ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1672 : กับดัก

ตอนที่ 1672 : กับดัก

สุสานขั้น 9 นั้นไม่ธรรมดา สุสานของอัลเวอร์น่าจะอันตรายกว่านั้น
แม้ว่าฐานะสุสานของอัลเวอร์นั้นจะไม่ชัดเจนแต่สัญชาตญาณของจางหยูก็บอกเขาว่าสุสานนั้นจะต้องมีความลับซ่อนอยู่
ตามที่เกลดันบอกมา เขาได้ข้อมูลมาจากสุสานขั้น 8 รวมถึงกุญแจเข้าสู่สุสานของอัลเวอร์ด้วย หากจางหยูเดาไม่ผิดจ้าวสิงน่าจะได้รับข้อมูลและกุญแจมาจากสุสานขั้น 7 ซึ่งก็คล้ายกับเกลดัน
ทำไมข้อมูลและกุญแจสู่สุสานแห่งนั้นถึงปรากฎในสุสานสองที่พร้อมกันได้ ?
เจ้าของสุสานขั้น 7 กับสุสานขั้น 8 นั้นเป็นใครกัน ?
นอกจากข้อมูลและกุญแจในสุสานทั้งสองแล้ว มันมีสุสานอื่นที่มีข้อมูลและกุญแจเกี่ยวกับสุสานของอัลเวอร์อีกรึไม่ ?   จางหยูรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาด เขายิ่งมั่นใจว่าสุสานของอัลเวอร์นี้จะต้องไม่ธรรมดาแต่เขามีข้อมูลเพียงน้อยนิด จึงไม่รู้ได้ว่าที่นี่มีอะไรผิดปกติ
“ เจ้าบอกข้าได้รึไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าที่นั่น ? ” จางหยูมองไปที่เกลดัน เขาต้องรู้ข้อมูลมากกว่านี้เพื่อที่จะคิดทบทวน
เกลดันสีหน้าแข็งทื่อไป เขาเหมือนไม่อยากบอกเรื่องที่เขาเจอในสุสานของอัลเวอร์ แต่เมื่อจางหยูถามออกมา เขาจะไม่ตอบได้ยังไง ?
“ เจ้าสำนัก อันที่จริง…” เกลดันแสดงสีหน้าขมขื่นออกมา “ อันที่จริงข้าแค่เพิ่งเข้าไปในสุสานแห่งนั้น ก่อนที่จะได้เข้าไปลึก ปราณสุสานก็เข้ามาในตัวข้า จากนั้นข้าก็ไม่กล้าจะเดินหน้าเข้าไปต่อ ข้าจึงได้แต่กลับออกมามือเปล่า ”
จางหยูแปลกใจนิดๆ “ ทันทีที่เจ้าเข้าไป ปราณสุสานก็แทรกซึมเข้าตัวเจ้าเลยรึ ?”
เกลดันพยักหน้าตอบรับ “ ใช่ ในสุสานนั้นเต็มไปด้วยปราณสุสาน สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน มันไม่ได้มีการป้องกันใดๆ ผลก็คือทันทีที่เข้าไป ข้าก็โดนทำร้ายทันที ” เขานิ่งไปชั่วครู่และพูดต่อ “ แต่หากต้องทำอีกครั้ง ข้าก็ไม่คิดจะกลับเข้าไปอีก”
เขาคือผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูง เขาเตรียมการมาดีแล้วแต่ก็ยังไม่คิดจะกลับไปที่นั่นอยู่ดี
“ เดี๋ยวนะจากที่เจ้าบอกมา เจ้าไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนสินะ ?” จางหยูถามขึ้นมา “ มันหมายความว่าสุสานที่เจ้าเคยไปมาไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสินะ”
“ สุสานอื่นๆนั้นแม้ว่าจะมีปราณสุสานอยู่แต่มันก็อยู่ที่ใจกลางสุสาน ปราณสุสานที่กระจายไปทั่วแบบนี้ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ “ เกลดันพูดขึ้น
“ เจ้าเคยไปสุสานมากี่แห่งกัน ?”
“ อาจจะ…หลายร้อยที่” เกลดันพูดขึ้น “ ข้ามั่นใจนักแต่น่าจะมากกว่า 300 แห่งโดยมีทั้งสุสานขั้น 7, 8 และสุสานระดับต่ำ”   “ มากขนาดนั้นเลยรึ ….” จางหยูมองไปที่เกลดันด้วยความแปลกใจ
เกลดันตอบกลับตามจริง “ อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้มากอะไร ในความโกลาหลนั้นแทบทุกคนคือโจรปล้นสุสาน ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งเคยไปสุสานมากเท่านั้น เท่าที่ข้ารู้มาเบเกิลมักจะท่องไปตามสุสาน เขากับคนอื่นๆได้ก่อตั้งทีมขึ้นมา พวกเขาคงเคยไปสุสานมาไม่น้อยกว่าหมื่นแห่ง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นปากของจางหยูก็กระตุกไปตาม “ หมื่นแห่ง…”
นี่คือกลุ่มโจรปล้นสุสานชัดๆ !
เดาว่าหากมีสุสานปรากฏขึ้นมา พวกนั้นต้องรีบมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที
“ แล้วพวกเจ้าล่ะ พวกเจ้าเคยไปที่สุสานมารึไม่ ?” จางหยูมองไปที่ซานเหอและเหยียนอู้
ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าอย่างอายๆ  “ พวกเจ้าเคยไปมากี่แห่งกัน ?”
“ ประมาณ 20”
“ 17 แห่ง”
เมื่อได้ยินคำตอบของทั้งคู่แล้ว จางหยูก็เชื่อคำพูดของเกลดัน ผู้ควบคุมทุกคนคือโจรปล้นสุสาน หากเคยไปสุสานมาไม่กี่แห่งคงเป็นเรื่องน่าอับอาย กลับกันแล้วจางหยูไม่เคยไปสุสานมาเลยแม้แต่ที่เดียว เขาเหมือนจะไม่เข้าใจเรื่องนี้
“ สุสานที่พวกเจ้าไปมานั้นเป็นแบบนี้รึไม่ ?” จางหยูถามซานเหอและเหยียนอู้อีกครั้ง
ทั้งสองส่ายหน้า
เกลดันสับสน “ เจ้าสำนัก…เห็นสิ่งผิดปกติรึ ?”
“ สุสานขนาดใหญ่อื่นๆไม่ได้เป็นแบบนี้ มันยิ่งดูว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่สุสานของอัลเวอร์เป็นเช่นนี้ “ เมื่อรวมเบาะแสทั้งหมดแล้ว จางหยูก็ยิ่งเชื่อว่าสุสานของอัลเวอร์นั้นมีปัญหา “ ข้าไม่เคยไปสุสานมาก่อน ข้าไม่รู้ว่าสุสานนั้นเป็นยังไงแต่ตามที่พวกเจ้าบอกมาแล้วสุสานแห่งนี้ผิดปกติ”
“ ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น” เกลดันคิ้วขมวด
เขาเตรียมตัวมาอย่างดีกับการเข้าไปในสุสานของอัลเวอร์ เขาทำการบ้านมาอย่างดีรวมถึงวางแผนในการหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆแต่ผลลัพธ์ก็คือเมื่อเขาเข้าไปแล้ว เขาก็ถูกปราณสุสานแทรกซึมเข้าร่างกาย!
จางหยูได้ถามขึ้นมา “ เจ้าได้พิกัดและกุญแจมา มันมีบันทึกอะไรเกี่ยวกับที่นั่นอีกรึไม่ ? อย่างเรื่องเกี่ยวกับอัลเวอร์”
เกลดันส่ายหน้า “ สุสานขั้น 8 ให้แค่พิกัดและกุญแจสุสานของอัลเวอร์…” เกลดันเงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้น “ ใช่สิ เจ้าของสุสานได้ทิ้งข้อความไว้บนสมบัติที่บันทึกพิกัดสุสานของอัลเวอร์ โดยบอกว่าสุสานของอัลเวอร์นั้นมีอันตรายอยู่ทั่วทุกที่…” ตอนแรกเกลดันไม่ได้ใส่ใจ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ หากสุสานขั้น 9 จะมีอันตรายก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าประโยคนั้นได้บอกเขาไว้ชัดเจนแล้วว่าแม้แต่เขตนอกของสุสานก็ยังอันตรายอย่างมาก เขาถึงกับตบหัวตัวเอง “ ข้านี่มันโง่จริงๆ ข้ากลับไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้”
“ ดูเหมือนว่าเจ้าของสุสานนั้นคงตายไปเพราะสุสานของอัลเวอร์ ” จางหยูคิด “ งั้นสุสานของอัลเวอร์คงฆ่าคนมามากมาย หากเจ้าไม่พบกับข้า ข้าเกรงว่าเจ้าคงโดนปราณสุสานรุกล้ำจนตาย”
เกลดันหวาดกลัวขึ้นมา “ หมายความว่าสุสานของอัลเวอร์นั้นถูกบางคนใช้งานเป็นเหยื่อล่อเพื่อฆ่าคนงั้นรึ ? แต่มันมีเป้าหมายอะไรที่จะทำแบบนั้น ? มันได้ประโยชน์อะไรกับการที่คนอื่นๆตายไป ?”
จางหยูส่ายหน้า “ ข้าแค่คาดเดาถึงความเป็นไปได้นี้ มันไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องจริง”
“ แต่มันก็ฟังดูมีเหตุผล…” เกลดันพูดขึ้น“ สุสานขั้น 9 คือหลุมฝังศพของผู้ควบคุมขั้น 9 จิตผู้สร้างของเขาจะสร้างโลกแยกขึ้นมา โลกแบบนั้นมั่นคงและทรงพลังกว่าโลกที่ผู้ควบคุมขั้น 9 ที่ยังมีชีวิตสร้างขึ้นมา แม้แต่ผู้ควบคุมขั้น 9 ก็ไม่อาจจะทำให้โลกนั้นสั่นคลอนได้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้เข้าไปลึกแต่ข้าก็มั่นใจถึงความมั่นคงและความแข็งแกร่งของสุสานนั่น ว่าขึ้นไปถึงขีดจำกัดของมันแล้ว มันอาจจะแข็งแกร่งกว่าโลกขั้น 9 ทั้งหมดที่ข้าเคยไปมา”
หมายความว่าสุสานของอัลเวอร์นั้นมีอยู่จริงและเป็นสุสานขั้น 9 จริงๆ !
มีแค่ผู้ควบคุมขั้น 9 ที่ตายไปเท่านั้นที่จะสร้างสุสานแบบนี้ขึ้นมาได้ !
ผู้ควบคุมขั้น 9 ที่ยังมีชีวิตไม่อาจจะทำแบบนี้ได้ !
“ บางทีสุสานแห่งนั้นคงมีอยู่จริงแต่มีบางคนเข้าไปด้านในแล้ว” จางหยูไม่มั่นใจ “ ชายคนนั้นบางทีอาจจะเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 เทียบกับอัลเวอร์และจงใจใช้ที่นี่เป็นเหยื่อล่อเพื่อเป้าหมายบางอย่าง…”
มันมีเหตุผลที่จะอธิบายออกมาแบบนี้
แต่ก็ยังมีอีกปัญหาที่ยังไม่ได้คำตอบ
นั่นคือ…เขามีเป้าหมายอะไรถึงได้ทำแบบนี้ ?
การให้ปราณสุสานรุกล้ำเข้าสู่ตัวคนมากมายและตายไปนั้น อีกฝ่ายจะได้ประโยชน์อะไร ?
หากต้องการจะฆ่าคนจริงๆ งั้นแค่สะบัดมือก็สามารถปลิดชีวิตพวกนั้นได้แล้ว ทำไมต้องทำเรื่องยุ่งยากขนาดนี้ด้วย ?

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท