ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1671 : บังเอิญ ?

ตอนที่ 1671 : บังเอิญ ?

จางหยูไม่ได้ยอมรับรึปฏิเสธแต่คำพูดของเขากลับทำให้เกลดันเข้าใจไปอีกอย่างเอง
จิตผู้สร้างอันน่ากลัวนั้น เกลดันได้รับรู้มันด้วยตัวเอง เขามั่นใจอย่างมากกว่ามันเหนือกว่าจิตผู้สร้างขั้น 8 ไม่ว่าจางหยูจะยอมรับรึไม่นั้นแต่ในใจเขาก็เชื่อว่าจางหยูจะต้องเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 เมื่อจางหยูทำตัวลึกลับเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เขาเชื่อยิ่งกว่าเดิม
“ ไม่แปลกเลยที่ท่านมั่นใจว่าจะกำจัดปราณสุสานในตัวข้าได้ ” เกลดันคิด “ ไม่แปลกเลยที่หลินเป่ยชานไม่อาจจะเป็นคู่มือของท่านได้…”
ขั้น 9 !
เกลดันโชคดีแค่ไหนที่ได้มาพบกับผู้ควบคุมขั้น 9 ?
อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่าปราณสุสานนั้นบางทีอาจจะไม่ใช่โชคร้ายแต่เป็นตัวทดสอบเขา
ซานเหอและเหยียนอู้พากันสับสนว่าผู้ควบคุมขั้น 8 คนนี้เจออะไรมา ?
เขาเดินทางผ่านรูหนอนแล้วไปเจออะไรมา ทำไมเขาถึงเคารพจางหยูแบบนี้ ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ !
“ เจ้าน่ะโชคดี ” จางหยูมองไปที่เกลดัน การที่ถูกเขาเลือกแล้วและจะได้เป็นคนของเขาในอนาคตนั้นจะไม่โชคดีได้ยังไง
แม้ว่าจางหยูจะไม่ใช่ผู้ควบคุมขั้น 9 จริงๆแต่อีกไม่นานเขาก็ต้องขึ้นไปถึงขั้น 9 ได้ มันคงใช้เวลาไม่นาน ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาคือจ้าวบรรพกาลซึ่งมีฐานะสูงส่งกว่าผู้ควบคุมขั้น 9 เสียอีก
ตอนนั้นจางหยูก็ได้พูดขึ้น “ เจ้ากับข้าต่างก็ได้รับโอกาส หลังจากนี้หากเจ้าทำงานให้ข้าได้ดี เป็นธรรมดาที่ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง แน่นอนว่าหากผ่านไป 1 ยุคแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะแยกตัวออกไปรึจะติดตามข้าต่อ” เมื่อเห็นว่าเกลดันอยากจะพูดบางอย่างจางหยูก็โบกมือ “ เรื่องนี้รอจนถึงเวลาแล้วค่อยตัดสินใจ ตอนนี้พูดไปก็ไม่มีความหมาย ”
เกลดันตอบกลับด้วยความเคารพ “ ได้ ! ” แต่ในใจเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องอยู่กับจางหยู
ยิ่งเป็นคนเย่อหยิ่งเท่าไหร่ก็ไม่อาจจะต้านทานความยิ่งใหญ่ได้ นี่ไม่ต้องนับการเป็นทาสเลย ยังไงซะเมื่อเขาเป็นทาสแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเขาได้กลายเป็นทาสของใครด้วย
หากเป็นทาสของผู้ควบคุมขั้น 9 แล้วมันก็ต่างจากทาสของคนอื่นๆ
นอกจากความยิ่งใหญ่แล้วก็ยังมีเกียรติในตัวเอง ผู้คนไม่รังเกียจที่จะเป็นทาสของผู้ควบคุมขั้น 9 มันไม่ได้โดนดูถูกแต่ยังถือว่ามีเกียรติสูงส่งอีกต่างหาก
ยังไงซะก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสิทธิ์เป็นทาสของผู้ควบคุมขั้น 9
มันขึ้นอยู่กับโชคจริงๆ !
เรื่องนี้เห็นได้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเกลดัน
ผู้ควบคุมขั้น 9 นั้นสามารถกำจัดปราณสุสานในตัวเกลดันได้แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้กลับไม่มีผู้ควบคุมขั้น 9 คนไหนมาช่วยเขาเลย มันเห็นได้ว่าผู้ควบคุมขั้น 9 นั้นไม่ได้สนใจเกลดันเลย บางทีไม่ใช่แค่ไม่สนใจแต่กลับไม่มีค่าพอให้คิดถึงด้วย
แน่นอนว่าหากเป็นเบเกิลแล้ว เดาว่าผู้ควบคุมขั้น 9 อาจจะสนใจก็ได้
เกลดันไม่ใช่เบเกิล เขาไม่ได้ยิ่งใหญ่แบบเบเกิล ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น
“ นายท่านอยากจะสั่งการอะไรข้า ?” เกลดันพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเอง
ซานเหอและเหยียนอู้อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน ท่าทีของเกลดันนั้นไม่อาจจะเข้าใจได้ ผู้ควบคุมขั้น 8 ระดับสูงที่เพิ่งมาเป็นทาสแต่กลับเคารพจางหยูยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก
ท่าทีประจบนี้ทำให้ซานเหอและเหยียนอู้ต่างก็พากันสับสน
นี่มันเกิดบ้าอะไรกับชายคนนี้กัน ?
จางหยูเห็นว่าทั้งสองสับสนแต่ก็ไม่คิดจะอธิบายอะไร ในทางกลับกันแล้วเมื่อได้ยินคำถามของเกลดันก็ทำให้เขาต้องครุ่นคิด
เขามีตราขั้น 7 กับตัว การเดินทางในความโกลาหลนั้นถือว่าเพียงพอแล้ว ตอนนี้เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรอื่น
“ ตอนนี้ยังไม่มีธุระอะไร ข้าแค่อยากเดินทางไปรอบๆ ” จางหยูนึกถึงสัญญาที่ตกลงกับเบเกิลเอาไว้ ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว ในความโกลาหลภายนอกไม่มีการไหลของเวลาจึงไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
เกลดันพูดขึ้น “ ข้าไม่รู้ว่าท่านจะสนใจสุสานขั้น 9 รึไม่ ?”
จางหยูยักคิ้ว “ เจ้าหมายถึงอะไร ?” เกลดันยังไม่ทันได้ตอบกลับ จางหยูก็ถามขึ้นมา “ จากนี้ไปเจ้าเรียกข้าว่าเจ้าสำนักก็พอสำหรับนายท่านนั้นข้าไม่ชิน ”   เกลดันไม่ได้คิดอะไรมาก แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าสำนักนี้หมายถึงฐานะอะไรแต่เมื่อจางหยูสั่งการมาแล้ว งั้นก็เป็นธรรมดาที่เขาจะเชื่อฟัง
“ ได้ เจ้าสำนัก ” เกลดันพยักหน้า
“ พวกเจ้าก็ด้วย ” จางหยูมองไปที่ซานเหอและเหยียนอู้
“ ได้ เจ้าสำนัก ! ” ซานเหอและเหยียนอู้ตอบกลับด้วยความเคารพ
“ เจ้าว่ามา “ จางหยูมองไปที่เกลดันแล้วพูดขึ้น
เกลดันสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “ เจ้าสำนักได้จัดการปราณสุสานในตัวข้าได้ ท่านน่าจะรู้ว่ามันแข็งแกร่งเพียงใด ข้าไม่คิดปิดบัง ปราณนั้นมาจากสุสานขั้น 9 ! มันคือสุสานขั้น 9 ที่ข้าโดนปราณสุสานแทรกซึมเข้ามาในตัวและทำให้ข้าอยู่ในสภาพนี้..”
“ เจ้าหมายถึงอะไร ?”
“ หากท่านสนใจ ข้าจะพาท่านไปยังสุสานขั้น 9 นั่น “ เกลดันมองไปที่จางหยู “สุสานขั้น 9 นั้นมีความลับมากมายและมีสมบัติที่น่าทึ่ง ข้ารู้พิกัดมันและได้กุญแจเข้าไปในสุสานแห่งนั้น บางทีเจ้าสำนักอาจจะไม่สนใจในสมบัติแต่เจ้าสำนักอาจจะสนใจความลับที่อยู่เบื้องหลัง…”
จางหยูไม่คิดเลยว่าเกลดันจะแบ่งปันความลับของสุสานขั้น 9 กับเขา
นี่คือสุสานขั้น 9 !
หากคนอื่นรู้ข่าวเรื่องสุสานขั้น 9 ใครกันจะยอมแบ่งปันเรื่องนี้กับคนอื่น ?
สุสานขั้น 9 นั้นหาได้ยาก สุสานแต่ละแห่งมีสมบัติมากมาย แม้แต่คนระดับสูงก็ยากที่จะมองข้ามสุสานขั้น 9 ได้ สุสานขั้น 9 ส่วนมากหายไปกับกาลเวลาเพราะการกัดเซาะของความโกลาหล แต่เมื่อมันปรากฏตัวขึ้นมาก็จะทำให้คนนับไม่ถ้วนสนใจและทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น
สุสานขั้น 9 ไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจ ตราบใดที่ถึงเวลาก็เผยตัวออกมาสู่ความโกลาหลได้เอง ไม่ว่าจะเป็นใครก็เข้าไปได้  ดังนั้นสุสานขั้น 9 ที่เกลดันพูดถึงนั้นไม่ใช่สุสานขั้น 9 ที่เปิดเผยตัวออกมา สุสานแบบนี้แม้ว่าจะอันตรายกว่าแต่ก็ไม่ได้มีคนอื่นมาแย่งชิงของไปจากพวกเขา หากเข้าไปในสุสานนั้นได้และกลับออกมาจะต้องทำให้พวกเขาร่ำรวยอย่างมากเป็นแน่
“ สุสานแบบไหนกัน เจ้าลองพูดมาที” จางหยูว่างอยู่แล้ว เขาไม่รังเกียจที่จะฟังเรื่องนี้
“ ตามเบาะแสที่ข้าได้มาแล้วเจ้าของสุสานแห่งนี้น่าจะเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 ที่ชื่ออัลเวอร์ เมื่อหลายหมื่นปีก่อนในเขตตะวันออกตอนเหนือ ข้าได้ทำการตรวจสอบเรื่องนี้ แม้ว่าจะได้ข้อมูลมาเพียงน้อยนิดแต่ก็มั่นใจว่าเมื่อหลายหมื่นปีก่อนมีผู้ควบคุมขั้นที่ชื่ออัลเวอร์ เขาคือผู้สร้างโลกสวรรค์ร้างแห่งนี้ ” เกลดันพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ อัลเวอร์รึ ?” จางหยูเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้อมาก่อน “ ผู้สร้างโลกสวรรค์ร้างรึ ?”
ตำนานได้บอกว่าผู้สร้างโลกสวรรค์ร้างเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 และหายตัวไปหลายปีแล้ว ไม่คิดเลยว่าตำนานจะเป็นความจริง
เพียงแต่ว่าชื่อนี้ทำให้จางหยูนึกถึงจ้าวสิง
เขาจำได้ว่าก่อนที่จ้าวสิงจะตาย อีกฝ่ายได้พูดถึงสุสานขั้น 9 รวมไปถึงชื่อของอัลเวอร์ด้วย
“ กุญแจเข้าสู่สุสานขั้น 9 มีมากกว่า 1 อันรึ ?” จางหยูคิด “ มันมีคนอื่นที่รู้พิกัดนี้ด้วยรึ ?”
เกลดันเห็นว่าจางหยูเหมือนจะคิดถึงบางอย่างอยู่ก็กลัวจนไม่พูดอะไรออกมา
“ เจ้ามั่นใจรึว่าเจ้าของสุสานแห่งนี้ชื่อว่าอัลเวอร์?” จางหยูได้สติกลับมาก็ถามขึ้น
“ ใช่ ” เกลดันพยักหน้าและถามด้วยความสงสัย “ เจ้าสำนักรู้จักท่านอัลเวอร์รึ ?” ผู้ควบคุมขั้น 9 เหมือนกัน หากจะรู้จักกันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้น “ ข้าไม่รู้จักเขาแต่ข้าเคยได้ยินชื่อเขามาก่อน ไม่นานมานี้ข้าได้จัดการกับคนคนหนึ่งไป ชายคนนั้นได้พูดถึงอัลเวอร์ และเขาบอกว่าเขารู้เรื่องสุสานแห่งนี้และมีกุญแจที่จะเปิดมัน”
“ เป็นไปไม่ได้ !” เกลดันพูดขึ้น “ สุสานแห่งนี้ข้าได้เบาะแสมาจากสุสานขั้น 8 มีแค่สุสานแห่งนั้นที่มีกุญแจ ที่นั่นได้บันทึกพิกัดสุสานขั้น 9 แห่งนี้เอาไว้และถูกข้าทำลายไปแล้ว ไม่มีใครรู้พิกัดของมันได้ นี่ไม่ต้องนับการมีกุญแจเลย”
จางหยูคิ้วขมวด “ งั้นจ้าวสิงก็โกหกงั้นรึ ?”
มันไม่อาจจะตัดความเป็นไปได้นี้ออกไปได้
เพื่อที่จะเอาตัวรอดจ้าวสิงจึงโกหก เรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ นั่น..” เกลดันลังเล “ ข้าไม่มั่นใจ “ เขาเงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้น “ อัลเวอร์ได้ตายไปแล้ว เบาะแสของเขาเหมือนจะถูกลบไป ข้าได้ใช้ความพยายามอย่างมากและใช้เวลาอยู่นานแต่ก็ได้ข้อมูลมาแค่น้อยนิด แม้แต่ชื่อเขาข้าก็ต้องเดินทางไปยังโลกขั้น 9 หลายใบกว่าจะได้ยินมา เมื่อชายคนนั้นพูดถึงอัลเวอร์ ข้ากลัวว่า…”
เขาสับสนนิดๆ
ดูเหมือนว่าสุสานขั้น 9 แห่งนี้จะมีความลับมากมายจริงๆ จางหยูรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดของสุสานแห่งนี้
รึว่ามันบังเอิญที่จ้าวสิงและเกลดันจะพูดถึงสุสานของอัลเวอร์เหมือนกันรวมไปถึงการที่ทั้งสองมีกุญแจที่จะเข้าไปที่นั่นด้วย ?

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท