมได้ทุกอย่าง
เมื่อเห็นหลิงอวี้จื้อเผยสีหน้าเสียดาย เฉินม่อฉือก็ถึงกับไม่รู้จะทำอย่างไรกับเธอดี “เจ้าตั้งใจใหรือไม่ อวี้จื้อ เจ้าเจตนาหาเรื่องยุ่งยากให้เรา คงไม่ได้คิดจะทำให้เราเกลียดเจ้ากระมัง”
“ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันแค่ทำเพราะความพอใจของตัวเองเท่านั้น”
หลิงอวี้จื้อยักไหล่ขึ้น ความจริงเธอก็แอบคิดเช่นนั้นด้วย อยากจะให้วังหลังวุ่นวายอย่างที่สุด ให้เฉินม่อฉือเกลียดเธอ แล้วปล่อยเธอไป
“ขอแค่เรายังมีชีวิตอยู่ เจ้าอยากจะทรมานเรายอย่างไรก็ได้”
หลิงอวี้จื้อเผยสีหน้าแปลกใจ “ฝ่าบาท พระองค์ไม่เป็นอะไรแน่หรือ ทำเช่นนี้ไม่กลัวเหล่าขุนนางตำหนิว่าเป็นฮ่องเต้เลอะเลือนหรือ”
“อย่างไรก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พูด เราฟังจนชินแล้ว”
“ตั้งแต่ที่เราขึ้นครองราชย์มา ตาเฒ่าพวกนั้นก็มีท่าทีไม่พอใจกับการบริหารของเรา ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักถูกบ่นว่าเสมอ อวี้จื้อ เราอยากจะบอกเจ้าไว้ว่าอะไรที่เซียวเหยี่ยนให้เจ้าได้ เราก็ให้เจ้าได้เช่นกัน และให้ได้มากกว่าด้วยซ้ำ”
หลิงอวี้จื้อถอนหายใจเบาๆ “แต่หม่อมฉันไม่มีอะไรจะให้พระองค์เลย”
“เรารอได้”
เฉินม่อฉือเอ่ยด้วยน้ำเสียงดึงดัน เขารอได้จริงๆ รอกระทั่งหลิงอวี้จื้อยอมรับในตัวเขาอย่างแท้จริง หลิงอวี้จื้อพลันรู้สึกว่าสัญญาหนึ่งเดือนนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย หากผ่านไปหนึ่งเดือนเธอไม่ยินยอม เฉินม่อฉือก็คงไม่ปล่อยเธอไป เขาไม่เคยคิดจะปล่อยเธอไปเลยต่างหาก
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“อวี้จื้อ ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าจะออกจากศาลาฟังฝนไม่ได้แม้แต่เพียงก้าวเดียว ที่ทำก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้า เราจะไม่ให้ใครมารบกวนเจ้าอีก หากเจ้าเบื่อ เราจะให้เซียงหนานมาเล่นเป็นเพื่อนเจ้าแล้วกัน”
หลิวอวี้จื้อก้มหน้าไม่พูดจา เธอถูกกักบริเวณอีกแล้ว ตอนนี้ที่เธอไม่เข้าใจเลยคือจูจิ่น มูหรงเซียงหนานบอกว่าเอาสิ่งนั้นให้จูจิ่นกับมือ แต่เหตุใดจนถึงตอนนี้จูจิ่นก็ยังไม่ตอบอะไรกลับมาเลย
“หม่อมฉันอยากพบจูจิ่นเพคะ”
หลิงอวี้จื้อเอ่ยเงื่อนไขตนออกมา
“ไม่มีทาง”
ครั้งนี้เฉินม่อฉือตอบปฏิเสธโดยไม่คิดเลย
“หม่อมฉันจะไม่บอกสิ่งใดกับนางเลย แค่อยากพบนางเท่านั้น”
“ตอนนี้นางสบายดี อวี้จื้อ ข้าไม่เชื่อคำเจ้าหรอก หากเจ้าพบกับจูจิ่นคงต้องหาวิธีให้นางไปบอกเซียวเหยี่ยนแน่ เรารู้ว่าเจ้าอยากจะไปจากที่นี่ เราไม่มีทางมอบโอกาสนั้นให้เจ้าแน่ อวี้จื้อ เรื่องอื่นข้ายอมตามใจเจ้าหมด แต่เรื่องนี้ไม่ได้ ต่อไปอย่าได้พูดถึงอีก เปลืองน้ำลายเปล่าๆ”
