ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1664 เป้าหมายเล็ก ๆ

ตอนที่ 1664 เป้าหมายเล็ก ๆ

ตอนที่ 1664 เป้าหมายเล็ก ๆ
มันจริงที่ว่าซางอี๋ว์และซางเหอมีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ พวกเขา
ต้องรับผิดชอบกับการที่มองข้ามเรื่องนี้ หากพวกเขารู้การกระทำ
ของคนในตระกูลที่ทำร้ายศักด์ิศรีของผู้ควบคุม พวกเขาจะมองข้าม
จริง ๆ รึ ? แม้ว่าพวกเขาจะไม่คิดทำโทษคนในตระกูลหนักหนาแต่ก็
ต้องคิดทบทวนเพื่อไม่ปล่อยให้คนในตระกูลได้ใจ
เอาจริง ๆ แล้วด้วยฐานะที่ต่างกันจึงทำให้พวกเขาไม่อาจจะเข้าใจ
ความรู้สึกของผู้ควบคุมได้ ในมุมมองของพวกเขามันอาจจะไม่ใช่
เรื่องใหญ่อะไร แต่มันเท่ากับเป็นการดูหมิ่นผู้ควบคุมอย่างหนัก
มันก็เหมือนกับจักรพรรดิที่มักจะมองข้ามคนทั่วไป แม้จะได้รับรู้
ประสบการณ์ของคนเหล่านั้นแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกแบบ
เดียวกัน
นี่คือความแตกต่างในด้านฐานะ !
แต่ซางเหอและซางอี๋ว์ไม่ได้มีอำนาจสูงแบบนั้น ไม่งั้นแล้วพวกเขา
คงกดดันอู๋ยงและคนอื่น ๆ หนักกว่านี้แน่ อู๋ยงและคนอื่น ๆ คงได้แต่
รับใช้ตระกูลซางไปตลอดชีวิต
บอกได้ว่าซางเหอและซางอี๋ว์น่ะมองข้ามเรื่องนี้ไป
อู๋ยงเข้าใจมันอย่างชัดเจน ซางเหอและซางอี๋ว์มีต้นกำเนิดที่สูงส่งและ
มีอำนาจ บางทีพรสวรรค์ของซางเหออาจจะโดดเด่นแต่การดูแลและ
ปกครองนั้นไม่ได้โดดเด่นไปตามด้วย พวกเขาเชื่ออย่างง่ายดายว่า
ด้วยความแข็งแกร่งและความเมตตาของพวกเขาแล้ว พวกเขาน่าจะ
ได้รับความจงรักภักดี
หากแต่จิตใจคนนั้นยากที่จะหนักแน่น ถ้าคนถือหางเสือควบคุมหาง
เสือไม่มั่นคงก็เป็นการยากที่จะควบคุมสำนักได้!
นอกซะจากว่ามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะบดขยี้ทุกอย่างได้ !
บางทีตระกูลซางอาจจะมีวิธีรับมือ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่อาจจะ
ตามความแข็งแกร่งของสำนักต้าหยู่ได้ บวกกับเมื่อตระกูลซางรุ่งเรือง
ขึ้นก็ทำให้นิสัยของผู้คนตกต่ำลง พวกเขาคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าผู้ใด
จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้
“อย่าพูดเรื่องพวกนั้นเลย” อู๋ยงส่ายหน้า “เรื่องในอดีตข้าไม่อาจจะ
กลับไปแก้ไขได้ จ้าวสิงและจ้าวเต๋อคงโดนท่านจางหมายหัวแล้ว
ผลลัพธ์ถูกกำหนดไว้แล้ว เมื่อไม่มีสองคนนั่นแล้วกลุ่มของพวกเขา
คงแตกออกเป็นแน่ หากข้าทำได้ ข้าหวังว่าจะได้ติดตามท่านจาง
เหมือนกับคุณหนู…” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดความในใจออกมา
“ท่านเองก็ใช่ว่าจะแย่ ท่านจางไม่น่าจะปฏิเสธไม่ใช่รึ ?” ซางอี๋ว์พูดขึ้น
“ยังไงซะข้าก็เคยทรยศพ่อเจ้ามาก่อน แม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับ
แผนการของสองพ่อลูกนั่นแต่หลังจากนั้นข้าก็เข้าร่วมกับสองคน
นั้น มันคือความจริงที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ บางทีในสายตาของท่าน
จางแล้ว ข้าคงเป็นนกสองหัว” อู๋ยงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “คนแบบ
ข้านั้นข้าเกรงว่าท่านจางจะไม่ยอมรับ …”
ซางอี๋ว์ไม่ได้พูดอะไรออกมา แม้ว่านางจะเข้าใจเหตุผลของอู๋ยงและ
ในใจไม่มีความแค้นเคืองใด ๆ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินแทนจาง
หยู
ซานเหอและเหยียนอู้ฟังอยู่เงียบ ๆ ไม่พูดอะไรออกมา พวกเขาไม่รู้
ว่าซางอี๋ว์และอู๋ยงพูดคุยอะไรกันและไม่สนใจที่จะฟังด้วย พวกเขามี
แค่จางหยูในสายตา นั่นคือเจ้านายของพวกเขา คำสั่งของเจ้านาย
เหนือกว่าทุกอย่าง
“เจ้ายังไม่กลับอีกรึ ?” ชายแก่มองไปที่ฉินเฟย “เจ้าอยากเข้าร่วมการ
ทดสอบขั้น 2 รึ ?”
ฉินเฟยไอแห้ง ๆ ออกมา “ผู้เยาว์อยากรอดูจางหยู …ไม่สิ ท่านจาง
เพื่อดูว่าเขาจะผ่านการทดสอบขั้น 2 ระดับ 3 ได้รึไม่” จางหยูนั้นยังดู
เด็ก ใบหน้าและท่าทีของจางหยู ทำให้จางหยูยังดูเป็นเด็กอยู่ เขา
ถึงกับรู้สึกว่าจางหยูนั้นเด็กกว่าเขาอีก พูดโดยทั่วไปแล้วยิ่งแก่และ
มากประสบการณ์เท่าไหร่ก็ยิ่งดูซับซ้อนเท่านั้น
หากมองความคิดและมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายก็อาจจะบอก
ได้ว่าอีกฝ่ายมีอายุเท่าไหร่กัน
มันอาจจะไม่แม่นยำซะทีเดียวแต่ก็มีโอกาสถูกถึง 8 ใน 10 ส่วน
ตอนที่ฉินเฟยเพิ่งจะพูดจบนั้น ลานด้านหลังห้องโถงก็มีเสียงฮือฮา
ขึ้นมา ทุกสายตาหันไปมอง ทุกคนยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็
เห็นจางหยูเดินฝ่าผู้คนออกมาหาชายแก่อีกครั้ง “รับบัตรหยกนี่ไป”
ทุกคนมองจางหยูด้วยความสับสน “จบ…แล้วรึ ?”
“เขาผ่านการทดสอบขั้น 2 ระดับ 3 ได้จริง ๆ รึ ?”
“รึว่าเขาคือสัตว์ประหลาดเฒ่าที่แปลงร่างมากัน ?”
ชายแก่ไม่คิดว่าจางหยูจะผ่านการทดสอบได้เร็วแบบนี้ ตามการ
คำนวณของเขาแล้วจางหยูอยู่ในโลกวิหารไม่ถึง 3 วินาทีด้วยซ้ำ…
หลังจากที่รับบัตรหยกมาแล้วชายแก่ก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมา เขา
ได้ใช้วิธีการพิเศษในการตรวจสอบเพื่อตัดสินว่า จางหยูผ่านการ
ทดสอบจริง ๆ รึไม่รวมถึงเวลาที่ใช้ด้วย…แค่ 1 วินาที !
ถูกต้อง จางหยูใช้เวลาแค่ 1 วินาทีกับการทดสอบขั้น 2 ระดับ 3
ความเร็วนี้มากกว่าการทดสอบตะกี้อีก !
“ข้าดูแลวิหารนี้มาหลายร้อยปีแต่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เจอคนประหลาด
แบบนี้เจ้า” ชายแก่มองไปที่จางหยู “ผ่านการทดสอบระดับ 3 สอง
อันติดจากผู้สร้างเป็นผู้ควบคุมขั้น 2 คนแบบนี้ข้าไม่เคยพบมาก่อน
สหายน้อย เจ้าเปิดมุมมองข้าจริง ๆ”
“ขั้น 2 รึ ?” จางหยูส่ายหน้า “เป้าหมายของข้าไม่ใช่ผู้ควบคุมขั้น 2”
ชายแก่ที่เพิ่งจะล้วงเอาตราขั้น 2 ออกมากลับต้องตัวสั่นและมองไปที่
จางหยู “งั้นข้าถามเจ้าที เป้าหมายของเจ้าอยู่ที่ขั้นไหนกัน ?”
ทุกสายตาจับจ้องไปที่จางหยูพร้อมคาดหวังกับคำตอบของเขา “โลก
สวรรค์ร้างนั้นมีภารกิจแค่ขั้น 7 ไม่ใช่รึ ?” จางหยู พูดขึ้น “หากเป็น
เช่นนั้น เป้าหมายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของข้าก็คือตราขั้น 7”
ทุกคนพากันฮือฮาขึ้นมา
แม้ว่าจางหยูจะไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของผู้ควบคุมขั้น 7 แต่ในสายตา
ของทุกคนแล้ว ผู้ควบคุมขั้น 7 น่ะคือคนใหญ่คนโต นั่นคือตัวตนที่
พวกเขาต้องเงยหน้ามอง นั่นคือคนที่พวกเขาไม่กล้ามีเรื่องด้วย แต่
จางหยูกลับพูดออกมาราวกับตราขั้น 7 เป็นของที่เขาควรจะได้มันมา
อยู่แล้ว เขาดูไม่ให้เกียรติผู้ควบคุมขั้น 7 ด้วยซ้ำ
“เป้าหมายเล็ก ๆ น้อย ๆ รึ ? ผู้ควบคุมขั้น 7 รึ ?” ปากของฉินเฟย
กระตุกไปตาม
เป้าหมายเล็กน้อยอย่างนั้นรึ ?
ในตอนที่เขายังแทบเอาตัวรอดจากการทดสอบขั้น 1 อย่างยากลำบาก
กลับมีคนบอกว่าตราขั้น 7 น่ะคือเป้าหมายเล็กน้อย
บ้าไปแล้ว !
ตอนนั้นทุกคนต่างก็คิดว่าจางหยูน่ะบ้าไปแล้ว !
แต่ทันใดนั้นเองก็มีคนเริ่มสงสัย งั้นไม่ใช่ว่าเด็กนี่มีความแข็งแกร่ง
ระดับผู้ควบคุมขั้น 7 งั้นรึ ?
ชายแก่รู้สึกว่าเขามองจางหยูไม่ออก ตอนแรกเขาคิดว่าเด็กนี่มี
พรสวรรค์และคิดว่าคงเจอผู้ถูกเลือกเข้าแล้วแต่ตอนนี้มุมมองที่เขามี
ต่อจางหยูก็เปลี่ยนไป แม้ว่าจางหยูจะดูเหมือนคนบ้า แต่หากจางหยู
มีความแข็งแกร่งระดับผู้ควบคุมขั้น 7 จริง ๆ ล่ะ ?
“มีคนแบบนี้โผล่มาในเขตตะวันออกตอนเหนือตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
ชายแก่พึมพำในใจ “ผู้ควบคุมขั้น 7 …เด็กนี่เอาจริงรึ ?”
ไม่ว่าจางหยูจะพูดจริงรึไม่ แต่เขาก็ไม่รอให้จางหยูเปิดปากพูด เขา
ได้ส่งตราขั้น 2 ให้กับจางหยูและดึงเอาตราขั้น 1 กลับมาก่อนจะส่ง
ภารกิจขั้น 3 ระดับ 3 พร้อมบัตรหยกให้กับจางหยูทันที “ไอ้หนุ่ม ข้า
หวังว่าที่จะเจ้าพูดมาจะเป็นความจริง ข้าจะรอดูปาฏิหาริย์”
จากผู้สร้างเป็นผู้ควบคุมขั้น 7 ในคราวเดียวนี่มันไม่เคยเกิดขึ้นมา
ก่อนในประวัติศาสตร์
หากมันเกิดขึ้นจริง งั้นมันก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์
ทุกสายตาจับจ้องไปที่จางหยูด้วยความคาดหวังและสงสัย
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน จางหยูก็ยิ้มออกมาและรับบัตรหยกนั้นไป
ก่อนจะเดินกลับไปที่ลาน

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท