ตอนที่ 662 อาเหยี่ยน ไม่เจอกันนาน
หลิงอวี้จื้อส่งยิ้มให้กับเซียวเหยี่ยน ในดวงตาของนางยังคงเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
“อาเหยี่ยน ไม่เจอกันนานนะ”
เซียวเหยี่ยนสาวเท้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วแล้วรั้งร่างของหลิงอวี้จือเข้ามาในอ้อมอก เขาได้รับสารจากอู๋จิ้น ดังนั้นจึงมาที่นี่เพื่อตามหามั่วชิง เขารู้แล้วว่าหลิงอวี้จื้อยังมีชีวิตอยู่ทั้งยังมีรูปโฉมที่เปลี่ยนไป เพื่อย่นระยะทางให้ใกล้ขึ้น เขาจึงเลือกที่จะใช้เส้นทางเดินตัดทะลุภูเขาลูกนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้พบหลิงอวี้จื้อที่นี่
ห้าปีแล้ว ความคิดถึงทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ คราวนี้ได้พบหลิงอวี้จื้ออีกครั้ง เขาจะไม่มีทางปล่อยมือจากนาง เซียวเหยี่ยนโอบกอดหลิงอวี้จื้อเอาไว้แน่น ราวกับจะหลอมรวมร่างของนางให้เป็นหนึ่งเดียวกันตน
“อาเหยี่ยน เจ้าไม่ต้องกอดแน่นถึงเพียงนี้ก็ได้ ข้าหายใจไม่ออก”
หลิงอวี้จื้อพร่ำบ่นเล็กน้อย
“ข้ากลับมาแล้ว และจะไม่จากไปไหนอีก”
นั่นเองทำให้เซียวเหยี่ยนเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองนั้นโอบกอดนางแน่นเกินไป เขาจึงรีบคลายอ้อมแขนลงทันที
“ห้าปีมานี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา?”
“เรื่องราวมันซับซ้อนยิ่งนัก ไว้ข้าจะค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟังก็แล้วกัน อาเหยี่ยน เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เจ้าติดต่อมั่วชิงได้แล้วใช่หรือไม่?”
หลิงอวี้จื้อทั้งตกใจระคนดีใจ สวรรค์มักจะประทานสิ่งพิเศษให้กับมนุษย์เสมอ นางไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่าจะได้พบกับเซียวเหยี่ยนในเวลาเช่นนี้ ทั้งที่เดิมทียังคิดว่าคงจะต้องผ่านความยากลำบากอีกมากกว่าที่จะได้พบหน้าเขา
“อู่จิ้นบอกกับข้า”
เซียวเหยี่ยนมองสำรวจหลิงอวี้จื้อไปถ้วนทั่ว ประหนึ่งว่ามองเท่าไหร่ก็ไม่พอ แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางจะเปลี่ยนไป ทว่าลักษณะท่าทางกลับเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน นางคืออวี้จื้อของเขาจริงๆ
“ร่างใหม่ของข้าเป็นอย่างไรบ้าง? งามกว่าก่อนใช่หรือไม่ อาเหยี่ยน เจ้าตกตะลึงในความงามของข้าบ้างหรือเปล่า”
หลิงอวี้จื้อขยี้ตาน้อยๆ พร้อมกับส่งยิ้มจนตาหยีให้กับเซียวเหยี่ยน
นางดีใจจริงๆ นางดีใจยิ่งนัก
เซียวเยี่ยนยกมือขึ้นประคองใบหน้าของหลิงอวี้จือ
“ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร เจ้าก็คืออวี้จื้อในหัวใจของข้าเสมอ”
“ถ้าหากว่าข้ากลายเป็นยายแก่ละ…”
“ไม่มีถ้าหาก”
เซียวเหยี่ยนโน้มกายลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากของหลิงอวี้จื้อแผ่วเบา เขากลืนกินคำพูดทั้งหมดของนางลงไป
หลิงอวี้จื้อเองก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นโอบเอวเซียวเหยี่ยนเอาไว้ นางหลับตาพริ้มตอบรับจุมพิตของเซียวเหยี่ยน
สองสามเดือนมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายเหลือเกิน
เซียวเหยี่ยนรอคอยมาตลอดห้าปีเต็ม ความดีใจในขณะนี้มากมายจนไม่อาจใช้คำพูดใดมาบรรยายได้ เพราะมันได้รวมอยู่ในจุมพิตนี้แล้ว
หลิงอวี้จื้อเองก็ชอบใจมากเช่นกัน แม้ว่าสำหรับนางแล้วมันเป็นเวลาเพียงไม่กี่เดือน นับตั้งแต่ยุคโบราณถึงยุคสมัยในปัจจุบันจนได้กลับมายังซีเว่ยอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นราวกับความฝัน นางเกือบจะต้องสูญเสียเซียวเหยี่ยนไปตลอดกาล โชคดีที่นางกลับมาได้
เซียวเหยี่ยนจุมพิตอ้อยอิ่งอย่างอาลัยอาวรณ์อยู่เช่นนั้นไม่ยอมผละออก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เขาถึงได้ยอมปล่อยหลิงอวี้จื้อออกอย่างแสนเสียดาย ชายหนุ่ขยับเข้าไปแนบชิดแล้วกระซิบที่ใบหูของนางว่า
“อวี้จื้อ เจ้ากลับมาแล้วจิๆ ใช่ไหม?”
“อื้ม ข้ากลับมาแล้ว”
“อย่าไปจากข้าอีกเลย”
“ข้าจะไม่ไปจากเจ้าอีกแล้ว”
“พวกเราให้สัญญาต่อกันว่าจะครองคู่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า และข้าจะไม่มีวันผิดสัญญา”
หลิงอวี้จื้อผละออกจากเซียวเหยี่ยนเล็กน้อย นางเอื้อมมือขึ้นลูบไล้ใหน้าของเซียวเหยี่ยน
“มั่วชิงบอกว่าเจ้าผ่ายผอมลงไป ข้ายังไม่เชื่อ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง เจ้าผ่ายผอมลงไปมากทีเดียว อาเหยี่ยน เจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็ยิ่งเป็นกังวล”
“มือของเจ้าเป็นอะไรไป?”
เมื่อเห็นว่าฝ่ามือของหลิงอวี้จื้อมีผ้าพันเอาไว้ ทั้งบนนั้นยังปรากฏรอยเลือดให้เห็น เซียวเหยี่ยนก็รีบคว้ามือของนางเอาไว้แล้วลูบไล้มันอย่างทะนุถนอม
หากเซียวเหยี่ยนไม่กล่าวขึ้น หลิงอวี้จื้อก็เกือบลืมไปเสียสนิทว่าตนเองบาดเจ็บ เมื่อความยินดีเข้าแทนที่ นางจึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทางกายเลยแม้แต่น้อย
“เมื่อครู่ข้าหกมล้ม บาดแผลเล็กน้อย ข้าไม่เจ็บเลย จริงๆ นะ ไม่เจ็บเลยสักนิด”
“พวกเราต้องลงเขาเดี๋ยวนี้ มือของเจ้าต้องไปทำแผลทายา”
หลิงอวี้จื้อยังเตรียมจะเอ่ยอีกครั้งว่าตนเองไม่เป็นไร แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเซียวเหยี่ยน นางก็ได้แต่กลืนคำพูดเหล่านั้นลงไป แล้วเดินเข้าไปคล้องแขนส่งยิ้มหวานให้กับเขาแทนทั้งยังเอนซบบ่าของเขาอีกด้วย
“ข้าฟังท่านพี่ทุกอย่าง ท่านพี่บอกให้ทำอะไร ข้าก็ทำอย่างนั้น”
ตอนที่ 663 เจ้าเชื่อข้าหรือเปล่า
เซียวเหยี่ยนยีศีรษะหลิงอวี้จื้อเบาๆ หลิงอวี้จื้อแย้งขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“ข้าสูงกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว เจ้ายีศีรษะข้าคงจะไม่สะดวกเฉกเช่นเมื่อก่อนแล้วสินะ”
“ข้าชื่นชอบทรวดทรงเมื่อก่อนนี้ของเจ้ามากกว่า”
“ข้าตายไปตั้งห้าปีแล้ว เจ้าไม่กลัวหรอกหรือ”
หลิงอวี้จื้อเอ่ยถามหยอกเย้า
“เป็นเจ้า ข้าจะหวาดกลัวได้อย่างไร?”
“แท้ที่จริงแล้วคนๆ นี้ก็ไม่ใช่ข้าสักหน่อย”
หลิงอวี้จื้อกระซิบกับตัวเอง ร่างที่แท้จริงของนางอยู่ในยุคปัจจุบัน นั่นต่างหากคือตัวนาง แต่คิดว่าร่างของนางในยุคปัจจุบันตอนนี้คงมอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้วกระมัง
“หลิงอวี้ เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร”
เรื่องเหลือเชื่อเพียงนี้ไม่พูดจะดีกว่า มิเช่นนั้นหากเอ่ยถึงซ่งเฉิงขึ้นมา เกรงว่าจะมีคนบางคนหึงหวงขึ้นมาอีก รวมทั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังหลวงระหว่างของนางและเฉินมั่วฉือจะบอกกับเซียวเหยี่ยนไม่ได้เด็ดขาด และตัวนางเองก็ไม่อยากเอ่ยถึงเช่นกัน
จู่ๆ เซียวเหยี่ยนก็ย่อกายนั่งยองลง
“อวี้จื้อ ขึ้นมา”
“เจ้าจะให้ข้าขี่หลัง นี่บนภูเขาเขานะ เจ้าทำให้ข้านึกถึงเหตุการณ์กวาดล้างกลุ่มโจร ในคราวนั้นเจ้าแบกข้าลงจากเขา คงจะไม่รู้สินะว่าข้าอึดอัดเพียงใด”
“เหตุใดเจ้าถึงต้องรู้สึกอึดอัด?”
เซียวเหยี่ยนเอ่ยถามขึ้นประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลิงอวี้จื้อกระโดดขึ้นหลังเซียวเหยี่ยน แนบหน้าลงบนบ่าของเขา
“ก่อนหน้านี้แม้ว่าข้าจะไม่สูง แต่ส่วนใดที่ควรจะใหญ่มันก็มิได้เล็กเลย และข้าคิดว่าตอนนี้มันกำลังกดทับท่านอยู่”
เซียวเหยี่ยนหยักยิ้มขึ้นที่มุมปาก มีเพียงอวี้จื้อของเขาเท่านั้นที่จะพูดจาเช่นนี้ออกมาได้
“ข้าไม่ถือสา”
เซียวเหยี่ยนตอบรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำเอาหลิงอวี้จื้อถึงกับหน้าแดงระเรื่อ จนไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเซียวเหยี่ยนอีกต่อไป เพื่อป้องกันมิให้องค์รักษ์ที่ยืนอยู่ออกไปไม่ไกลเท่าไหร่นักได้ยินเข้า แม้ว่านางจะหน้าหนาหน้าทนกว่าเมื่อก่อนมากนัก แต่ก็ยังสู้เซียวเหยี่ยนมิได้อยู่ดี
เซียวเหยี่ยนแบกหลิงอวี้จื้อเดินหน้าต่อไป เพื่อจะไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนที่ฟ้าจะมืด
“อาเหยี่ยน ตามหามั่วชิงเจอหรือยัง?”
“ยัง”
“คงมิได้เกิดเรื่องกับนางใช่หรือไม่ พวกเรารีบไปตามหานางกันเถอะ”
หลิงอวี้จื้อรู้สึกเป็นห่วงมั่วชิงขึ้นมาไม่น้อย ด้วยเกรงว่านางจะไปพบกับเจียงสือเข้า แม้ว่าเจียงสือจะเคยปล่อยนางไป แต่หาได้พบหน้าอีกครั้งก็พูดยาก เพรานางรู้มั่วชิงเองก็เจ็บแค้นเจียงสือเป็นอย่างมากเช่นกัน
ต่อให้เจียงสือไม่ลงมือ มั่วชิงก็ต้องเป็นฝ่ายลงมือ อีกทั้งตอนนี้มั่วชิงไม่รู้ว่านางได้พบเซียวเหยี่ยนแล้ว ด้วยนิสัยของมั่วชิงจะต้องตามมาช่วยนางอย่างแน่นอน
“ด้วยวรยุทธ์ของมั่วชิง คนธรรมดาทำอะไรนางไม่ได้เป็นแน่ องค์รักษ์ลับของข้าได้ออกตามหานางแล้ว อีกไม่นานก็คงจะมีข่าว”
เซียวเหยี่ยนรู้ดีว่าหลิงอวี้จื้อเป็นห่วงมั่วชิงจึงได้เอ่ยปลอบโยนเช่นนี้
หลิงอวี้จื้อเองก็ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงได้รู้สึกใจคอมิสู้ดี นางเอนร่างซบลงบนแผ่นหลังของเซียวเหยี่ยน ในที่สุดก็พบเขาเสียที การดิ้นรนในครั้งนี้มิได้สูญเปล่า
เมื่อได้กลับมาอยู่เคียงข้างเซียวเหยี่ยน ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก
เดิมทีหลิงอวี้จื้อหลงคิดไปว่าเซียวเหยี่ยนจะไม่เอ่ยถามเรื่องเฉินมั่วฉือ แต่เมื่อเดินออกมาสักระยะ จู่ๆ เซียวเหยี่ยนก็เอ่ยปากขึ้นขัดตอนในขณะที่หลิงอวี้จื้อกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
“อวี้จื้อ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เพราะเหตุใดเจ้าถึงเข้าไปอยู่ในวังได้?”
คราวนี้ทำเอาหลิงอวี้จื้อรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ทุกอย่างเป็นเพราะความบังเอิญทั้งสิ้น ดังนั้นนางจึงได้แต่อธิบายสั้นๆ ว่า
“เรื่องมันยาว ฮ่องเต้ทรงปล่อยข้ามา มิเช่นนั้นข้าคงจะตกอยู่ในเงื้อมือของไทเฮาไปแล้ว อาเหยี่ยน เจ้าเชื่อข้าหรือไม่ ระหว่างข้ากับฮ่องเต้ไม่มีอะไรต่อกันเลย และต่อมาพระองค์จึงได้ทรงคิดตก”
“ข้าจะไม่เชื่อใจเจ้าได้อย่างไรกัน ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดี เป็นความผิดของข้าเองที่มิได้หาเจ้าให้พบก่อน และความรู้สึกที่ฮ่องเต้ทรงมีต่อเจ้า ข้ารับรู้มาโดยตลอด”
หลิงอวี้จื้อเอนซบแผ่นหลังเซียวเหยี่ยน พร้อมกับเอ่ยปากถามด้วยความแปลกใจว่า
“เจ้าไม่หึงหรอกหรือ?”
“เพราะนั่นคือสิ่งที่แสดงว่าสายตาของข้าแหลมคม”
“สายตาของเจ้าแหลมคมแน่อยู่แล้ว ข้าเองก็สายตาแหลมคมเช่นกัน ข้ายังเป็นกังวลว่าเจ้าจะหึงหวง จนต้องระมัดระวังทุกฝีก้าว”
“ช่วงเวลาที่เจ้าอยู่ในวังนั้น ฮ่องเต้ดีกับเจ้าหรือเปล่า?