พูดจบเฉินม่อฉือก็จากไปทันที ด้วยกลัวว่าหากอวี้จื้อขอร้องต่อไปอีก เขาจะใจอ่อน แม้เขาจะไม่ใช่คนมีความอดทนอะไร แต่กับเจินอวี้จื้อเขากลับยอมนางได้ทุกอย่าง
เพราะอยากจะรั้งเธอไว้ เขาจึงยอมตามใจหลิงอวี้จื้อทุกอย่าง
แม้แต่หลิงอวี้จื้อสังหารขุนนางหญิงในวัง เขาก็ปกป้องเธอ โยนความผิดทุกอย่างให้กับเฉินปี้ ทำให้หลิงอวี้จื้อไม่มีความผิดใด
เขาทุ่มเทกำลังจนสุดความสามารถเพื่อปกป้องเธอ แม้จะรู้แก่ใจว่าเรื่องนี้ส่งผลเสียต่อตนเอง แต่คนที่ไม่เคยคำนึงถึงผลลัพธ์อย่างเขาไม่เคยคิดมาก แค่ทำตามที่ใจตนคิดเท่านั้น ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิดก็ตาม
หลังจากที่เฉินม่อฉือไปแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ถึงกับตบโต๊ะเสียงดัง ช่างโชคร้ายจริงๆ เฉินปี้ไม่ตาย ทั้งยังมารู้ว่าเฉินม่อฉือเป็นพวกดันทุรัง จูจิ่นก็เงียบไร้ข่าวคราว เธอมืดแปดด้านไปหมด
เธอรู้ว่ามู่หรงกวานเยว่คงจะเริ่มลงมือต่อเธอในเร็วๆ นี้แล้ว เธอจำเป็นต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นกลัวว่าคงได้ตายอยู่ที่นี่แน่
เพราะความกลัดกลุ้มทำให้ล่วงเลยถึงดึกดื่นหลิงอวี้จื้อจึงผล็อยหลับไป
ในเวลากลางดึกนั้นเธอพลันรู้สึกว่ามีคนกำลังผลักเธออยู่ เธอคิดว่าเป็นเฉินม่อฉือ จึงตกใจจนลืมตาขึ้น เพื่อป้องกันการมาอย่างกะทันหันของเฉินม่อฉือ เธอจึงใส่ชุดเรียบร้อยนอนทุกคืนจะได้ลุกออกไปด้านนอกได้ตลอดเวลา
ตอนที่ 643 ไม่ให้เจ้าไป
เมื่อลืมตาขึ้น เธอก็เห็นเจียงสือที่สวมชุดดำทั้งตัวและปิดหน้าไว้เกือบมิด มีเพียงแววตาดุดันที่โผล่ออกมา หลิงอวี้จื้อแค่เห็นก็จำได้แล้วว่าเป็นเจียงสือ
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเจียงสือจะแทรกซึมเข้ามาในวังได้ เธอลุกขึ้นทันทีแล้วฝืนใจเอ่ยออกมาว่า “ท่านพี่ ท่านมาได้อย่างไร”
แม้เจียงสือจะดีต่อเธอมาก แต่แค่เห็นเจียงสือ เธอก็คิดไปถึงศพทั้งหลายและวิธีการลงโทษอันโหดร้ายของสำนักอู๋จี๋ขึ้นมาทันที มันเป็นฝันร้ายที่เธอไม่มีทางลืมไปได้ชั่วชีวิต มันช่างสยดสยองเหลือเกิน
“ข้ามาพาเจ้าออกไป รีบตามข้ามาเถิด”
“ท่านพี่ วังหลวงเวรยามแน่นหนา เราจะออกไปได้อย่างไร”
หลิงอวี้จื้ออยากจะออกไปเช่นกัน การตามเจียงสือไปก็ดีไม่น้อย ไม่เช่นนั้นเธอก็คิดไม่ออกว่าจะไปจากที่นี่ได้อย่างไร หากอยู่ต่อก็เหมือนเป็นลูกแกะรอเชือด
“ตามข้ามา”
เจียงสือไม่พูดอะไรมาก นางจูงมือหลิงอวี้จื้อเดินออกไปด้านนอก หลิงอวี้จื้อตามเจียงสือไป ได้แต่ภาวนาให้ออกจากวังได้อย่างปลอดภัย
เจียงสือวรยุทธ์เก่งกาจจึงพาหลิงอวี้จื้อออกจากศาลาฟังฝนได้อย่างราบรื่น นางพาหลิงอวี้จื้อกระโดดขึ้นไปบนหลังคา หลิงอวี้จื้อถูกเจียงสือลากเดินไปอย่างทุลักทุเลบนหลังคา
แต่โชคร้ายที่พวกนางกลับถูกองครักษ์ในวังหลวงพบเห็นเข้าเสียก่อน
องครักษ์กลุ่มใหญ่เข้ามาล้อมหลิงอวี้จื้อและเจียงสือเอาไว้ เจียงสือรู้ว่าไม่มีทางพาหลิงอวี้จื้อหนีไปได้แล้วแต่ก็ไม่ยอมทิ้งหลิงอวี้จื้อ นางยังคงเลือกจะต่อสู้
เมื่อเห็นว่าเจียงสือได้รับบาดเจ็บ หลิงอวี้จื้อจึงอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “ท่านพี่ ท่านหนีไปก่อนเถิด ข้าไม่เป็นอะไร ฝ่าบาทไม่ทำร้ายข้าหรอก หากช้ากว่านี้ท่านจะหนีไม่ได้แล้วนะ หากท่านอยากช่วยข้าก็ให้พาคนคนหนึ่งมาพบข้าด้วย ข้าอยากพบจูจิ่น”
เจียงสือรู้ว่าตอนนี้หลิงอวี้จื้อเป็นหยวนเฟย เรื่องนี้ทำนางแปลกใจมาก
จู่ๆ เหตุใดเฉินม่อฉือถึงได้มาชมชอบน้องสาวของนางได้ ทั้งยังแต่งตั้งเป็นหยวนเฟย ได้ยินว่าทรงโปรดปรานหยวนเฟยมาก เรื่องนี้ทำให้นางมึนงงยิ่ง แต่ก็ไม่ได้คิดจะให้น้องสาวตนอยู่ที่วังหลังนี้จึงได้แฝงตัวเข้ามายามราตรีเพื่อพาหลิงอวี้จื้อหนีไป
“เจ้าระวังตัวด้วย ข้าจะกลับมาช่วยเจ้าแน่”
เมื่อไร้หนทาง เจียงสือจึงทำได้เพียงปล่อยหลิงอวี้จื้อไว้แล้วรีบหนีไปทันที ไม่นานองครักษ์ก็เร่งรุดตามนางไป
พอทราบข่าวเฉินม่อฉือก็ตามมาทันที เห็นชัดว่าเขาหวั่นใจยิ่ง เมื่อเห็นว่าหลิงอวี้จื้อยังอยู่ เขาก็ยื่นมือเข้าไปกอดเธอมาไว้แนบอกทันที “อวี้จื้อ เราบอกแล้วว่าเจ้าหนีไปไหนไม่ได้หรอก”
“ปล่อยหม่อมฉันได้แล้ว หม่อมฉันจะขาดใจตายแล้ว”
หลิงอวี้จื้อขัดขืนไม่หยุด แต่เฉินม่อฉือก็ไม่ยอมปล่อย “เจ้ารับปากเรามาก่อนว่าจะไม่ไปไหน เราถึงจะปล่อย”
“เจียงสือเป็นคนพาหม่อมฉันไปต่างหากเพคะ”
“แล้วเจ้าอยากไปหรือไม่”
แน่นอนว่าอยากไป แม้แต่ฝันก็ยังอยากจะไป คำพูดนี้ หลิงอวี้จื้อไม่กล้าพูดให้เฉินม่อฉือได้ยินเพราะกลัวว่าเขาทำจะทำอะไรบุ่มบ่ามขึ้นมาอีก
แต่จะให้เธอโกหกตาใสก็ทำไม่ได้ จึงได้แต่เงียบไม่พูดจา แต่เมื่อเธอเงียบกลับทำให้เฉินม่อฉือกระวนกระวายขึ้นมา เขาเชยคางหลิงอวี้จื้อขึ้นเพื่อบังคับให้เธอมองตนเอง ในแววตานั้นแฝงไปด้วยโทสะ “อยู่กับเรามันทำให้เจ้าฝืนทนเพียงนั้นเลยหรือ”
“หม่อมฉันบอกฝ่าบาทไปแล้วว่า เรื่องความรักไม่อาจฝืนกันได้ ไม่ใช่ฝ่าบาทไม่ดี ฝ่าบาทไม่มีทางทำให้หม่อมฉันต้องลำบาก แต่ใจของหม่อมฉันไม่มีพื้นที่เหลือให้ผู้ใดอีกแล้ว ฝ่าบาทให้หม่อมฉันไปเถิดเพคะ ถือว่าหม่อมฉันขอร้อง หม่อมฉันอยู่ที่นี่ก็ไม่มีความสุข ความจริงฝ่าบาทก็ไม่มีความสุข หม่อมฉันชอบทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว ทั้งยังนำความยุ่งยากมาให้ฝ่าบาทอีกมากมาย”
หลิงอวี้จื้อเอ่ยขอร้องโดยไม่สนว่ามันจะเป็นผลหรือไม่ เธอเพียงรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะเป็นบ้าแล้ว เธอพยายามทุกทางเพื่อให้ได้กลับมาที่แคว้นเว่ยตะวันตกนี้ แต่กลับต้องมาถูกขังอยู่ที่นี่ เธอร้อนรนกลัดกลุ้มเหลือเกิน