ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1661 ภารกิจระดับ 3

ตอนที่ 1661 ภารกิจระดับ 3

ตอนที่ 1661 ภารกิจระดับ 3
จางหยูพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ใช่”
ชายแก่มองไปที่จางหยูแล้วถามขึ้นมา “ทดสอบภารกิจขั้น 1 รึ ?”
จางหยูไม่ได้มีตราผู้ควบคุม ดังนั้นเขาจึงคิดว่าจางหยูเลือกทดสอบ
ภารกิจขั้น 1
“แบบนั้นก็ได้” จางหยูพยักหน้าตอบรับ
“น่าสนใจ” ชายแก่มองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าชื่นชม “ดูเหมือนเจ้าจะ
มีความทะเยอทะยาน คนหนุ่มที่มั่นใจแบบนี้มีไม่มากนัก”
จางหยูไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อเห็นว่าจางหยูดูมั่นใจ ชายแก่ก็ไม่ได้แปลกใจ การที่กล้ารับภารกิจ
แบบคนเดียวนั้น พวกเขาต้องมีความสามารถและความแข็งแกร่ง
คนแบบนี้น่ะต้องมีความหยิ่งทะนงในตัวเอง
ชายแก่เห็นคนแบบนี้มามากแต่คนที่ผ่านการทดสอบไปได้นั้นมีน้อย
นัก
ต้องรู้ก่อนว่าการที่กล้ารับการทดสอบแบบนี้นั้นไม่ใช่แค่เย่อหยิ่งแต่
ยังต้องเหนือกว่าคนทั่วไป นี่คือคนที่ยอดเยี่ยมแต่คนส่วนมากก็
ล้มเหลว โอกาสสำเร็จนั้นน้อยกว่า 1 ใน 10 ด้วยซ้ำ พวกที่ผ่านการ
ทดสอบไปได้นั้นมีน้อยนิด มันเห็นได้ว่าการทดสอบนี้ยากแค่ไหน
“มีภารกิจหลายอัน เกณฑ์ภารกิจก็แตกต่างกันไปด้วย ไอ้หนุ่ม เจ้าจะ
เลือกภารกิจไหน ?” ชายแก่ถามขึ้นมา
จางหยูคิดแล้วพูดขึ้น “เอาอันที่ใช้เวลาน้อยที่สุด”
คนที่พูดแบบนี้ ชายแก่เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก เขาแปลกใจนิด ๆ แต่ก็
ยังส่งรายละเอียดภารกิจที่ใช้เวลาน้อยที่สุดให้ “ทางทฤษฎีแล้ว ภารกิจ
นี้ใช้เวลาน้อยที่สุด หากเจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอ “
ภารกิจระดับ 3 เข้าไปโลกภายในวิหาร เจ้าจะพบกับผู้ควบคุมขั้น 1
จำนวน 3 คนไล่ล่า แต่ละคนนั้นมีความเร็วที่สูง การป้องกันก็ไม่ได้
ต่างกัน การโจมตีก็รุนแรง
เงื่อนไข : ในตอนที่ไล่ล่านั้น ต้องเอาตัวรอดให้ได้ ตราบใดที่ทนได้
1 ปี งั้นจะถือว่าผ่านการทดสอบ หากฆ่าพวกนั้นได้ งั้นก็จะผ่านการ
ทดสอบเช่นกัน
“เอาจริง ๆ แล้วภารกิจนี้ยากที่สุดในหมู่ภารกิจขั้น 1 ข้าไม่แนะนำให้
เจ้าเลือกภารกิจนี้แต่หากเจ้ามั่นใจในตัวเอง เจ้าจะลองดูก็ได้” ชายแก่
พูดขึ้น
เขามองไปที่จางหยูด้วยความสนใจ เขาไม่รู้ว่าจางหยูจะเลือกยังไง
“เอาอันนี้แหละ” จางหยูพอใจกับภารกิจนี้อย่างมาก
“เจ้ามั่นใจรึ ? หากเจ้าล้มเหลว เจ้าต้องรอจนกว่าจะฟื้นฟูตัวเองเสร็จ
ถึงจะรับภารกิจใหม่ได้” ชายแก่เตือนขึ้นมา
การทดสอบนี้ไม่ได้มีข้อจำกัด ตราบใดที่ล้มเหลว งั้นก็รอพักฟื้น
ตัวเองแล้วค่อยเริ่มใหม่
จางหยูพูดขึ้น “ผู้เฒ่า ยิ่งเร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี พอดีข้ารีบอยู่”
แม้ว่าชายแก่จะใจดีที่เตือนเขา แต่เขาก็ไม่อยากเสียเวลามากนัก สำหรับ
เขาแล้วการที่รับการทดสอบนี้ไม่ต่างอะไรจากการเดินเล่น การทดสอบ
ขั้น 1 นี้เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรมาก
“เมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะไม่พูดอะไรอีก” ชายแก่ยักคิ้วก่อนจะ
แสดงสีหน้าเยือกเย็นออกมาและพูดขึ้น “ต่อไปข้าจะบอกรายละเอียด
ให้เจ้าฟัง ตั้งใจฟังให้ดี”
ชายแก่ได้พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเฉยเมย “อย่างแรกคือโลกวิหารนั้น
เป็นโลกกึ่งจริงกึ่งเท็จ เจ้าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่เกิดจากพลังสร้างแต่
หากเจ้าตายไป มันก็จะเท่ากับตายไปจริง ๆ อย่างที่สองคือข้าจะให้
บัตรหยกกับเจ้า หากเจ้าอยู่ในอันตรายและไม่อาจจะเอาตัวรอดได้
เจ้าก็ทำลายบัตรหยกนี่และเจ้าก็จะออกมาได้ทันที อย่างที่สามหาก
เจ้ามีเวลามากพอรึทำภารกิจเสร็จได้เร็ว เจ้าก็จะถูกส่งออกมาทันที”
การทดสอบทั้งหมดถูกจัดขึ้นในโลกของวิหาร คนที่คอยดูแลวิหารมี
ความสามารถพอที่จะสร้างโลกย่อยขึ้นมา
จางหยูฟังอยู่เงียบ ๆ
เมื่อชายแก่พูดจบ จางหยูก็พยักหน้าตอบรับ
“ตรวจสอบข้อมูลของเจ้าก่อน” ชายแก่หยิบเอาหินสีฟ้าขนาดเท่ากับ
นิ้วมือขึ้นมา “เจ้าลงทะเบียนก่อน เจ้าผูกจิตกับมันซะ นอกจากนี้แล้ว
มันคือการลงทะเบียนที่ดีที่สุด มันจะไม่ทับซ้อนข้อมูลกับผู้อื่น มัน
ไม่อาจจะปลอมแปลงได้” เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องตัวตนนัก
จางหยูอาจจะลงทะเบียนด้วยตัวตนปลอมก็ได้
ชายแก่ไม่บอกจางหยูว่าหินนี่มีความสามารถในการยืนยันตัวตน หาก
จางหยูเคยเข้าร่วมการทดสอบรึได้รับตรามาแล้ว งั้นหินนี่ก็จะรู้ทันที
เมื่อลงทะเบียนไปแล้วก็ไม่อาจจะหลอกมันได้
จางหยูแผ่การรับรู้ออกไปก่อนที่ข้อมูลต่าง ๆ จะถูกบันทึกเอาไว้
ข้อมูลนี้คือข้อมูลทั่วไป เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
เมื่อจางหยูบันทึกข้อมูลเสร็จสิ้น ชายแก่ก็ได้เก็บหินไปก่อนจะมีบัตร
หยกปรากฏขึ้นมา เขาส่งมันให้กับจางหยูแล้วพูดขึ้น “นี่คือบัตรหยก
ของเจ้า มันคือบัตรสำหรับการทดสอบนี้ มันจะส่งเจ้าไปในโลกของ
วิหาร เจ้าสามารถเริ่มภารกิจได้ทันที”
จางหยูพยักหน้าและรับบัตรหยกไป
“ทางเข้าโลกวิหารนั้นอยู่ด้านหลังห้องโถง เจ้ามองไปที่ประตู
ด้านหลังได้ เมื่อเจ้ายื่นบัตรนี่เข้าไป เจ้าก็จะเข้าไปในโลกวิหารได้”
ชายแก่ยิ้มออกมา “ไอ้หนุ่ม ขอให้โชคดี”
จางหยูถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “หากไม่มีบัตรนี่ เราจะสามารถเข้า
ไปในโลกวิหารได้รึไม่”
ชายแก่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เมื่อไม่มีบัตรหยก โลกวิหารจะ
ถือว่าเจ้าเป็นศัตรู มันจะมีสายฟ้าโจมตีผู้บุกรุก เอาจริง ๆ แล้วตั้งแต่ที่
ก่อตั้งวิหารอวี๋ฮุ่นมา ก็ไม่มีใครกล้าทำเช่นนั้น…”
ไม่มีใครทำให้วิหารอวี๋ฮุ่นต้องสั่นคลอนได้ ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง
วิหารอวี๋ฮุ่น !
จางหยูพบว่าคำถามของตัวเองดูโง่เง่าซึ่งทำให้สายตาของผู้คนที่มอง
มาที่เขาดูเปลี่ยนไปราวกับหัวเราะกับในความโง่ของเขา
จางหยูจับบัตรหยกไว้ในมือก่อนจะเดินไปที่ประตูด้านหลังห้องโถง
ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา
“เขารับภารกิจนี้งั้นรึ ?”
“ในหมู่ภารกิจขั้น 1 ภารกิจระดับนี้ถือว่ายากที่สุด มีกี่คนที่เคยรับ
ภารกิจนี้ไปแต่ก็ไม่ต่างอะไรจากการเสียเวลา …เท่าที่ข้าจำได้แทบไม่
มีใครกล้ารับภารกิจนี้ ไม่คิดเลยว่าวันนี้ข้าจะพบคนโง่แบบนั้นเข้า !”
“เขานี่ใจกล้าจริง ๆ !”
“เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่นรึเป็นคนโง่กันแน่ ?”
คนในวิหารพากันซุบซิบกัน แม้แต่ผู้ควบคุมขั้น 6 ก็ยังสนใจไปด้วย
“มาพนันกัน ข้าว่าเข้าคงอยู่ได้ไม่ถึง 1 วัน”
“ไม่ถึงวันสินะ ? การที่กล้ารับภารกิจนี้น่ะก็คงมีทักษะอยู่บ้าง ข้าว่า
เขาอาจจะทนได้สักเดือน …”
“ในความเห็นของข้าแล้วเขาเหมือนไม่กลัวอะไร เขาคงทนได้นาน
กว่านั้น”
“อย่าเพิ่งตัดสินไป หากเขาผ่านการทดสอบล่ะ ?”

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท